กำแพงเมืองหมื่นมรรค

กระบวนสังหารไร้ชีพโคจร ราวกับตื่นจากความการหลับใหล บัวเทพสีเขียวที่เบ่งบานนับไม่ถ้วนส่ายไหวออกมา แสงมรรคลึกลับไหลหลั่ง

กระบวนค่ายกลนี้ถูกจัดเป็นอันดับเก้าของกระบวนค่ากลสังหารทั่วหล้า เคยสำแดงอานุภาพไร้เทียมทานในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสมัยบรรพกาล และทำให้จักรพรรดิกระบวนลู่ถูกยกย่องเป็นจักรพรรดิ!

และตอนนี้กระบวนสังหารไร้ชีพที่ถูกหลินสวินวาง แม้มีข้อจำกัดที่เจตวัตถุไม่เพียงพอ ไม่สามารถสำแดงพลังที่สมบูรณ์แบบได้ แต่พลานุภาพระดับนั้นก็สามารถสังหารระดับจักรพรรดิได้แล้ว!

ฟ้าดินสะท้านสะเทือน

ทำเอาจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงที่กำลังเศร้าโศกได้สติ เพิ่งเห็นในยามนี้ว่าในฟ้าดารานั่น จู่ๆ ก็ปรากฏดอกบัวสีเขียวนับพันหมื่น ดอกบัวทุกดอกล้วนมีเงามายาเทพดูแลอยู่ เปล่งแสงไร้จำกัด

เสียงมรรคดังขึ้นเป็นระลอก ประกายศักดิ์สิทธิ์สะดุดตา สะเทือนทั่วหล้า!

“กระบวนสังหารไร้ชีพ!”

ชั่วขณะนี้สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายที่เคยร่วมศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสมัยบรรพกาลหลุดปาก จำกระบวนค่ายกลอันดับเก้าทั่วหล้าที่ดุดันเลื่องลือนี้ได้

จากนั้นก็เห็นบนฟ้าดารานั่น สัตว์ประหลาดสามตัวที่มีพลังระดับจักรพรรดิขั้นสี่ กับอีกตัวที่มีพลังระดับจักรพรรดิขั้นห้า ล้วนถูกปกคลุมอยู่ในกระบวนสังหารไร้ชีพนั่น

ประกายศักดิ์สิทธิ์แผ่พุ่ง ลายมรรคไหลหลั่งโคจร มีเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลของสัตว์ประหลาดดังออกมาเป็นระยะ

และตอนนี้หลินสวินก็ฉวยโอกาสพุ่งสังหารเข้าไปในกระบวนค่ายกล

เขารู้ดีว่าแม้กระบวนสังหารไร้ชีพจะแข็งแกร่ง แต่อยากฆ่าสัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิขั้นห้านั่น แทบไม่มีความหวัง

ฆ่า!

ในกระบวนค่ายกลใหญ่ จิตต่อสู้ราวกับกระแสธาร พลังไร้ขอบเขตม้วนตัว เงาร่างของหลินสวินโลดแล่นอยู่ภายใน ในเวลาสั้นๆ ก็ฆ่าสัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิขั้นสี่สามตัวนั้นตายไปทีละตัว

เดรัจฉานเหล่านี้แม้พลังจะแข็งแกร่ง แต่กลับไร้สติปัญญา หลังจากถูกขังในกระบวนค่ายกลใหญ่ ก็พุ่งชนอย่างไร้จุดหมายราวกับแมลงวันหัวขาด

ยามฆ่าจึงไม่ได้เปลืองแรงมาก

มีเพียงตอนที่เผชิญกับสัตว์ประหลาดที่เทียบเท่าระดับจักรพรรดิขั้นห้านั่นที่ยุ่งยากอยู่บ้างอย่างชัดเจน สุดท้ายภายใต้การยอมบาดเจ็บ จึงทำให้หลินสวินฆ่ามันได้อย่างไม่ง่ายดาย

“นี่…”

“เศษเดนคีรีดวงกมลนี่ครอบครองกระบวนสังหารไร้ชีพของจักรพรรดิกระบวนลู่ได้อย่างไร”

ตอนที่เห็นเงาร่างของหลินสวินออกมาจากกระบวนสังหารไร้ชีพ เสียงอุทานด้วยความตกใจยากจะเชื่อดังก้องทั่วทั้งกำแพงเมืองหมื่นมรรค

ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนคิดว่าหลินสวินจะต้องตาย มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ไม่มีทางต้านการโจมตีของสัตว์ประหลาดฟ้าดารามากมายขนาดนี้ได้

แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินไม่เพียงไม่ตาย ยิ่งสังหารศัตรูทั้งหมด!

