ดังนั้น เขาจึงได้แต่พูดปลอบใจพนักงานหญิงคนนั้นด้วยตัวเอง ให้เธอพักฟื้นร่างกายอย่างสบายใจ

ออกมาจากห้องผู้ป่วย เฉินจื๋อข่ายก็ถอนหายใจ ตอนที่ในใจกำลังครุ่นคิดว่าลูกคุณหนูอย่างเย่ฉางหมิ่นจะจากไปได้เมื่อไหร่ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

สายที่โทรมา ก็คือบอดี้การ์ดข้างกายเย่ฉางหมิ่น

เฉินจื๋อข่ายรับสาย “ฮัลโหล ฉันเฉินจื๋อข่าย”

ที่ปลายสายพูดอย่างสะอึกสะอื้นจนเกือบจะร้องไห้อย่างเคร่งเครียด “ผู้จัดการทั่วไปเฉิน เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”

เฉินจื๋อข่ายขมวดคิ้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไร? ถึงตกอกตกใจกันขนาดนี้”

ทางนั้นพูดเสียงสั่นระริกว่า “ผู้…ผู้จัดการทั่วไปเฉิน คุณหนูใหญ่เธอ…เธอ…เธอถูกลักพาตัวไปแล้ว!”

ในสมองของเฉินจื๋อข่ายเกิดเสียงหึ่งดังขึ้นมา!

หมายความว่าอย่างไร?

เย่ฉางหมิ่นถึงกับถูกลักพาตัวที่จินหลิง?

เป็นใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้ กระทั่งคนตระกูลเย่ก็กล้าจับตัวไป?

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบร้อนกล่าวว่า “นายอย่าเพิ่งร้อนใจ เล่าเรื่องนี้มาให้ฉันฟังอย่างละเอียด!”

อีกฝ่ายรีบพูดว่า “วันนี้คุณหนูใหญ่ต้องการมาพบผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อหม่าหลันเพื่อพูดคุยธุระนิดหน่อย ดังนั้นพวกเราจึงมาที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งพร้อมกับคุณหนูใหญ่ เพื่อพบหน้าหม่าหลันคนนั้น…”

“แต่คิดไม่ถึงว่า…พวกเธอสองคนจะหายตัวไปพร้อมกันในร้านเสริมสวย แม้แต่พนักงานกับเจ้าของร้านเสริมสวยก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน…”

พริบตาต่อมา เขาก็คิดถึงเย่เฉินทันที

เขารู้ เย่เฉินทะเลาะกับเย่ฉางหมิ่นใหญ่โตที่สวนดอกไม้กลางอากาศ ทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่ลงรอยกันอย่างมากแน่ ดังนั้นอาจจะเป็นฝีมือของเย่เฉินก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรีบโทรหาเย่เฉิน พอรับสายก็ถามว่า “คุณชาย คุณอยู่ไหนครับ?”

เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “อยู่บ้าน ทำไมเหรอ?”

เฉินจื๋อข่ายพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “คุณชาย คุณจับตัวคุณป้าคุณไปใช่ไหมครับ?”

เย่เฉินขมวดคิ้วแน่น “ไม่มีนะ ฉันเบื่อจะพบเธอด้วยซ้ำ จะจับเธอไปทำไม? มีอะไร เธอถูกคนลักพาตัวไปเหรอ?”

เฉินจื๋อข่ายตกใจอย่างยิ่งยวด “หา? เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือคุณเหรอ?! งั้นก็แย่แล้ว! คราวนี้ได้เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ แล้ว!”

เย่เฉินเอ่ยปากถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

เฉินจื๋อข่ายพูดโพล่งออกมาว่า “คุณป้าคุณเธอไปหาแม่ยายคุณที่ร้านเสริมสวย บอกว่าต้องการจะพบหน้าพูดคุยกับแม่ยายคุณ แต่จู่ๆ คนก็หายไปจากร้านเสริมสวย ไม่รู้ไปไหนแล้ว!”

เย่เฉินตกใจมาก รีบร้อนถามเขาว่า “แล้วแม่ยายฉันล่ะ? หายไปด้วยเหรอ?! นายรู้ไหมว่าเธอกับแม่ยายฉันพูดอะไรกันบ้าง?!”

เวลานี้สิ่งที่เย่เฉินกลัวที่สุด ก็คือเย่ฉางหมิ่นเผยฐานะของตัวเองต่อหน้าหม่าหลัน

ตอนนี้ ตระกูลซูเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่จำเป็นต้องกำจัดในสายตาเขา ซึ่งตระกูลเย่ยังไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู เป็นไปได้มากว่าสองตระกูลยักษ์ใหญ่แห่งเย่นจิงต่างเป็นศัตรูของตนเอง หากฐานะตนถูกเปิดเผย อาจจะนำพาอันตรายมาให้คนข้างกายได้

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แก้ไขเรื่องเหล่านี้ เขาจึงไม่ได้เตรียมตัวจะบอกฐานะของตัวเองกับเซียวชูหรัน

แต่ว่าหากเย่ฉางหมิ่นเล่าทุกอย่างให้หม่าหลันฟังล่ะก็ อย่างนั้นตนก็คงหลบซ่อนไม่ได้แล้ว…

เฉินจื๋อข่ายเองก็ฟังออกว่าเย่เฉินเคร่งเครียดต่อเรื่องนี้อยู่บ้างเช่นกัน จึงรีบร้อนพูดว่า “คุณชาย ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้สถานการณ์โดยละเอียด จึงยังไม่รู้ว่าคุณป้าคุณกับแม่ยายคุณพูดอะไรกันบ้าง ตอนนี้พวกเธอสองคนถูกลักพาตัวไปแล้ว เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำคือหาพวกเธอให้เจอก่อน!”

เย่เฉินพยักหน้า กล่าวว่า “นายโทรหาหงห้า เขามีลูกน้องอยู่ทั่วทุกที่ในจินหลิง หูตามีมากมาย เรื่องแบบนี้น่าจะคลำเจอเบาะแสอะไรบ้าง!”