บทที่ 1971 อดทน

The king of War

The king of War บทที่ 1971 อดทน
สำนักมารในเวลานี้ ถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งภัยพิบัติสวรรค์ อีกทั้งยังถูกปกคลุมไปด้วยออร่าบู๊ของผู้แข็งแกร่งระดับสูงหลายคน

ราวกับกำลังตอบสนองต่อออร่าบู๊ของกลุ่มผู้แข็งแกร่ง ภัยพิบัติสวรรค์ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น สายฟ้ายังคงตกลงบนห้องสมุดเพื่อฉีกกระชากทุกสิ่งในโลก

ผู้แข็งแกร่งอย่าง เจียงหยวนหลงก็ยังมองไปที่ห้องสมุดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม แม้แต่ในโลกบู๊โบราณ ก็ยังไม่เคยมีภัยพิบัติสวรรค์เช่นนี้มาก่อน

บัดนี้มันกลับปรากฏอยู่ในโลกราวาส บูโดอัจฉริยะแบบนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ

“ใครจะกล้าเข้าใกล้อีกก้าวหนึ่ง ฆ่าไม่เว้น!”

ตู้ป๋อที่ถือปืนเทพบู๊อยู่หน้าห้องสมุด มองดูผู้แข็งแกร่งทั้งห้าของตระกูลเจียงอย่างเย็นเยียบและพูดอย่างเย็นชา

เจียงหยวนหลงเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรตามใจชอบในโลกฆราวาส แดนบูโดของลี่เฉินเข้าสู่แดนนภาแล้ว ก็ไม่สามารถลงมือตามใจได้เช่นกัน นอกเสียจากยามจำเป็น

เงามาร มารแดง และผู้แข็งแกร่งระดับสูงคนอื่น ๆ ของภูเขามารก็ยืนอยู่ข้างตู้ป๋อ พวกเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าตระกูลเจียงแต่พวกเขาก็ไม่กลัวเลยสักนิด

อิงเทียนสิง และเหรินจิงหลุนต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขารู้ดีว่าศึกนี้ สำนักมารต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับสำนักมารก็อาจไม่ชนะ

นอกจากนี้ แต่เดิมพวกเขาก็ไม่มีมิตรภาพกับสำนักมาร ซ้ำยังมีความขัดแย้งมากมาย แน่นอนว่าย่อมไม่ไปหาเรื่องกองกำลังจากโลกบู๊โบราณเพื่อสำนักมารแน่

“นายมันรนหาที่ตาย!”

ผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจียงโกรธจัด พวกเขาถึงกับถูกคุกคามโดยนักบูโดจากโลกฆราวาส

ตู้ป๋อผู้ซึ่งถือปืนเทพบู๊อยู่ในมือ บนตัวผ่านออร่าบู๊ที่น่ากลัวออกมา ต่อให้ยังไม่บรรลุสู่แดนนภา แต่เขาก็อยู่ไม่ไกสจากมันแล้ว

หากต่อสู้จนตาย แม้ว่าผู้แข็งแกร่งทั้งห้าของตระกูลเจียงจะอยู่ในกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น แต่ก็อาจมีใครต้องตายในมือของตู่ป๋อ

เจียงหยวนหลงจ้องไปที่ปืนเทพบู๊ด้วยตาที่ลุกไหม้ แต่เดิมเขาได้รับปืนเทพบู๊มาแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่า ปืนเทพบู๊จะได้รับการปรับแต่งโดยตู้ป๋อ ทำให้เขาสามารถเรียกคืนได้อย่างง่ายดาย

ถ้า เจียงหยวนหลงต้องการปืนเทพบู๊ ก็มีแต่ต้องทำให้ตู้ป๋อตายเท่านั้น มีเพียงตู้ป๋อ ถึงทำให้ปืนเทพบู๊สามารถแยกตัวออกมาได้ ถึงตอนนั้น เจียงหยวนหลงก็สามารถปรับแต่งปืนเทพบู๊ได้อีกครั้ง

ของอาถรรพ์ชั้นสูงนี้ แม้ว่าจะวางอยู่ในโลกโบราณ ก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่ามาก แน่นอนว่า เจียงหยวนหลงอยากได้มัน

ยังมีร่องรอยเลือดอยู่บนปากของตู้ป๋อ เมื่อกี้เขาถูกโจมตีโดยผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียง จนแทบจะฆ่าเขาไปแล้ว

แต่คราวนี้ เขาเสี่ยงชีวิตอย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่ผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงกล้าที่จะลงมือ เขาก็จะไม่สนอะไรและฆ่าอีกฝ่าย

“สงอัน! พวกนายรออะไรอยู่?”

