พลังระเบียบขวางกั้น เงาร่างของซย่าจื้อไม่สามารถเข้าไปในป้อมปราการได้ ทำได้เพียงยืนอยู่กลางอากาศหน้าป้อมปราการ
นี่ทำให้หลินสวินอึ้งไป พลันเดาเหตุผลที่ซ่อนอยู่ออกรางๆ
กำแพงเมืองหมื่นมรรคคือพลังระเบียบที่แปลงจากแดนปรินิพพาน และก่อนหน้านี้ซย่าจื้อมาจากส่วนลึกของฟ้าดารา
เขากำลังจะลุกขึ้นก็เห็นซย่าจื้อพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่แหละ เจ้ารักษาบาดแผลอย่างวางใจเถอะ”
นางนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ ทวนกระดูกขาววางอยู่บนหน้าตัก นั่งหันหลังให้หลินสวิน ใบหน้าอยู่ภายใต้หมวกคลุม ดวงตาสว่างไสวยิ่งกว่าดารามองฟ้าดาราที่อยู่ห่างออกไปไกล
ราวกับเทพเฝ้าประตูองค์หนึ่ง กำลังปกป้องคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตนาง
“หลายปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ไหน” หลินสวินฟื้นฟูบาดแผลพลางเอ่ยถาม
“ต่อสู้”
เสียงของซย่าจื้อกระจ่างใสและนิ่งสงบ หยุดไปครู่หนึ่งนางจึงพูดว่า “เจ้าล่ะ”
“ข้าหรือ…”
สายตาของหลินสวินล่องลอย จู่ๆ ในใจก็รู้สึกอยากระบายความในใจอย่างแรงกล้า พลันเล่าเรื่องทั้งหมดที่ประสบหลังไปจากทะเลหมากดาราในดินแดนรกร้างโบราณออกมา
เข้าไปเสาะหาศุภโชคในแหล่งสถานคุนหลุน เข้าสู่โลกต่างๆ ในทางเดินโบราณฟ้าดารา เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคในโลกใหญ่หงเหมิง…
เขาเล่าเพียงแค่เรื่องที่น่าสนใจ อันตรายที่เจอหลายปีมานี้ไม่พูดถึงแม้แต่คำเดียว
หลายปีมานี้นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยความในใจกับคนอื่น เหมือนคนพูดมากคนหนึ่ง แตกต่างจากเขาก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์
ความในใจเช่นนี้เขาเต็มใจพูดให้ซย่าจื้อฟังคนเดียว
ซย่าจื้อนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยแทรกตั้งแต่ต้นจนจบ แต่หลินสวินรู้ว่านางกำลังตั้งใจฟัง
จนกระทั่งพูดถึงการมาโลกมืดครั้งนี้ เพื่อแก้ปมให้คนผู้หนึ่ง จู่ๆ ซย่าจื้อก็พูดว่า “เมื่อหลายปีก่อนมีคนเคยช่วยข้า ตอนที่คนผู้นั้นคุยกับอีกคน ได้เอ่ยถึงเจ้า”
ว่าแล้วนางพลันกวาดปลายนิ้วเบาๆ ในห้วงอากาศปรากฏม่านแสง สะท้อนเงาร่างของเซียนผลาญเฉินหลิงคงและชายหนุ่มจักจั่นทอง
ทั้งสองยืนอยู่ในโลกที่รกร้างและมืดมน กำลังคุยอะไรบางอย่าง
ทว่าเพียงพริบตาม่านแสงนั่นก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นความว่างเปล่า ซย่าจื้อหมายจะควบรวมม่านแสงนี้ออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำได้
“ไม่ต้องลองแล้ว ข้ารู้ฐานะของพวกเขาแล้ว”
หลินสวินจะไม่รู้จักชายหนุ่มจักจั่นทองได้อย่างไร ชั่วขณะนี้เขาเข้าใจความหมายของคำพูดที่ชายหนุ่มจักจั่นทองทิ้งไว้ให้ตนในตอนนั้นอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ที่แท้หลายปีมานี้ซย่าจื้อก็อยู่ที่โลกมืดมาโดยตลอด และตนก็คือคนแก้ปมของนาง!
คิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา เดิมทีเขาควรจะเดาออกได้นานแล้ว
เสียงของซย่าจื้อไพเราะดุจเสียงสวรรค์ “หลินสวิน เจ้าพูดต่อ”
“ได้”
หลินสวินพยักหน้า
ทั้งสอง คนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในป้อมปราการกว้าง อีกคนนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศหน้าป้อมปราการ
คนหนึ่งพูด คนหนึ่งฟัง
ในฟ้าดาราที่อยู่ห่างออกไป คาวเลือดยังคงคละคลุ้ง แต่มองไม่เห็นสัตว์ประหลาดฟ้าดาราพวกนั้นแล้ว เงียบสงัดแลเวิ้งว้าง
บนกำแพงเมืองหมื่นมรรค เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างเงียบงัน คิดถึงเรื่องทุกข์ใจของตน ก่อนหน้านี้หลินสวินรอดจากคราวเคราะห์มาได้อย่างปาฏิหาริย์ ทำให้พวกเขาต่างยากจะยอมรับ
และการปรากฏตัวของซย่าจื้อ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสะท้านไหวและประหลาดใจ ต้องการเวลาค่อยๆ ทบทวน
ส่วนเพื่อนบ้านอย่างจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง แน่นอนว่าย่อมไม่ไปรบกวนการรำลึกความหลังของชายหญิงคู่นี้ เช่นนั้นจะเป็นการทำลายบรรยากาศเกินไป
ฟังเรื่องที่หลินสวินประสบหลายปีมานี้จบ ซย่าจื้อเงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยว่า “หลินสวิน ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าหลายปีมานี้เจ้าจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นนี้”
น้ำเสียงต่ำลึกเล็กน้อย
หลินสวินอึ้ง เรื่องราวหลายปีมานี้ที่เขาเล่า จงใจคัดสรรอย่างละเอียด เลือกเพียงแค่เรื่องดีๆ เล่าให้ซย่าจื้อฟัง ทว่าเหตุใดนางจึงได้ยินเป็นรสชาติของ ‘ความทุกข์’ เล่า
ซย่าจื้อไม่ได้หันกลับมา ทว่าน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างที่สุด “หลินสวิน ต่อไปอย่าใช้สติปัญญาของเจ้ามาวัดความรู้สึกของข้า ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ ข้าสามารถรับรู้ได้”
ในใจหลินสวินสะท้าน ในปากกลับยิ้มพูด “ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ลองบอกหน่อยสิว่าหลายปีมานี้เจ้ากำลังทำอะไร อืม เรื่องอื่นนอกจากต่อสู้”
ซย่าจื้อเอ่ย “ฝึกปราณ”
“ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ”
“ไม่มีแล้ว”
ซย่าจื้อตอบอย่างเรียบๆ แต่กลับทำให้หลินสวินเงียบไปนาน
หลายปีมานี้หากเข่นฆ่าและต่อสู้มาโดยตลอด เช่นนั้น… นางจะผ่านอันตรายและความยากลำบากมาเท่าไหร่
“เหตุใดต้องทำเช่นนี้กันแน่” เขาถาม
ซย่าจื้อชี้ฟ้าดาราไกลออกไป เอ่ยว่า “สัตว์ประหลาดเหล่านั้นมาเพื่อเจ้า สิ่งที่ข้าทำมาโดยตลอดในช่วงหลายปีมานี้ ก็คือขวางไม่ให้พวกมันหาเจ้าเจอ”
ในใจหลินสวินสั่นสะท้านขึ้นมา หลายปีมานี้ซย่าจื้อกรำศึกเพียงลำพัง กลับเพื่อเขาหลินสวินทั้งหมด!
เดิมทีนี่ควรเป็นเรื่องที่น่าซาบซึ้งอย่างที่สุด แต่ในใจหลินสวินกลับเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เขากับซย่าจื้อแยกกันมากกว่าอยู่ด้วยกัน แต่นางเห็นตนสำคัญกว่าชีวิตของนางทุกครั้งไป!
กับเรื่องนี้ นางต้องจ่ายค่าตอบแทนไปอย่างเงียบๆ เท่าไรแล้ว
และตนก็ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้อย่างจริงจัง มักตะลึงกับพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งที่ซย่าจื้อเผยออกมา กลับไม่รู้เลยว่าลับหลังนางทำเพื่อตนมากมายแค่ไหน!
