พอเจ้าของร้านเสริมสวยได้ยินว่าผู้หญิงสองคนกำลังตีกัน พลันปวดหัวขึ้นมาทันที
“บ้าเอ๊ย เพื่อนสนทนากันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงตีกันได้ล่ะ?!”
พนักงานรีบกล่าวว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตีกันจนร้องโหยหวนขนาดนั้น หากฉันไม่ไปดูอีก บางทีอาจจะตีกันถึงตาย!”
“ฉิบหาย!”
เจ้าของร้านเสริมสวยเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้ชิ่งหนี หากเวลานี้เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นแม้แต่นิดเดียว แล้วเรียกให้ตำรวจมาที่นี่ อย่างนั้นคงจะยุ่งยากใหญ่แน่
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าสืบดูสถานการณ์ ยังไม่ถึงข้างหน้า ก็ได้ยินว่าข้างในตีกันจนสะบักสะบอมเสียแล้ว
หม่าหลันกำลังตะโกนลั่นขวางประตูอยู่ “สารเลว นังหญิงโสโครก ฉันจัดการนังหมูตอนอย่างจางกุ้ยเฟินไม่ได้ แล้วยังจะจัดการแกไม่ได้อีกรึ?!”
ซึ่งเย่ฉางหมิ่นเห็นได้ชัดว่าตกเป็นเบี้ยล่าง จึงกัดฟันด่าว่า “แกรอก่อน! ฉันจะไม่ยอมให้แกได้อยู่ดีมีสุขแน่! ฉันจะไม่ยอมให้แกได้มีชีวิตอยู่จนเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้!”
“เพี๊ยะ!”
หม่าหลันตบลงไปที่หน้าเย่ฉางหมิ่นอีกหนึ่งฉาด “ปากเน่าๆ นี่ ยังขู่เข็ญฉันได้อยู่สินะ ดูสิว่าฉันจะฉีกปากแกยังไง!”
เจ้าของร้านเสริมสวยผลักประตูเข้ามามองแวบหนึ่ง ก็ถูกผู้หญิงสองคนที่เลือดอาบเต็มหน้าทำให้ตกใจจนรีบปิดประตูใหม่อีกครั้ง
ปากเขาก็พูดพึมพำอย่างเคร่งเครียดว่า “ไม่ได้ๆ! หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเดี๋ยวก็ตายกันพอดี!”
กล่าวจบ เขาก็วิ่งไปยังประตูหลังทันที พอผลักประตู ก็เห็นรถตู้คันหนึ่งกำลังจอดอยู่หน้าประตู โดยหันกระโปรงท้ายรถตรงกับประตูหลังพอดี
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบร้อนวิ่งไปตบๆ ยังที่นั่งข้างคนขับ เซียวไห่หลงลดกระจกลง ถามอย่างดีใจว่า “เหล่าไป๋ นังหญิงโสโครกหม่าหลันสลบไปแล้วใช่ไหม?”
เจ้าของร้านเสริมสวยพูดอย่างร้อนรนราวถูกไฟจี้ “สลบกับผีสิ! กำลังทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ด้านใน หากทะเลาะกันต่อไปอาจตายได้ นายรีบเข้าไปพาเอาคนไปเถอะ!”
เซียวไห่หลงถามอย่างแปลกใจว่า “เกิดอะไรขึ้น?! ทะเลาะกัน? ทะเลาะกับใคร?”
เจ้าของร้านเสริมสวยใจฝ่อเล็กน้อย แต่เรื่องที่ตนรับเงินแล้วปล่อยเย่ฉางหมิ่นเข้ามาไม่อาจเอ่ยได้ จึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเป็นใคร นายรีบพาคนไป ไม่อย่างนั้นหากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงได้เสร็จกันหมดแน่! ไม่เพียงฉันที่จบเห่ นายก็ต้องจบเห่ด้วย!”
พอเซียวไห่หลงได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพาชายฉกรรจ์สองสามคนลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
คนกลุ่มหนึ่งอยู่ภายใต้การนำทางของเจ้าของร้านเสริมสวย ยกโขยงกันมาถึงหน้าประตูห้องSPA ยังไม่ทันเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงตีกันชุลมุนอยู่ด้านใน
เซียวไห่หลงใช้เท้าข้างหนึ่งถีบประตูเปิดออก มองเห็นหม่าหลันกำลังนั่งคร่อมบนต้วผู้หญิงที่มีเลือดอาบหน้าคนหนึ่งพร้อมกับตบอีกฝ่ายอย่างรุนแรง จึงกล่าวกับคนเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายทันที “ก็คือผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ด้านบน จับเธอมาแล้วพาไปขึ้นรถให้ฉัน”
หม่าหลันเงยหน้าเห็นเป็นเซียวไห่หลง ก็ตะโกนลั่นอย่างตื่นตระหนกทันที “เซียวไห่หลง! แกคิดจะทำอะไร?!”
เซียวไห่หลงแสยะยิ้ม กล่าวว่า “อาสะใภ้รอง คุณทำตัวอวดดีกับบ้านของเรามานานขนาดนี้ แถมยังส่งแม่ผมไปอยู่ในเหมืองถ่านหิน ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณต้องชดใช้บ้างแล้ว!”
กล่าวจบ เขาก็โบกมือทีหนึ่ง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายก็พุ่งเข้าไปทันที แล้วมัดตัวหม่าหลันไว้
เย่ฉางหมิ่นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เห็นมีคนลงมือจับผู้หญิงที่เอาแต่ทุบตีตนเองอยู่ตลอดไว้ ก็ถอนหายใจออกมาได้ในที่สุด ก่อนจะด่าอย่างกระหืดกระหอบว่า “นังหญิงแซ่หม่า ฉันจะต้องฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆ! คอยดูเถอะ!”
เย่ฉางหมิ่นพูดจบ มือก็ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าแอร์เมส
เซียวไห่หลงเห็นเช่นนี้ ก็รีบร้อนด่าว่า “สารเลว ยังคิดจะโทรศัพท์อีก?! วางมือถือลงให้ฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
เย่ฉางหมิ่นมองเขา พูดโพล่งออกมาว่า “เรื่องนี้เป็นความแค้นส่วนตัวของฉันกับหม่าหลัน นายอย่ามายุ่ง! ส่งตัวหม่าหลันมาให้ฉัน แล้วฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้นายอย่างงาม!”
เซียวไห่หลงพลันโกรธขึ้นมาทันที