“ไอ้สารเลว กล้าตบฉันเหรอ! กล้าตบฉันเหรอ! คุณมันก็แค่ผู้หญิงบ้านนอก ยังกล้าตบฉันอีก คุณกล้ามากๆ!”

หม่าหลันยังถูกเชือกมัดตัวอยู่ ทำให้เธอไม่สามารถตอบโต้ได้ เธอจึงทำได้เพียงปล่อยให้เย่ฉางหมิ่นตบหน้าและศีรษะของเธอ

หม่าหลันในเวลานี้โดนตบจนร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและพูดอ้อนวอนไปด้วย:”โอ๊ย พี่สาว ฉันขอร้องอย่าตีฉันเลย ฉันผิดไปแล้ว?”

“รู้สึกผิดแล้วเหรอ?”เมื่อเย่ฉางหมิ่นได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธมากขึ้น และก็ตบตีหม่าหลันไม่หยุดและตะโกนด้วยความโกรธ:”คุณทำให้ฉันต้องเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ ยังมีหน้ามาพูดกับฉันแค่ประโยคเดียวว่าตัวเองผิดไปแล้ว?! วันนี้ฉันไม่เพียงแค่จะตีคุณ ฉันยังจะฆ่าคุณด้วย!”

หม่าหลันตกใจและหวาดกลัวมากๆ เธอพูดทันที:”พี่สาว ได้โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะ!คุณอย่าลืมสิ คุณเป็นอาหญิงของเย่เฉิน ฉันเป็นแม่ยายของเย่เฉิน พวกเราเป็นญาติกันนะ! เพราะพวกเราเป็นญาติกัน คุณจึงไม่ควรลงมืออย่างรุนแรงเพื่อฆ่าฉัน! ถ้าลูกเขยของฉันรู้เรื่องนี้และกลายเป็นศัตรูกับคุณ คุณก็จะเสียหน้ามากๆ!”

เย่ฉางหมิ่นเปล่งเสียงเย็นชาออกมา:”แม่งเอ๊ย! ฉันจะเป็นญาติกับคนจนๆอย่างคุณได้ยังไง! ถ้าเย่เฉินกล้าพาพวกคุณเข้าตระกูลเย่ ฉันก็จะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน!”

อู๋ตงไห่ที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็รู้สึกกระฉับกระเฉงทันที และพูดด้วยความตื่นเต้น:”คุณผู้หญิงเย่ ถ้าคุณต้องการ ฉันก็จะสั่งให้ลูกน้องฆ่าผู้หญิงคนนี้เลย!”

เมื่อหม่าหลันได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอกลัวมากๆและมองไปที่เย่ฉางหมิ่น พูดอ้อนวอน:”พี่สาว ถ้าคุณไม่ไว้หน้าฉันก็ควรไว้หน้าเขาบ้าง ครั้งนี้คุณปล่อยฉันไปเถอะ! อย่างมากที่สุด พวกคุณก็หักแขนของฉันเหมือนเซียวฉางเฉียนกับเซียวไห่หลง ทำแบบนี้ได้ไหม…”

เย่ฉางหมิ่นก็คาดหวังและอยากส่งหม่าหลันไปลงนรก

อย่างไรก็ตาม จู่ๆเธอก็นึกถึงเรื่องที่คุณท่านมอบหมายให้ตัวเอง ทำให้เธอลังเลขึ้นมาทันที

เธอรู้ตัวดี ถ้าตัวเองปล่อยให้อู๋ตงไห่ฆ่าหม่าหลันจริงๆ เย่เฉินคงไม่ให้อภัยตัวเองอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้น เย่เฉินก็อาจจะมีความรู้สึกต่อต้านตระกูลเย่ คุณท่านก็คงจะโทษว่าตัวเองทำเรื่องนี้ได้ไม่ดี

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าหม่าหลัน แต่เธอจ้องหน้าหม่าหลันและกัดฟันพูด:”อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้กับฉันอีก วันนี้ฉันเห็นแก่หน้าเย่เฉินก็เลยไม่ฆ่าคุณ โทษตายเว้นได้ แต่คุณต้องรับโทษเป็น!”

เมื่อพูดจบ เธอก็มองไปที่อู๋ตงไห่ และตะโกนด้วยความโกรธ:”หักแขนและขาทั้งสองข้างของเธอซะ!”

เมื่ออู๋ตงไห่ได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบพูดทันที:”คุณผู้หญิงเย่ โปรดวางใจ เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้เอง!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ตะโกนใส่ลูกน้องทันที:”พวกเจ้าไปหักแขนและขาสองข้างของเธอเดี๋ยวนี้!”

ทันทีที่เขาพูดจบ มีลูกน้องหลายคนก็พุ่งเข้าไปทันที

หม่าหลันตกใจมากๆจนร้องไห้ออกมา แต่อีกฝ่ายจับตัวเธอไว้ และไม่พูดอะไร หยิบก้อนอิฐขึ้นมาและทุบไปที่เข่าขวาของหม่าหลันทันที

ในเวลานี้ หม่าหลันรู้สึกเจ็บปวดมากๆจนเกือบจะหมดสติไป

ตอนที่อยู่ในสถานที่กักขัง ขาขวาของเธอก็เคยถูกนายหญิงใหญ่เซียวหักมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอพักฟื้นอยู่นานกว่าจะสามารถเอาเฝือกออก และพึ่งหายได้ไม่กี่วัน คราวนี้เธอถูกทุบอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ได้รับในครั้งนี้ ทำให้เธอเจ็บปวดมากๆจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

หม่าหลันร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทรมาน:”ฉันขอร้องละ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ขาของฉันเคยหักมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้มันก็หักอีกครั้ง พวกคุณต้องการฆ่าฉันเหรอ…”

อู๋ตงไห่ตะโกนด้วยความโกรธ:”หยุดพูดไร้สาระสักที คุณเย่ต้องการหักแขนและขาทั้งสองข้างของคุณ ตอนนี้พึ่งหักไปแค่หนึ่งส่วนสี่!”

หม่าหลันตะโกนอย่างบ้าคลั่ง:”ถ้างั้นพวกคุณก็ฆ่าฉันเลย! คุณฆ่าฉันเลย ฉันจะได้ตายอย่างสบายๆ ไม่ต้องมารับความทุกข์ทรมานแบบนี้!”

อู๋ตงไห่ด่าด้วยความรังเกียจว่า:”เป็นผู้หญิงปากร้ายจริงๆ! พวกเจ้าสองคน รีบหักแขนและขาของเธอเดี๋ยวนี้!”

เมื่อคนที่จับก้อนอิฐอยู่ กำลังจะทุบขาอีกข้างหนึ่งของหม่าหลัน จู่ๆประตูโกดังก็ถูกคนถีบจนเปิดออก มีชายเสื้อดำถือปืนสิบกว่าคนวิ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน และเล็งปืนไปที่ผู้คนที่ยืนอยู่ในโกดัง

ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าทีมถือปืนและพูดอย่างเย็นชา:”ทุกคนที่อยู่ในนี้ห้ามขยับ ถ้าฉันเห็นใครกล้าขยับ ก็อย่าหาว่ากระสุนของฉันไม่เกรงใจละกัน!”