“ดี ดี ดียิ่ง!”

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงตะโกนอย่างตื่นเต้น ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

เสื้อผ้าของหลินสวินเปื้อนเลือด สีหน้าขาวซีด บาดแผลทั่วร่างกายแม้ผสานตัวแล้วแต่กลับได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

สิ่งที่รับมือยากที่สุดคือ การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้พลังกายของเขาแทบจะแห้งเหือดแล้ว!

เขากลับเข้าป้อมปราการ นั่งขัดสมาธิอย่างไม่ลังเลแล้วรีบกลืนลูกกลอนกำเนิดโลหิต

กระบวนสังหารไร้ชีพยังคงขับเคลื่อน อย่างมากยืนหยัดได้อีกประมาณครึ่งเค่อ

นี่ก็หมายความว่า แม้สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่อยู่ในฟ้าดาราไกลออกไปพุ่งมาอีก ก็จะพบเจอการขวางกั้นของกระบวนสังหารไร้ชีพ

ทว่าก็เพียงแค่ครึ่งเค่อเท่านั้น!

ครึ่งเค่อหลังจากนั้น กระบวนสังหารไร้ชีพนี้ก็จะสลายเพราะพลังแห้งเหือด ถึงตอนนั้นหลินสวินซึ่งเฝ้าอยู่ในป้อมปราการก็ทำได้เพียงพึ่งตัวเองในการต่อสู้

หากเป็นคนอื่น เหลือเวลาหายใจอีกเพียงครึ่งเค่อคงพังทลายไปนานแล้ว หมดหวังอย่างสิ้นเชิง

ทว่าสภาวะจิตและเจตจำนงของหลินสวินไม่มีคลื่นกระเพื่อมแม้แต่เสี้ยวเดียว ยิ่งไม่เคยเสียเวลา

ฟื้นพลัง!

ฟื้นพลังได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!

ตอนนี้ยังไม่ถึงคราวจนตรอก!

“โฮก…”

ในฟ้าดาราไกลออกไป ในฝูงสัตว์ประหลาดฟ้าดารานับร้อยที่ถูกพลังระเบียบขวางกั้นนั่น มีอีกฝูงพุ่งมา

ยังคงเป็นจำนวนเกือบยี่สิบตัว กลิ่นอายน่ากลัวท่วมฟ้า ไอสังหารพวยพุ่งราวกับกระแสน้ำ

ครืนโครม…

กระบวนสังหารไร้ชีพโคจร แม้สกัดการพุ่งโจมตีของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไว้ได้ แต่กลับเดือดพลิกม้วนรุนแรง ปรากฏสัญญาณพังทลายอยู่รางๆ

หลินสวินไม่สะทกสะท้าน กำลังฟื้นตัวอย่างเต็มกำลัง

ทว่าในที่อื่นๆ ตอนนี้เริ่มฮือฮาขึ้นอีกครั้ง เสียงสะใจและแปลกประหลาดต่างๆ ดังขึ้น

“บอกแล้วว่าเจ้าหมอนี่ยากจะหนีเคราะห์พ้น คอยดูเถอะ ป้อมปราการหลังนั้นจะเป็นที่ฝังศพของเขา”

“ฮ่าๆ ตายไปจะดีที่สุด หากมีชีวิตอยู่ ทั่วหล้าฟ้าดารานี้จะต้องถูกเขาคนเดียวก่อกวนอย่างแน่นอน”

…ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ ในใจจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงทรมานราวกับถูกเข็มทิ่มแทง เฒ่าชราสารเลวพวกนี้ ใช้ไม่ได้เกินไปแล้ว!

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สกัดกั้นความร้อนรนและกังวลในใจ หลินสวินในตอนนี้ยังไม่ประสบเคราะห์ ยังมีโอกาสรอดอยู่เสี้ยวหนึ่ง

แม้ว่าโอกาสรอดครั้งนี้จะดูเล็กบางอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทว่าไม่ถึงเวลาสุดท้าย จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็ยังไม่เชื่อว่าเจ้าหนุ่มเย้ยฟ้าคนนี้จะร่วงหล่นที่นี่

……

แกร็ก! แกร็ก!

ในโลกที่รกร้างและมืดสลัวแห่งหนึ่ง จู่ๆ พื้นดินก็ปรากฏรอยแตก ส่งเสียงแตกหักออกมา

ดินโคลนสาดกระเซ็น เงาร่างสูงเพรียวลุกขึ้นจากใต้ชั้นดินที่แตกออก จากนั้นทะยานตัวขึ้นตามสัญชาตญาณ

ทั่วร่างเผยท่าทางระแวดระวังราวกับกำลังต่อสู้

ครู่ใหญ่นางถึงคืนสู่ความสงบช้าๆ

นางจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นการนิพพานเปลี่ยนแปลงครั้งที่เท่าไหร่

หลังจากการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง พลังต่อสู้ของนางก็จะก้าวขึ้นระดับใหม่ไปด้วย หลายปีมานี้นางชินกับทุกอย่างนี้นานแล้ว

มือขวาของนางคว้าออกไปไกลๆ

ชิ้ง!

พื้นดินไกลออกไป ทวนกระดูกขาวด้ามหนึ่งพุ่งออกมา ราวกับสายฟ้าสีเงินสายหนึ่งร่วงสู่ฝ่ามือของนาง

นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดห่างออกไป ก้าวเท้าเดินไปไกลๆ อย่างเงียบๆ

ปีกหมวกของนางบดบังใบหน้า เสื้อผ้าสีดำพลิ้วไหวตามสายลม ตอนที่เงาร่างสูงเพรียวก้าวเดิน ราวกับแสงแห่งความดำมืดแผ่ขยาย

มือขวาของนางขาวกระจ่างราวกับหยกมันแพะ นิ้วทั้งห้ากระชับทวนกระดูกขาว ทุกนิ้วเรียวยาวดุจต้นหอม ทำให้อดนึกถึงคำว่า ‘มือดั่งดอกที่ช่อยาว ผิวพรรณขาวนวล’ ไม่ได้

เงาร่างของนางสูงเพรียวงามสง่าอย่างที่สุด มีบุคลิกเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์ ก้าวเดินอยู่กลางฟ้าดินอันรกร้างมืดสลัว ดูเงียบสงบและดื้อรั้นนัก

เพียงแต่หลังจากผ่านไปนาน นางพลันชะงักเท้า ความงุนงงแวบผ่านในดวงตาที่อยู่ภายใต้หมวกคลุม

ครั้งนี้เหตุใดนานขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นสัตว์ประหลาดฟ้าดาราโจมตีเข้ามา

นางเงยหน้าขึ้นมองส่วนลึกของท้องฟ้า

นั่นเป็นฟ้าดาราที่ประหนึ่งรัตติกาล ที่ผ่านมาสัตว์ประหลาดฟ้าดาราจะทยอยออกจากส่วนลึกของฟ้าดารานั่น

ขอแค่สัมผัสถึงกลิ่นอายของนางก็จะพุ่งปราดเข้ามาราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

ทว่าครั้งนี้… กลับเหมือนแตกต่างไป

นางใคร่ครวญเงียบๆ ว่าครั้งนี้ตนหลับใหลไปนานเท่าไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ออก

นางเม้มปาก เงาร่างพริบวาบประหนึ่งแสงงดงาม พุ่งขึ้นฟ้าไปสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และ ค่อยๆ ไปถึงเหนือฟ้าแล้ว

ฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลราวกับไร้สิ้นสุด ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่องแสงพริบไหวริบหรี่

นางสังเกตอย่างละเอียด สัมผัสอย่างถี่ถ้วน

พร้อมๆ กับเวลาที่ล่วงเลยไป เนิ่นนานเงาร่างของนางพริบวาบ พุ่งออกไปไกลโพ้นราวกับแสงที่มืดมนกลุ่มหนึ่ง

อยู่ตรงนั้น!

ไม่นานนางก็จับตำแหน่งกลิ่นอายของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราได้ กำลังพุ่งไปในตำแหน่งที่ไกลมาก

นางปลดปล่อยกลิ่นอายของตนในเวลานี้ จงใจกระตุ้นสัตว์ประหลาดฟ้าดาราตัวนั้น

ทว่าสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือ สัตว์ประหลาดฟ้าดารานั่นเพียงแค่เหลือบมองนางแวบหนึ่งก็ทะยานตัวจากไปไกลต่อ

หลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอเรื่องเช่นนี้

ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งนางก็ตามไปอย่างไม่ลังเล

บนโลกนี้นอกจากกลิ่นอายของนางที่สามารถดึงดูดความสนใจของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราได้ ก็เหลือเพียงอีกคนแล้ว…

จะใช่เขาหรือไม่

คิดถึงตรงนี้ ในสภาวะจิตที่แม้ผ่านการต่อสู้เป็นตายมานานปีก็ยังไม่เคยเกิดความผันผวน กลับเกิดคลื่นไหวเคลื่อนอย่างยากจะเห็น!

……

ตูม…!

เสียงสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น ดอกบัวนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมอยู่ในฟ้าดาราระเบิดออกทั้งหมด กลายเป็นแสงละอองสาดพรมทั่วฟ้า

สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่หลุดจากการขวางกั้นล้วนพุ่งไปยังป้อมปราการที่หลินสวินอยู่ทันที เงาดำน่ากลัวปกคลุมทั่วบริเวณนั้น

และตอนนี้หลินสวินลุกขึ้นยืนแล้ว สีหน้านิ่งสงบ ดวงตาดำลึกล้ำ พลังกายของเขาเพิ่งฟื้นคืนได้ไม่ถึงครึ่ง บาดแผลทั่วตัวยังไม่สมานกันดี

ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่สามารถส่งผลต่อเจตจำนงต่อสู้ของเขาได้!

ฆ่า!

เขาเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เทียบกับเงาร่างยิ่งใหญ่ไร้ใดเปรียบของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราแล้วดูเล็กจ้อยมาก

แต่ยามเห็นภาพนี้ กลับทำให้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเกิดความรู้สึกสะท้านไหวและโศกเศร้า จิตมรรคทั้งดวงสั่นสะเทือนขึ้นในตอนนี้

ตูมโครม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทว่าแตกต่างจากที่ผ่านมา ครั้งนี้หลินสวินตกอยู่ในสถานการณ์ถูกกำราบตั้งแต่ต้น

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เงาร่างสูงสง่าของเขาที่ประหนึ่งภูเขาซึ่งตั้งตระหง่านเพียงลำพัง กลับให้ความรู้สึกที่ไม่สามารถสะเทือนได้

ไร้ซึ่งความกลัว เยือกเย็นและสงบนิ่งเพียงนั้น!

การต่อสู้นองเลือดย้อมฟ้าดาราแถบนั้นเป็นสีแดงฉาน มีสัตว์ประหลาดฟ้าดาราร่วงหล่นเป็นระยะ ทว่าส่วนใหญ่เป็นสัตว์ประหลาดที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสาม

ส่วนหลินสวินบาดเจ็บต่อเนื่อง บาดแผลเหล่านี้ล้วนมาจากพวกที่ศักยภาพเหนือกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสาม!

นี่เป็นศึกนองเลือดที่น่าอนาถที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเพียงความกดดัน สิ้นหวัง ไร้ที่พึ่งปานจะหยุดหายใจ

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่กระจายอยู่ในบริเวณอื่นของกำแพงเมืองหมื่นมรรคก็รู้สึกสั่นไหวเช่นกัน ยากจะเชื่อ ในใจพวกม้วน

มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง สามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ แม้แต่พวกเขายังต้องยอมรับว่านี่เป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ในอดีตที่ผ่านมาล้วนไม่เคยปรากฏ!

ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนนี้แข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย แข็งแกร่งถึงขั้นสามารถสะเทือนหมื่นกาล สะท้านทั่วหล้า!

แต่ก็เพราะเช่นนี้ ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นยิ่งไม่ชอบใจ ยิ่งเกิดความหวาดเกรง

ไม่กล้าจินตนาการว่าหากหลินสวินสามารถรอดออกจากแดนปรินิพพานไปได้ จะนำพาลมคาวฝนเลือดที่รุนแรงระดับใดมาให้ทางเดินโบราณฟ้าดารา!

“โชคดีที่ครั้งนี้อย่างไรเขาก็ต้องตายแล้ว คนตายไปแล้ว จะเย้ยฟ้าแค่ไหนแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์…” มีเฒ่าดึกดำบรรพ์พึมพำ

พรวด!

ระหว่างต่อสู้ดุเดือดหลินสวินกระอักเลือด สีหน้าซีดเซียวจนแทบโปร่งแสง ทั่วร่างไม่เหลือตำแหน่งที่สมบูรณ์แม้แต่น้อย

พลังกายแม้ไม่เคยแห้งเหือด แต่บาดแผลบนร่างของเขากลับยิ่งรุนแรง

และสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเกือบยี่สิบตัวนั่น ตอนนี้ยังเหลืออีกสิบกว่าตัว…

ฆ่า!

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ดวงตาดำยังคงแน่วนิ่ง พาร่างที่บาดเจ็บหนักต่อสู้ราวกับบ้าคลั่ง

ชั่วขณะนี้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ในใจมีความหดหู่ โศกเศร้า ร้อนรนที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้อัดอั้นอยู่ในทรวงอก ไม่มีที่ระบาย

วิถีแห่งโลกที่สมควรตายนี้ เหตุใดไม่ยุติธรรมเช่นนี้!

………………………..