มองเงาร่างแบบบางที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ทอดสายตาออกไปไกลนั้น ในใจหลินสวินเกิดความรู้สึกขมฝาดและสงสารที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกเลย” หลินสวินพูดเสียงเบา แม้เสียงจะเบาแต่กลับเผยความแน่วแน่อย่างไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
ซย่าจื้อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ข้าแล้ว”
หลินสวินอึ้ง จู่ๆ ก็เดือดดาลเล็กน้อย “ตั้งแต่เด็กเจ้าก็ไม่เคยเชื่อฟังคำข้า ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ข้าหลินสวินเป็นบุคคลที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารานานแล้ว ยังจะต้องให้เจ้าปกป้องซะที่ไหน”
ตอนนี้เองซย่าจื้อหมุนตัวมา ดวงตาภายใต้หมวกคลุมจับจ้องหลินสวินที่สีหน้าแฝงความขึ้งโกรธ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
“ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดาราแล้วอย่างไร รอตอนที่เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ค่อยคุยเรื่องปกป้อง”
ประโยคที่แผ่วเบานี้กลับทำเอาสีหน้าหลินสวินชะงัก
แม้ไม่เห็นใบหน้าที่บดบังอยู่ภายใต้หมวกคลุมของซย่าจื้อ แต่เขากลับมั่นใจว่านางหนูนี่ต้องกำลังยิ้มแน่ และยิ้มอย่างเบิกบานหาที่เปรียบไม่ได้!
“เจ้านี่นะ…” หลินสวินจนปัญญา
ซย่าจื้อลุกขึ้นยืน ก้าวเดินกลางอากาศ
“เจ้าจะทำอะไร” หลินสวินพูด
“ข้าเกือบลืมไป อาหารเหล่านี้จะสิ้นเปลืองไม่ได้”
ซย่าจื้อว่าแล้วลงมือทันที ตระเวนทั่วฟ้าดารา รวบรวมเลือดเนื้อและศพของพวกสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ถูกฆ่า
เห็นฝีมือที่เชี่ยวชาญของนาง หลินสวินอดพูดไม่ได้ “หลายปีมานี้เจ้าใช้เลือดเนื้อของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านี้เสริมพลังมาโดยตลอดหรือ”
ซย่าจื้อขานรับว่าอืม
“ต่อไปข้าจะพาเจ้ากินให้ทั่วหล้า ไม่ว่าที่บินบนฟ้า วิ่งบนดิน แหวกว่ายในน้ำ เจ้าอยากกินอะไรก็กินอันนั้น” หลินสวินพูดอย่างจริงจัง
จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่ซย่าจื้ออยู่กับตน สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือกินแล้วนอน นอนแล้วกิน…
ซย่าจื้อขานรับว่าอืมอีกครั้ง
คำพูดมีค่าดั่งทอง
แต่หลินสวินรู้ว่านี่นับว่าดีแล้ว หากเป็นคนอื่น ซย่าจื้อคงคร้านจะสนใจ ประโยคเดียวยังคร้านจะพูด
……
สองชั่วยามหลังจากนั้น
หลินสวินลุกจากการนั่งขัดสมาธิ
ตอนนี้พลังกายของเขาฟื้นคืนมาแล้ว บาดแผลทั่วร่างก็ประสานกันกว่าครึ่ง อีกไม่นานบาดแผลเหล่านี้ก็สามารถฟื้นตัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้หลินสวินได้รับ ‘รางวัล’ ที่กำแพงเมืองหมื่นมรรคมอบให้…
‘มุกมรรคต้นกำเนิด’ ห้าสิบห้าเม็ด
มุกมรรคต้นกำเนิดทุกเม็ดล้วนสั่งสมพลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดาราอันบริสุทธิ์ มีประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินต่อการฝึกปราณระดับจักรพรรดิ เรียกว่าสมบัติล้ำค่ายังไม่เกินไป
เพราะในโลกภายนอกไม่สามารถรวบรวมได้
เจ็ดปีมานี้ระดับจักรพรรดิมากมายที่เฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรค ก็ใช้พลังของมุกมรรคต้นกำเนิดทยอยทะลวงขั้นใหม่
แค่คิดก็รู้ว่ามุกมรรคต้นกำเนิดมหัศจรรย์เพียงใด
สมบัติเหล่านี้ถูกหลินสวินเก็บไปอย่างระมัดระวัง ซ่อนอยู่ในป้อมปราการ
ซย่าจื้อส่งเลือดเนื้อของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่รวบรวมไว้นานแล้วเหล่านั้นให้หลินสวินกลางอากาศ กองเป็นภูเขาเนื้อ
ภาพนี้ถูกจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเห็นโดยไม่ตั้งใจ อิจฉาจนน้ำลายเกือบไหลออกมา นี่ล้วนเป็นวัตถุดิบอาหารที่หาได้ยาก!
