“จะเป็นไปได้ยังไงกัน!”
เย่ฉางหมิ่นพูดโพล่งออกมาว่า “พ่อ พ่อไม่ได้พบเย่เฉินมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นเอาเขามาคิดได้ดีเกินไปแล้ว หนูจะบอกความจริงพ่อให้ ตอนนี้เย่เฉินก็คือกุ๊ยบ้านนอกคนหนึ่ง! ไม่ว่าจะเป็นซูจือหยูหรือกู้ชิวอี๋ ล้วนเป็นลูกคุณหนูมีชื่อของเย่นจิง จะชายตาแลเขาได้ยังไง?!”
เย่โจงฉวนกล่าวขึ้นอย่างเย็นเยียบ “เมื่อวานฉันยังพบกู้เย้นจงที่สมาคมการค้าอยู่เลย ฉันลองเลียบเคียงถามเขาดูว่าเขายังจำสัญญาหมั้นหมายของเย่เฉินกับลูกสาวเขาได้หรือไม่ ตอนนั้นเขาบอกกับฉันว่า ขอเพียงหาเย่เฉินพบ จะต้องให้ลูกสาวแต่งกับเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอน!”
“นอกจากนี้ กู้เย้นจงยังบอกอีกว่า ไม่ว่าตอนนี้เย่เฉินจะมีฐานะเป็นอย่างไร ต่อให้เป็นขอทานข้างถนน เขาก็คือว่าที่ลูกเขยของตระกูลกู้ เรื่องนี้พวกเขาทั้งครอบครัวต่างเห็นพ้องต้องกันนานแล้ว!”
เย่ฉางหมิ่นตกตะลึงพรึงเพริด “นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว กู้เย้นจงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
เย่โจงฉวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดอยู่บ้าง “กู้เย้นจงเป็นบ้าหรือไม่ฉันไม่คิดสนใจ แกเองก็ไม่ต้องกังวลเช่นกัน ตอนนี้หน้าที่ของแกคือคิดหาทุกวิถีทางให้เย่เฉินรับปากกลับมาฉลองปีใหม่!”
เย่ฉางหมิ่นจนปัญญาอย่างยิ่งยวด ได้แต่พูดพึมพำว่า “พ่อ บอกความจริงกับพ่อแล้วกัน เมื่อวานเฉินเอ๋อทำเกินไปจริงๆ เมื่อวานหนูก็เลยระงับอารมณ์ไม่อยู่ ทะเลาะกับเขาไปยกหนึ่ง ข้าวเขาก็ไม่กิน สะบัดมือจากไปทันที…”
“สารเลว!” เย่โจงฉวนตวาดอย่างโมโห แล้วกล่าวว่า “อย่านึกว่าฉันไม่รู้จักแกดี ด้วยกิริยามารยาทของแก แท้จริงแล้วใครที่ทำเกินไปกันแน่ก็ยังบอกไม่ได้!”
กล่าวจบ เย่โจงฉวนก็กล่าวอีกว่า “อย่างอื่นฉันไม่สน จะต้องพาเย่เฉินกลับมาให้ฉันให้ได้! หากเขาไม่ยอมกลับ งั้นแกก็คิดหาวิธีอื่นหน่อยแล้วกัน!”
เย่ฉางหมิ่นรีบร้อนถามว่า “วิธีอื่น? วิธีอะไร?”
เย่โจงฉวนพูด “เขามีภรรยาอยู่ที่จินหลิงคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? แกก็คิดหาวิธีเข้าทางภรรยาเขา หรือจากทางพ่อตาแม่ยายเขาก็ได้แล้วนี่?”
เย่ฉางหมิ่นเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “งั้นหนูจะไปพบหน้าภรรยาเขาเดี๋ยวนี้ มอบเงินให้เธอ ให้เธอหย่ากับเย่เฉิน!”
