บทที่ 1970 ศัตรูตัวฉกรรจ์ตรงหน้า

The king of War

The king of War บทที่ 1970 ศัตรูตัวฉกรรจ์ตรงหน้า
เสียงตะโกนด้วยความโกรธนี้ ดังก้องไปในท้องฟ้าและทำให้ทุกคนตกตะลึง

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เจ้าของเสียงนั้น

“ทนได้ไหม?”

ลี่เฉินยืนอยู่ต่อหน้าตู้ป๋อ มองมาที่เขาและถามเขา

ตู้ป๋อพยักหน้า สีหน้ายิ้มอย่างละอายและพูดกับลี่เฉินว่า “ขออภัย ฉันหยุดเอาไว้ไม่ได้แล้ว ในที่สุดก็ยังต้องให้นายออกโรง”

กลุ่มผู้แข็งแกร่งมองลี่เฉินและตกตะลึงตาค้าง

นั่นเพราะภัยพิบัติสวรรค์เหนือห้องสมุดยังคงดำเนินต่อไป อีกทั้งลี่เฉินที่ในใจของพวกเขาควรกำลังฝ่าภัยพิบัติสวรรค์อยู่กลับมาปรากฏตัวที่นี่ และตะโกนด้วยความโกรธ ซ้ำยังปิดกั้นการโจมตีของผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นด้วย

เจียงหยวนหลงเหล่มองลี่เฉินร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ตนย่อมสามารถสัมผัสได้ว่าแดนบูโดของลี่เฉินบรรลุถึงแดนนภาแล้ว

ผู้แข็งแกร่งห้าคนของตระกูลเจียงได้ล้อมลี่เฉินไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ด้วยคำเดียว ก็สามารถหยุดพวกเขาผู้แข็งแกร่งทั้งห้าจากการฆ่าตู้ป๋อได้ นี่สามารถคาดเดาได้ว่า พลังของลี่เฉินแข็งแกร่งเพียงใดและจะต้องอยู่ในแดนนภาแน่

เหรินจิงหลุนและ อิงเทียนสิง ก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขามองไปที่ทิศทางของลี่เฉินและทิศทางของห้องสมุด ทันใดนั้นความคิดที่กล้าหาญก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขา คนที่กำลังฝ่าภัยพิบัติสวรรค์นี้ไม่ใช่ลี่เฉิน แต่เป็นคนอื่น

อย่างไรก็ตาม ผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ของสำนักมารล้วนอยู่ที่นี่ แล้วใครกันที่เป็นผู้ฝ่าภัยพิบัติสวรรค์?

เมื่อ เผยเชียนอินเห็นลี่เฉินดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าคนทรยศอย่างนาย จะบรรลุไปถึงแดนนภาแล้ว แต่ต่อให้เป็นแดนนภาแล้วยังไง? ยังก็ยังจะฆ่านายอยู่!”

เมื่อพูดจบ เผยเชียนอินก็เล่นของอาถรรพ์กู่ฉินอีกครั้ง

“เจิ้ง~”

เมื่อเสียงกู่ฉินดังขึ้น ตัวโน้ตก็ระเบิดขึ้นทันทีและมุ่งหน้าโจมตีไปยังลี่เฉิน

อย่างไรก็ตาม ลี่เฉินยังคงยืนมือไพล่หลังอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตัวโน้ตระเบิดใส่ตัวเขา และไม่ว่าการโจมตีของ เผยเชียนอินจะรุนแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถทำร้ายลี่เฉินได้

เผยเชียนอินมีสีหน้าไม่ยอมแก่ เธอเร่งจังหวะการเล่นทันทีจนใบหน้าเริ่มซีดขาว

“พอแล้ว!”

ทันใดนั้น ลี่เฉินก็โบกมือใหญ่ของเขา จากนั้นกลิ่นอายอันแรงกล้าก็ห่อหุ้ม เผยเชียนอินเหมือนกับมือใหญ่ที่มองไม่เห็นและหยุดกู่ฉินเอาไว้ เผยเชียนอินเองก็ไม่สามารถกระตุ้นกู่ฉินได้อีกต่อไป

“ลี่เฉิน จำเอาไว้ วันหนึ่งฉันจะฆ่านายกับมือ!”

เผยเชียนอินตะโกนใส่ลี่เฉินอย่างโกรธแค้น จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไปทั้งอย่างนั้น

ลี่เฉินมองไปที่แผ่นหลังของ เผยเชียนอินที่จากไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน

จนกระทั่ง เผยเชียนอินจากไปลี่เฉินจึงมองไปที่ เจียงหยวนหลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คุณเป็นผู้แข็งแกร่งดนนภา มาที่สำนักมารของเรา คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่?”

“ฮึ่ม!”

เจียงหยวนหลงพูดอย่างเย็นชาว่า “ก็แค่โลกฆราวาส ฉัน เจียงหยวนหลงอยากมาก็มาได้ อยากไปก็ไปได้ทุกเมื่อ เป็นนายต่างหากที่เก็บงำฝีมือเอาไว้ล้ำลึก บรรลุแดนนภาในโลกฆราวาสแถมพันธมิตรพิทักษ์ก็ยังไม่ค้นพบ เกรงว่ามีสมบัติที่ซ่อนภัยพิบัติสวรรค์ได้อยู่สินะ?”

จนถึงขณะนี้ กลุ่มผู้แข็งแกร่งขอ สำนักมาร รวมทั้งเหรินจิงหลุนและ อิงเทียนสิง ในที่สุดก็มั่นใจได้ว่าลี่เฉินได้บรรลุแดนนภาแล้วจริงๆ

อิงเทียนสิง และเหรินจิงหลุนมาตอนนี้ค่อยตระหนักว่าพวกเขาโง่แค่ไหนที่คิดว่าต้องการจะหยุดภัยพิบัติสวรรค์ หากลี่เฉินปรากฏตัวก่อนหน้านี้ พวกเขาอาจกลายเป็นศพไปแล้วก็ได้

เกาสงหน้าซีดขาวอย่างมาก เขาคิดว่าคนที่กำลังข้ามฝ่าภัยพิบัติสวรรค์คือลี่เฉินอีกทั้งยังมีอิงเทียนสิงและเหรินจิงหลุนและผู้แข็งแกร่งที่สุดเช่น เผยเชียนอินอยู่ หากคิดจะทำลายภัยพิบัติสวรรค์ของลี่เฉินต้องทำได้สำเร็จแน่ แต่เขาไม่เคยคิดว่าคนที่กำลังฝ่าภัยพิบัติสวรรค์จะไม่ใช่ลี่เฉิน แถมลี่เฉินก็ได้บรรลุสู่แดนนภาไปนานแล้วเพียงแต่ไม่มีใครรู้

ไม่ถูกต้อง จู่ๆ เขาก็ตระหนักว่ามารแดงและเงามาร ยังมีเหมิงคุนและมู่ชิงที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของสำนักมาร ก็ดูจะไม่แปลกใจเรื่องที่ลี่เฉินเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาเลยสักนิด

กล่าวคือ พวกเขารู้เรื่อง ลี่เฉินบรรลุแดนอยู่แล้ว?

เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ สันหลังของเขาก็เย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่าลี่เฉินได้ตระหนักถึงเจตนาชั่วร้ายของเขาที่มีต่อสำนักมาร ดังนั้นแม้กระทั่งเรื่องบรรลุแดนที่ใหญ่โตแบบนี้ก็ยังไม่บอกให้เขารู้

ในเวลานี้ ลี่เฉินไม่มีเวลาไปสนใจเกาสง เขาจ้องไปที่ เจียงหยวนหลงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ต่อให้ฉันบรรลุแดนนภาแล้วยังไง? ในโลกฆราวาสฉันไม่ได้ฝึกฝนหรือใช้กำลังของตัวเองซึ่งไม่ละเมิดกฎของพันธมิตรพิทักษ์ ตรงข้ามกับคุณที่เป็นผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณ มายังโลกฆราวาส ได้รับอนุญาตจากพันธมิตรพิทักษ์แล้วหรือ?”

เจียงหยวนหลงไม่ตอบคำถามของลี่เฉินดวงตาของเขาฉายจิตสังหาร พลังเขตแดนที่คล้ายจะปะทุออกมาพุ่งไปใส่ลี่เฉิน

ลี่เฉินเองก็ไม่อ่อนแอ เขตแดนวิถีมารของเขาถูกปล่อยออกไปและแผ่ขยายออกไปใส่อีกฝ่าย

เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับทำให้ทุกคนในสถานที่นี้รู้สึกกดดันอย่างมาก

ถ้าผู้แข็งแกร่งระดับนี้ต่อสู้กัน เกรงว่าสำนักมารทั้งหมดจะถูกทำลายลงแล้วใช่ไหม?