เวลาหลังจากนั้น หลินสวินรีดเลือดสมบัติของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นออกมา ตัดสินใจจะหลอมลูกกลอนกำเนิดโลหิตอีกชุด
ส่วนชิ้นเนื้อเหล่านั้นถูกเขาใช้อย่างคุ้มค่า หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้กระดูกขาวเสียบอย่างชำนาญ เรียกเพลิงมรรคอัศจรรย์ออกมา…
ไม่นานกลิ่นหอมของเนื้อย่างก็ลอยออกมา
เนื้อทุกไม้ที่ย่างเสร็จ ถูกหลินสวินยื่นส่งให้ซย่าจื้อกลางอากาศ
ปริมาณการกินของซย่าจื้อน่าตกใจมาก ไม่ถึงกับไว แต่เนื้อไม้หนึ่งไม่นานก็ถูกกินไปอย่างหมดจด
เห็นนางชอบกินหลินสวินยิ่งลงแรงเต็มที่ นั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น ราวกับกลายเป็นพ่อครัวขายเนื้อเสียบไม้ข้างถนน…
ฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาล เงียบสงบว่างเปล่า หน้าป้อมปราการ หลินสวินย่างเนื้อ ซย่าจื้อกินเนื้อ ทั้งสองคุยกันเป็นระยะๆ เป็นภาพงดงามอย่างบอกไม่ถูก
ถึงขั้นที่หลินสวินรู้สึกดื่มด่ำกับบรรยากาศเช่นนี้อยู่บ้างอย่างอดไม่ได้
“ครั้งนี้เจ้าคงไม่จากไปอีกแล้วใช่ไหม” สุดท้ายหลินสวินยังคงทนไม่ได้ เอ่ยถามออกไป
มือหยกขาวกระจ่างเรียวยาวของซย่าจื้อสะบัดคราหนึ่ง ชิ้นเนื้อที่ย่างจนเป็นสีเหลืองทองมันเยิ้มก็เข้าปากนาง นางหยีตา เคี้ยวพลางเอ่ยว่า “ไม่มีความจำเป็นต้องจากไปอีกแล้ว”
“แบบนี้ก็ดี แบบนี้ก็ดีแล้ว ต่อไปไม่ว่าข้าไปไหน เจ้าล้วนไม่ต้องจากไปที่ไหนอีกแล้ว” หลินสวินยิ้มทันที ท่าทางคึกคัก กายใจเบิกบาน ยามย่างเนื้อยิ่งลงแรง
“หลินสวิน สัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นมาเพราะเจ้า ขอเพียงแค่เจ้าอยู่ที่นี่ เคราะห์สังหารครั้งนี้ก็ไม่มีวันสิ้นสุด”
จู่ๆ ซย่าจื้อที่กินเนื้อย่างอยู่ก็พูดขึ้น “ต่อจากนี้เจ้าต้องเตรียมพร้อมต่อสู้ให้ดีแล้ว”
“เหตุใดเดรัจฉานเหล่านั้นจึงมาเพราะข้า” หลินสวินขมวดคิ้วเอ่ยถาม เขาแทบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“เพื่อพลังของเจ้า”
ซย่าจื้อพูด “สำหรับพวกมัน พลังของเจ้าก็เหมือนกฎเกณฑ์มหามรรคที่แข็งแกร่งที่สุดกลางฟ้าดินนี้ ผู้ฝึกปราณฝึกปราณหยั่งมรรค เสาะแสดงหาอมตะนิรันดร์ สัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านี้ก็เช่นกัน เพียงแต่ ‘มรรค’ ที่พวกมันเสาะหาคือเจ้า”
“มิน่าบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ ข้าซึ่งเป็นกึ่งจักรพรรดิถึงดึงดูดการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของสัตว์ประหลาดฟ้าดารามากมายขนาดนี้…”
ฟังจบสีหน้าของหลินสวินอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ทั้งตกใจทั้งประหลาดใจ
เมื่อใคร่ครวญอย่างละเอียดอยู่นาน เขาวิเคราะห์ได้รางๆ ว่าเป็นไปได้สูงมากที่สัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นจะมาเพื่อพลังพรสวรรค์ที่ตนครอบครอง…
หุบเหวกลืนกิน!
——