เขาลอบพิจารณาอยู่ในใจ “ผู้หญิงคนนี้เห็นเขาไม่มีสมอง? ส่งตัวหม่าหลันให้เธอ? แล้วครอบครัวของเราจะชี้แจงกับประธานอู๋อย่างไร? อีกอย่าง ฉันไม่สนว่าวันนี้ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ในเมื่อเธอกับหม่าหลันตบตีกันแล้ว เพื่อเลี่ยงไม่ให้เรื่องที่ฉันจับตัวหม่าหลันไปเกิดปัญหา อย่างนั้นฉันคงได้แต่พาไปด้วยกันเสียเลย!”

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจเย่ฉางหมิ่น พูดกับชายฉกรรจ์เหล่านั้นโดยตรงว่า “มัดตัวหญิงแก่คนนี้พาไปด้วยกันเลย!”

พอเย่ฉางหมิ่นได้ยินเช่นนี้ พลันร้องลั่นด้วยความโกรธทันที “มัดตัวฉัน? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!”

เซียวไห่หลงพูดอย่างรังเกียจ “ฉันขี้เกียจจะรู้ว่าเธอเป็นใคร ต่อไปตอนที่เธอไปเผาอิฐที่โรงงานอิฐด้วยกันกับหม่าหลัน ก็ค่อยบอกหม่าหลันแล้วกันว่าเธอเป็นใคร!”

กล่าวจบ ก็พูดกับคนเหล่านั้นอีกว่า “อุดปากพวกหล่อนสองคนให้ฉันด้วย!”

เย่ฉางหมิ่นพูดอย่างสุดเสียงว่า “แกกล้าแตะต้องฉัน ฉันคือเย่…อื้อ…”

คำพูดที่เหลือของเย่ฉางหมิ่นไม่ได้พูดออกมา ปากก็ถูกคนใช้ผ้าขนหนูผืนหนึ่งยัดไว้อย่างแน่นหนา

จุดจบของหม่าหลันก็เป็นแบบเดียวกัน หลังถูกคนยัดปากไว้แล้ว เซียวไห่หลงก็กล่าวกับพวกเขาทันทีว่า “รีบพาคนขึ้นรถ!”

คนเหล่านั้นแบกหม่าหลันกับเย่ฉางหมิ่นทันที เดินอย่างรวดเร็วออกประตูหลังไป ยัดคนทั้งสองเข้าไปในรถ

เวลานี้เซียวไห่หลงก็กล่าวกับเจ้าของร้านเสริมสวยว่า “เหล่าไป๋ ฉันแนะนำว่านายไปเร็วหน่อย อย่ารั้งอยู่ที่นี่นาน”

เจ้าของร้านเสริมสวยกล่าวว่า “ไม่ได้หรอก ฉันยังมีพวกเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องมือมือสองที่รอจัดการอยู่!”

เซียวไห่หลงถามเขาว่า “ก็แค่ของเน่าๆ มือสอง ได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว?”

“ไม่มีค่าแต่มีของมากก็ยังดีกว่า ขายของเน่าดีร้ายอย่างไรก็ยังขายได้หมื่นสองหมื่น”

เซียวไห่หลงรีบกล่าวว่า “นายรีบทิ้งมันไว้เถอะ! เพื่อเงินหมื่นสองหมื่นนี่ นายต้องรั้งอยู่ถึงเมื่อไหร่? หากทำเพื่อเงินแค่นี้ สุดท้ายนายเกิดอยากชิ่งหนีแล้วหนีไม่พ้น งั้นนายก็จะขาดทุนย่อยยับ! ดังนั้นฉันจึงแนะนำว่า นายจงไปเสียเลยตอนนี้! หลังจากที่ฉันไปแล้ว นายก็รีบหนีไปจากประตูหลังเถอะ!”

เจ้าของร้านเสริมสวยคิดดูอย่างละเอียด “ใช่แล้ว…ผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่มาหาหม่าหลัน มีคนติดตามมาด้วย เพียงแต่ผู้ติดตามคนนั้นเวลานี้กำลังรออยู่ด้านนอก ตอนนี้คนถูกเซียวไห่หลงพาตัวไปแล้ว หากอีกฝ่ายรอจนไม่พบคน ถ้าไม่อย่างนั้นครึ่งชั่วโมง จะต้องเข้ามาดูลาดเลาแน่ ถึงเวลาไม่ใช่จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหรอกหรือ?!”

คิดถึงตรงนี้ ใจเขาก็เต้นระทึก อย่างไรก็ได้เงินจากเซียวไห่หลงสองแสน ไหนจะเงินนั่นจากเย่ฉางหมิ่นอีกห้าหมื่น ก็นับเป็นเงินทุนไม่น้อยก้อนหนึ่งแล้ว ตอนนี้หากยังไม่ชิ่งหนีอีกล่ะก็ หากในกรณีที่หนีไม่พ้นขึ้นมา ก็คงไม่มีน้ำตาให้เสียใจภายหลังแล้ว!

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรีบบอกกับพนักงานคนนั้นว่า “ไปแจ้งช่างเทคนิค ภายในห้านาทีให้เก็บข้าวของแล้วจากไปซะ!”

พนักงานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ เถ้าแก่!”

ในเวลาอันรวดเร็ว รถตู้ที่เซียวไห่หลงหามา บรรทุกหม่าหลันรวมถึงเย่ฉางหมิ่นที่ถูกมัดมือไพล่หลังไว้ แล่นฉิวไปจากประตูหลังของร้านเสริมสวย

เพียงไม่กี่นาที เจ้าของร้านเสริมความงามก็นำพนักงานและช่างเทคนิคคนหนึ่ง พร้อมกับกระเป๋าเดินทางและของมีค่าที่อยู่ในกระเป๋าใหญ่น้อย ค่อยๆ ออกไปจากประตูหลังร้านอย่างเงียบๆ

เวลานี้ บอดี้การ์ดของเย่ฉางหมิ่นยังยืนอยู่ที่ด้านข้างรถโรลส์-รอยซ์คันนั้นที่จอดอยู่ข้างทาง รอคอยเย่ฉางหมิ่นออกมาจากด้านใน

เขาไหนเลยจะรู้ว่า เย่ฉางหมิ่นถึงกับถูกลักพาตัวไปในร้านเสริมสวยที่ดูสามัญธรรมดาแห่งนี้…

ยี่สิบนาทีผ่านไป เย่ฉางหมิ่นยังไม่ออกมา บอดี้การ์ดจึงล้วงมือถือออกมา คิดจะลองโทรถามเย่ฉางหมิ่น

เวลาเดียวกันนี้ รถตู้คันนั้นกำลังแล่นออกไปนอกเมืองแล้ว

เซียวไห่หลงกำลังนั่งอยู่บนเบาะหลังด้วยใบหน้าลำพองใจ ซึ่งหม่าหลันที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ก็นอนอยู่ใต้เท้าเขา

เขาจงใจใช้สองขาเหยียบหน้าหม่าหลันไว้ พร้อมกับยิ้มเย็นกล่าวว่า “หม่าหลัน คิดไม่ถึงสินะ ว่าเธอจะมีวันนี้!”

หม่าหลันพูดไม่ได้ ได้แต่พยายามส่งเสียงอู้อี้ออกมา

เวลานี้ ในกระเป๋าที่อยู่ข้างกายของเย่ฉางหมิ่น จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา!