เสียงกริ่งมือถือของเย่ฉางหมิ่น ทำเซียวไห่หลงตกใจจนสะดุ้งวาบ
เขารีบยื่นมือไปล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเย่ฉางหมิ่น ล้วงได้โทรศัพท์ไอโฟนออกมาจากในนั้นเครื่องหนึ่ง
เห็นมีคนโทรหาเธอ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ปิดเครื่องทันที แล้วโยนกลับลงไปในกระเป๋าของเย่ฉางหมิ่น
แม้เย่ฉางหมิ่นจะส่งเสียงอู้อี้ออกมาพักหนึ่ง แต่กลับไร้ซึ่งหนทางใดๆ ในใจเสียใจภายหลังจนลำไส้เขียวช้ำไปหมดแล้ว
เธอลอบพิจารณาอยู่ในใจ “นี่มันไม่ใช่คราวซวยของฉันหรอกเหรอ? ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะไปพูดไร้สาระกับหม่าหลันมากมายขนาดนั้นเพื่ออะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ตนเองคงไม่ถูกคนกลุ่มนี้ลักพาตัวมา!”
แต่ว่า เสียใจภายหลังในเวลานี้ไม่มีความหมายใดๆ แล้ว แม้เธอจะเป็นลูกสาวคนโตของคุณท่านใหญ่เย่ผู้สูงศักดิ์ แต่เธอในเวลานี้กำลังอยู่ในสภาวะเรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบไปเสียแล้ว
ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้ ที่หน้าประตูของร้านRitz Beauty Salon
บอดี้การ์ดของเย่ฉางหมิ่นพบว่าเจ้านายของตนเองกดตัดสายของตน
ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะอย่างไรเขาก็รู้ว่าวันนี้เย่ฉางหมิ่นแค่มาพูดคุยธุระกับหม่าหลัน บางทีตอนนี้อาจจะกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการเจรจา จึงไม่สะดวกรับสายของตน
ทว่า เพื่อป้องกันความผิดพลาด เขาจึงโทรหาเย่ฉางหมิ่นอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าการโทรไปครั้งนี้ โทรศัพท์จะถึงกับปิดเครื่องไปแล้ว!
คราวนี้ ทำให้บอดี้การ์ดของเย่ฉางหมิ่นเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว!
สังคมในปัจจุบัน มือถือมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้คน ดังนั้นมือถือของเย่ฉางหมิ่น แทบจะไม่เคยเกิดเรื่องปิดเครื่องในตอนกลางวันอย่างนี้เลย
เขาพลันสังเกตเห็นความผิดปกติขึ้นมาหลายส่วน ด้วยเหตุนี้จึงพูดกับคนขับรถทันทีว่า “ตามฉันเข้าไปดูหน่อย!”
คนขับรถก็เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดของเย่ฉางหมิ่น เขารีบลงจากรถโรลส์-รอยซ์ทันที ไปพร้อมกับบอดี้การ์ดที่คุมอยู่ข้างรถ บุกเข้าไปในร้านเสริมสวยด้วยกัน
พอเข้าไปในร้าน ทั้งสองก็พบว่าสถานการณ์ไม่ปกติ!
พนักงานไม่อยู่ ด้านในก็ดูเละเทะอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยของการรื้อค้นอย่างรีบร้อน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงค้นหาด้านในไปทีละห้องๆ หาไปจนถึงห้องSPAที่เย่ฉางหมิ่นกับหม่าหลันทะเลาะกันก่อนหน้านี้
ตอนที่เห็นว่าในห้องเต็มไปด้วยความระเกะระกะ มีเลือดรวมถึงเส้นผมกระจุกหนึ่งอยู่บนพื้น ในใจคนทั้งสองก็หล่นฮวบ สบตากันและกันแวบหนึ่ง ต่างมองเห็นความสิ้นหวังและหดหู่ในดวงตาของอีกฝ่าย!
บนโซฟา ยังมีผ้าเช็ดหน้าของเย่ฉางหมิ่นตกอยู่ด้วย!
จากในที่เกิดเหตุสามารถมองออกได้ง่ายดาย เย่ฉางหมิ่นถูกลักพาตัวไปแล้ว!
บอดี้การ์ดสองคนพลันรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ!
พวกเขาถวายชีวิตปกป้องความปลอดภัยของเย่ฉางหมิ่น เดิมควรใช้ชีวิตตนเพื่อไปอารักขาเย่ฉางหมิ่น กลับคิดไม่ถึงว่าใต้หนังตาของพวกเขา เย่ฉางหมิ่นจะถูกคนลักพาตัวไปเสียได้!
หนึ่งในนั้นพูดอย่างสิ้นหวังว่า “จบสิ้นแล้ว! คราวนี้จบสิ้นแล้ว! ปกป้องเจ้านายไม่ได้ นี่คือโทษตายเท่านั้น!”
อีกคนก็สิ้นหวังเช่นเดียวกัน กล่าวขึ้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก “นี่…นี่มันไม่สมควรเลย! วันนี้คุณหนูใหญ่ตัดสินใจจะมาพบหม่าหลันคนนั้นเป็นการชั่วคราว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปไหนโดยไม่บอกล่วงหน้า ซึ่งระหว่างทางที่พวกเรามานี้ก็ไม่ได้ถูกใครตามเช่นเดียวกัน ใครจะมาลงมือกับเธอได้กัน นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”
“โธ่เอ๊ย นายยังจะสนเหตุผลไม่เหตุผลอะไรนั่นอีก เรื่องด่วนที่ต้องทำในตอนนี้คือรีบไปหาคุณหนูใหญ่ออกมา! พวกเรายังคงรีบโทรหาเฉินจื๋อข่ายกันดีกว่า! จินหลิงเป็นถิ่นของเขา เขาต้องมีหนทางกว่าพวกเราแน่!”
“มีเหตุผล!”
บอดี้การ์ดคนนั้นพูดจบ ก็ล้วงมือถือออกมาทันที โทรหาเฉินจื๋อข่าย
เวลานี้เฉินจื๋อข่ายกำลังอยู่ในโรงพยาบาล มองดูพนักงานที่แท้งลูกเพราะเย่ฉางหมิ่นคนนั้น
เท้าข้างนั้นของเย่ฉางหมิ่น ไม่เพียงถีบพนักงานหญิงจนแท้งลูก ยังทำให้พนักงานหญิงตกเลือดมากเพราะสาเหตุนี้ โชคดีที่ช่วยชีวิตได้ทัน จึงพ้นขีดอันตรายชั่วคราว
พอคิดถึงความกำเริบเสิบสานและการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของเย่ฉางหมิ่น เฉินจื๋อข่ายก็ทั้งโกรธทั้งแค้น แต่เขาเป็นลูกน้องของตระกูลเย่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีสิทธิชี้ไม้ชี้มือบงการเย่ฉางหมิ่นได้