ในเวลานี้ ภัยพิบัติสวรรค์ยังคงคำรามอย่างดุเดือด และดูเหมือนว่าห้องสมุดจะถูกทำลายลง

จู่ๆเจียงหยวนหลงก็พูดขึ้นทันทีว่า “นายคิดว่า นายสามารถหยุดผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียงได้หรือไง?”

ลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “ลองดูสิ!”

กลิ่นอายมาคุระหว่างทั้งสองรุนแรงมาก สงครามกำลังใกล้เข้ามา!

แม้ว่าลี่เฉินเพิ่งจะบรรลุสู่แดนนภาได้ไม่นาน แต่เขากลับไม่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งแดนนภาจากตระกูลบู๊โบราณ

“ฮึ่ม!”

เจียงหยวนหลงเยาะเย้ยและเอ่ยสั่งลูกน้องของตนว่า “จัดการทำลายภัยพิบัติสวรรค์นี้ซะ ฉันอยากจะเห็นนักว่า มดที่ถูกทำลายภัยพิบัติสวรรค์ จะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นศัตรูของตระกูลเจียง”

คราวนี้เขามาที่โลกฆราวาสเพื่อนำคนที่กำลังฝ่าภัยพิบัติสวรรค์กลับไปสู่ตระกูลเจียงและให้พวกเขากลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูล อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งต่างๆ จะไปไกลถึงขนาดนี้

เมื่อเขามาที่สำนักมาร เขาร้องเรียกและให้เวลาอีกฝ่ายหนึ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่อีกฝ่ายบรรลุสู่แดนนภาแล้วก็จงเข้าร่วมกับตระกูลเจียงในโลกบู๊โบราณ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกเขาฆ่า

ผ่านไปหนึ่งนาที อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบ นั่นคือการปฏิเสธที่จะเข้าร่วมตระกูลเจียง ในเมื่อไม่สามารถเก็บอัจฉริยะแบบนี้กลับไปยังตระกูลได้ อย่างนั้นก็ทำลายมันซะ เพื่อไม่ให้กลายมาเป็นหายนะของตระกูลเจียง

เมื่อได้ยินคำสั่งของ เจียงหยวนหลงผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นต่างก็มุ่งหน้าไปที่ห้องสมุดทีละคน

ไม่ยากนักสำหรับผู้แข็งแกร่งชั้นยอดห้าคนที่จะร่วมมือกันทำลายภัยพิบัติสวรรค์

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกเขาออกมา ก็ถูก เงามาร และมารแดงขวางไว้

อย่างไรก็ตาม ผู้แข็งแกร่งทั้งห้าของตระกูลเจียง ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกับห้าผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของภูเขามาร ส้วนสี่ยอดขุนพลมารของสำนักมารที่ตอนนี้ถูกเกาสงทรยศ บวกกับ เงามารที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ยังมีแค่สี่คนและด้อยกว่าผู้แข็งแกร่งทั้งห้าคนของตระกูลเจียง

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีเพียงสี่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น พวกเขาจะหยุดอีกฝ่ายได้อย่างไร?

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าไม่สามารถหยุดมันได้ แต่พวกเขาก็จะไม่ถอยกลับ ต่อให้ตายก็ไม่หวั่น!

ใบหน้าของลี่เฉินเต็มไปด้วยความโกรธ เขารู้ดีอย่างยิ่งว่า สำนักมารไม่สามารถหยุดตระกูลเจียงที่แข็งแกร่งได้

ในเวลานี้ เสียง “ปึง” ก็ดังขึ้น ปืนเทพบู๊ตกลงอย่างแรงที่หน้าห้องสมุด ตู้ป๋อราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามซึ่งยืนขวางอยู่หน้าห้องสมุดเอาไว้และจ้องมองผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงอย่างเย็นชา

แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ความหมายก็ชัดเจนมาก ตราบใดที่ผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงกล้าที่จะมุ่งหน้ามา เขาก็พร้อมจะลงมือ

แม้ว่าตู้ป๋อจะเข้าร่วมแล้ว แต่ทีมของสำนักมารก็ยังพ่ายแพ้

ตอนนี้ เกรงว่ามีเพียงอิงเทียนสิงและเหรินจิงหลุนเข้าร่วมด้วยเท่านั้น ถึงสามารถหยุดผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงได้ เพียงแต่อิงเทียนสิง และเหรินจิงหลุนจะสามารถเข้าร่วมสำนักมารได้หรือ?