เจียงหยวนหลงก็พูดด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

สงอันและผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงคนอื่นๆ ต่างก็ตัวสั่นและใบหน้าของพวกเขาแสดงความหวาดกลัวออกมา

ถ้า เจียงหยวนหลงรำคาญ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก

“ลงมือ!”

สงอันก็ตะโกนและรีบพุ่งไปที่ตู้ป๋อก่อน

“ฆ่า!”

ไม่ต้องให้ตู้ป๋อลงมือ เงามาร ก็ได้นำยอดขุนพลมารทั้งสามคนเข้าไปต่อสู้แล้ว

การต่อสู้ครั้งนี้ หากสามารถรอดชีวิตมากได้ พวกเขาทั้งหมดก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง

ตู้ป๋อไม่ลังเลเลยสักนิด เขาขยับเท้าและพุ่งไปที่ สงอันซึ่งเป็นแกนนำ

เงามารตะโกนลั่น “พวกเราหยุดคนอื่นๆ นายฆ่าสักคนก่อน!”

“ดี!”

ตู้ป๋อตอบรับ จากนั้นออร่าบู๊ที่น่าหวาดกลัวก็แผ่กระจายออกจากร่างกายของเขา ราวกับเป็นเทพยุทธ์ที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลนับพันปี

สงอันและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ในตระกูลเจียงต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

ในฐานะผู้แข็งแกร่งที่สุดรองจากแดนนภา พวกเขารู้ดีว่า ตู้ป๋อในเวลานี้ จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ออร่าบู๊ของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาพร้อมที่จะลงมือฆ่าแล้ว

“ติ้ง!”

วินาทีถัดมา เสียงโลหะกระทบกันก็ดังขึ้น

สงอันยกค้อนในมือขึ้น และปืนเทพบู๊ของตู้ป๋อก็กระแทกใส่ค้อนอย่างแรง

“ปึง!”

สงอันไม่สามารถต้านทานแรงที่บ้าคลั่งได้ ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าข้างลงอย่างหนักจนจมลงไปบนพื้นเป็นหลุม

“จัดการมัน!”

ตู้ป๋อตะโกน จากนั้นปืนเทพบู๊ก็กระหน่ำไปติด

“ติ้งติ้งติ้ง!”

เมื่อถูกโจมตีติดต่อกันหลายครั้งสงอันก็ไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กลับ หลังจากถูกโจมตีอย่างหนักหลายครั้ง เขาก็คุกเข่าข้างหนึ่ง และจับค้อนไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง แรงกระแทกมหาศาลทำให้ง่ามมือของเขาร้าวและมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก

สงอันเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่เป็นรองแค่แดนนภาเท่านั้น เขาย่อมแข็งแกร่งมากและเป็นการยากที่ตู้ป๋อจะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

การฉจมตีหลายครั้งติดต่อกันล้วนถูกสงอันต้านทานเอาไว้ได้หมด และทุกการกระแทกแต่ละครั้ง เข่าของ สงอันก็ลึกลงไปเรื่อยๆ

“อ๊าก…”

สงอันทันใดนั้นคำรามและพลังอันทรงพลังก็ออกมาจากร่างกายของเขา

ตัวเขามีเลือดไหลชุ่มทั้งตัว ดวงตาแดงก่ำเป็นเลือด ราวกับสัตว์เดรัจฉาน

ร่างกายของเขาเหมือนกับเป่าลูกโป่งที่ค่อยๆ ขยายออก จนดูเหมือนชายร่างใหญ่ที่มีกล้ามเนื้อเต็มตัว

สงอันที่เป็นชายร่างใหญ่อยู่แล้วตอนนี้ยิ่งดูตัวโตขึ้นไปอีก

ใบหน้าของตู้ป๋อเคร่งขรึมสุดขีด เขารู้ว่า สงอันเองก็ใช้เทคนิคลับเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา

ตอนนี้ทั้งคู่ได้พัฒนาความแข็งแกร่งด้วยวิธีการลับ ใครจะเป็นผู้ชนะก็ขึ้นอยู่กับวิธีการลับที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา

“ติ้งติ้งติ้ง!”