เย่โจงฉวนกล่าวว่า “ไม่ต้องไปหาเมียเขา แกสามารถไปพูดหว่านล้อมจากแม่ยายของเขาก่อนได้ ฉันได้ยินว่าแม่ยายคนนั้นของเขาเป็นคนโลภมาก เห็นเงินแล้วตาโต!”
เย่ฉางหมิ่นรีบพูดว่า “พ่อ งั้นหนูจะไปคิดหาวิธีบุกทะลวงจากทางแม่ยายเขาเดี๋ยวนี้!”
“อืม!” เย่โจงฉวนเอ่ยเตือนว่า “หลังแกพบแม่ยายเขาแล้ว ห้ามเผยฐานะที่แท้จริงของแกออกมาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหากให้คนเจ้าเล่ห์แบบนั้นรู้ว่าเย่เฉินเป็นคนของตระกูลเย่แห่งเย่นจิง ต่อให้แกตีเธอตาย เธอก็ไม่มีทางให้ลูกสาวเธอหย่ากับเฉินเอ๋อแน่”
“ได้เลยค่ะพ่อ! หนูรู้แล้ว!”
เย่ฉางหมิ่นรีบขานรับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาทันทีทันใด โทรหาบอดี้การ์ดที่ตนเองจะพาไปจินหลิงครั้งนี้ กำชับว่า “สืบให้ฉันหน่อยว่าแม่ยายเย่เฉินอยู่ไหน ฉันต้องการพบเธอ!”
…
หม่าหลันโบกรถมายังสถานเสริมความงามที่อยู่บนบัตรกำนัลอย่างเบิกบานใจ ตอนเข้าประตูแสดงบัตรกำนัล ในใจเธอมากน้อยก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด หรือเป็นที่บัตรใบนี้ไม่อาจใช้ได้
แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ พนักงานพูดจามีมารยาทกับเธอมาก “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง! บัตรกำนัลใบนี้ของคุณสามารถใช้ตอนไหนก็ได้ ทั้งยังไม่ต้องจองล่วงหน้า ตอนนี้คุณต้องการใช้บริการเลยไหมคะ?”
พอหม่าหลันได้ยินเช่นนี้ ก็พูดอย่างดีอกดีใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว! ฉันอุตส่าห์โบกรถมาตั้งไกล คงไม่ใช่แค่มาถามอย่างเดียวหรอกมั้ง? รีบหาช่างเทคนิคให้ฉันเร็ว ตอนนี้ฉันต้องการใช้บริการแล้ว”
พนักงานพยักหน้า พูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณผู้หญิง SPAทั้งตัวของเราที่นี่จะต้องอาบน้ำก่อน ฉันจะพาคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ จากนั้นก็จะให้ช่างเทคนิคมาทำSPAให้คุณ!”
หม่าหลันในใจเบิกบานอย่างยิ่ง ตอนที่เมื่อก่อนมีเงินอยู่ในมือ เธอก็ไปที่ร้านเสริมสวยหรือสถานเสริมความงามไม่น้อย ทำหน้าหรือไม่ก็ทำSPA
ดังนั้นเธอจึงรู้ขั้นตอนการทำSPAของสถานเสริมความงามระดับไฮเอนด์ อย่างแรกจะต้องแช่ในอ่างน้ำนมโรยด้วยกลีบดอกไม้ก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนไปใส่ชุดชั้นในที่สถานเสริมความงามจัดไว้ให้ แล้วรับการนวดไปทั่วตัวจากช่างเทคนิค
หม่าหลันตามพนักงานไปที่ห้องอาบน้ำอย่างเบิกบานใจ พบว่าที่นี่ใส่น้ำในอ่างไว้เรียบร้อยแล้ว ในน้ำยังใส่น้ำนม กลีบดอกไม้รวมถึงเกลือขัดผิวเข้าไปด้วย จึงพลันยิ้มกล่าวว่า “อั้ยยะ การให้บริการของร้านพวกคุณช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คนยังไม่มา ก็ใส่น้ำไว้เรียบร้อยแล้ว”