ผู้แข็งแกร่งทั้งสองโจมตีกันอย่างบ้าคลั่ง ปืนเทพบู๊ปะทะเข้ากับค้อนเหล็ก จนทำให้เกิดเสียงการชนกันอย่างชัดเจน

ทุกครั้งที่ของอาถรรพ์ชนกัน จะมีพลังทำลายล้างที่กวาดไปทุกทิศทุกทาง

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งอีกสี่คนของตระกูลเจียงกำลังต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ของสำนักมาร สิ่งที่แตกต่างจากตู้ป๋อคือด้านนี้ล้วนเป็นฝ่ายถูกบดขยี้เพียงฝ่ายเดียวอย่างสมบูรณ์

ผู้แข็งแกร่งที่สุดสี่คนของสำนักมาร เงามาร และมารแดงนั้นดีกว่าเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะมีแนวโน้มแพ้เช่นกัน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถอดทนได้อีกซักพัก อย่างไรก็ตาม เหมิงคุนและมู่ชิง ทั้งสองคนแดนบูโดยังไม่ได้เข้าสู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแต่อยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดและแข็งแกร่งกว่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดทั่วไป แต่ก็เพียงเท่านั้น

ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งที่มาจากโลกบู๊โบราณ เป็นเรื่องที่ย่อมไม่มีทางที่จะต่อสู้กลับ

ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดต่อกัน

ใบหน้าของลี่เฉินมืดมนถึงขีดสุด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ ถ้ายังสู้ต่อไป เหมิงคุนและมู่ชิงจะตาย และแม้ว่าเขาจะสามารถอยู่รอดได้ เกรงว่าก็คงกลายเป็นคนพิการที่วิถีบู๊ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

สำหรับนักบูโด พวกเขายอมตายดีกว่ากลายเป็นคนพิการวิถีบู๊

ใบหน้าของเจียงหยวนหลงราบเรียบ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กังวลเกี่ยวกับผลของการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และนั่นก็เพราะมันไม่จำเป็น

เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง การยั่วยุของนักบูโดโลกฆราวาสมีแต่จะต้องจ่ายค่าชดใช้มากขึ้นเท่านั้น

ในเวลาเดียวกัน หยางเฉินซึ่งอยู่ในห้องใต้ดินของห้องสมุด ทั้งตัวเต็มไปด้วยสายฟ้า สายฟ้านับไม่ถ้วนถูกชักนำเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านทางแท่นหิน

สายฟ้าทุกล้วนกำลังเคี่ยวกรำร่างเนื้อของเขา

อย่างไรก็ตาม ความอดทนของเขาเองก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว หากภัยพิบัติสวรรค์ยังไม่สิ้นสุด เขาก็ไม่สามารถยืนหยัดได้แล้วจริงๆ

หม่าเฉาจ้องมองที่หยางเฉิน มือถือลูกปัดมารในมือขวาแน่น และพร้อมที่จะโยนลูกปัดมารลงในแท่นหินทุกเมื่อเพื่อต้านทานภัยพิบัติสวรรค์ให้หยางเฉิน อย่างไรก็ตาม เมื่อภัยพิบัติสวรรค์ถูกต้านเอาไว้ หยางเฉินก็จะประสบภัยภัยพิบัติสวรรค์ย้อนกลับและไม่สามารถก้าวสู่แดนนภาอีกในชีวิตนี้

หม่าชาวจะไม่ขว้างลูกปัดมารออกไปเด็ดขาดเว้นแต่จะจำเป็น

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เวลาชั่วธูปกำลังจะหมดลงแล้ว และหม่าเฉาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถต้านทานออร่าบู๊อันแข็งแกร่งที่หยางเฉินระบายออกมาอย่างต่อเนื่องได้อีก

ระดับแดนบูโดของเขาต่ำเกินไป ถ้าลี่เฉินไม่ได้ใช้อายุขัยห้าปีในการซื้อเวลาหนึ่งชั่วธูปให้เขา หม่าเฉาก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว

เมื่อมองไปที่หยางเฉินซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หม่าเฉาก็กระซิบด้วยดวงตาแดงก่ำว่า “พี่เฉิน นายจะต้องอดทนนะ!”