ชั้นบนสุดของเรือสมบัติ ในห้องโถงวิจิตรหรูหราแห่งหนึ่ง ที่นี่คือที่พักของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น
“เจ้าบอกว่าลูกชายของเจ้าถูกฆ่าบนเรือเผ่าปี้อั้นของพวกเราหรือ”
ชายที่สวมชุดคลุมเหลือง สวมเกี้ยวประดับขนนกคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สมบัติอย่างเกียจคร้าน ในดวงตาปรากฏอักขระอักษรสิบสีทอง น่าสยดสยองหาใดเปรียบ
เขาชื่ออันเจิง ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าจักรพรรดิปี้อั้น เป็นพวกชั้นยอดที่ห่างจากระดับจักรพรรดิอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ภายในโถงใหญ่ ชายเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าเศร้าหมอง “เรียนคุณชาย ไม่ผิดแน่ ท่านดู นี่คือป้ายกระดูกจิตวิญญาณของบุตรชายคนนั้นของข้า”
เขาหยิบป้ายกระดูกจิตวิญญาณที่แตกเป็นเสี่ยงชิ้นนั้นออกมา
อันเจิงขมวดคิ้ว เสียงปึงดังขึ้นหนึ่งครา ถ้วยชาในมือแตกเป็นชิ้นๆ สีหน้ามืดทะมึนกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าอยากรู้นักว่าเป็นเจ้าสารเลวหน้าไหนถึงกล้าทำการอุกอาจบนเรือสมบัติ”
ข้างๆ กันชายชราชุดเทาคนหนึ่งเอ่ยเสียงเบา “นายน้อย เมื่อครู่ผู้ดูแลคนหนึ่งที่บังคับเรือสมบัติส่งข่าวมา บอกว่าห้องหมายเลขเก้าระดับสามที่อยู่ด้านล่างสุดของเรือสมบัติ พลังผนึกที่ปกคลุมอยู่ถูกคนทลายออก”
ชายชราชุดเทานิ่งไปพักหนึ่งก็กล่าวต่อว่า “ถัดจากห้องหมายเลขเก้าระดับสามนั้น ก็มีผู้แข็งงแกร่งของเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดคนหนึ่งพักอยู่”
อันเจิงสายตาเย็นเยียบ “ไปตรวจสอบเรื่องนี้หน่อย หากมีคนก่อเรื่อง ให้ถลกเนื้อเถือหนังเขาแล้วโยนทิ้งกลางทะเล!”
ชายชราชุดเทาพยักหน้า พาผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นสิบกว่าคนออกไปอย่างรีบร้อน
“ขอบคุณคุณชายยิ่ง ขอบคุณคุณชายยิ่ง!” ชายจากเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดฉายแววตื้นตันออกมา
อันเจิงกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า หากแต่กำลังรักษากฎของเผ่าปี้อั้นของข้า”
…
ชั้นล่างของเรือสมบัติ ห้องหมายเลขเก้าระดับสาม
หลังจากชายชราชุดเทาพาผู้แข็งแกร่งทั้งขบวนมาถึง ก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “คนที่พักอยู่ด้านในนี้คือใคร”
“คนของเผ่าวิญญาณเมฆาขอรับ”
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งรีบตอบทันที
ชายชราชุดเทาร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “เคาะประตู”
จากนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งก้าวออกมา ยกมือขึ้นตั้งท่าจะเคาะประตู ประตูห้องที่ปิดสนิทก็เปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง ภายในห้องหลินสวินนั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังร่ำสุรา เอ่ยถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “มีธุระอะไร”
ชายชราชุดเทากวาดสายตาหนหนึ่งก็มองเห็นรูแตกบนผนังห้องตรงนั้น พลันขมวดคิ้วทันที กล่าวว่า “นั่นเป็นฝีมือเจ้าหรือ”
หลินสวินยกมือขึ้นโยนถุงเก็บของใบหนึ่งออกมา “ข้ารู้กฎดี ด้านในมีสามพันเหรียญเจินหลง เพียงพอจะชดใช้ให้พวกเจ้าแล้ว”
ชายชราชุดเทากล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เจ้าเคยลงมือก่อเรื่องร้ายแรงหรือไม่”
คิ้วของหลินสวินเลิกขึ้น คราวนี้จึงตระหนักได้ว่าเรื่องรั่วไหลไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ปิดบัง กล่าวว่า “ถูกต้อง”
พวกชายชราชุดเทาต่างอึ้งไป คล้ายกับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะเปิดเผยเช่นนี้
“เจ้ายังมีอย่างอื่นอยากจะพูดอีกหรือไม่” ชายชราชุดเทาสีหน้ามืดทะมึน จ้องหลินสวินพลางกล่าว “หากไม่มีก็ยอมถูกจับแต่โดยดีเถอะ”
“ดูเหมือนข้าจะไม่ได้ทำผิดกฎระเบียบบนเรือนะ” หลินสวินกล่าวสบายๆ
มุ่งหน้าไปยังเกาะเทพรุ้งมรกต จำเป็นต้องผ่านพื้นที่ทับซ้อนมากมายกลางทะเลตะวันออก และบนทะเลตะวันออกอันเวิ้งว้างก็เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย
หากไม่ใช่เพราะไม่รู้เส้นทาง หลินสวินคงไม่จ่ายสมบัติ โดยสารเรือมุ่งหน้าไปเป็นแน่
“แต่เจ้าฆ่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าค้างเขียวกระหายเลือด!” ชายชราชุดเทาสีหน้าเลือดเย็น “กฎระเบียบบนเรือสมบัติคือห้ามลงมือโดยพลการ!”
หลินสวินเอ่ยถาม “แล้วตอนที่เจ้าคนพวกนั้นจะฆ่าแม่นางน้อยจากเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง เหตุใดพวกเจ้าไม่โผล่มา”
เผ่ามนุษย์?
ชายชราชุดเทาหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยัน “เผ่ามนุษย์ก็เหมือนเดรัจฉาน ไม่ว่าใครก็สามารถสังหารได้ อย่าว่าแต่ข้าไม่รู้เลย ต่อให้ข้ารู้ก็ไม่มีทางสนใจ”
สายตาของหลินสวินเย็นเยียบ “กล่าวเช่นนี้ ในแง่ปัญหาของการปฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์ กฎระเบียบของเผ่าปี้อั้นจะไม่พูดถึงก็ได้หรือ”
ชายชราชุดเทาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกหรือ เผ่ามนุษย์คู่ควรให้พวกเราเผ่าปี้อั้นยกกฎระเบียบมาพูดถึงเสียที่ไหน”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะบอกพวกเจ้าให้ก็ได้ พวกเจ้า… ไม่คู่ควรให้ข้าปฏิบัติตามกฎบนเรือแห่งนี้อีกต่อไป แล้วก็ ทางที่ดีพวกเจ้าหายไปตั้งแต่ตอนนี้จะดีที่สุด”
กล่าวเสร็จประตูห้องก็ปิดลงอย่างเงียบๆ ทำเอาพวกชายชราชุดเทาตัวแข็งค้างอยู่ตรงนั้น
เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าของผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นเหล่านี้ล้วนไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ ต่างมองไปยังทางชายชราชุดเทา
ชายชราชุดเทาแค่นเสียงเย็น “ยังมัวอึ้งทำอะไรอยู่ ลงมือ!”
ชายร่างกำยำเผ่าปี้อั้นคนหนึ่งยกเท้าขึ้นเตรียมถีบประตูห้องเข้าไป เพียงแต่ยังไม่ทันถีบโดน เท้าขวาที่ยกขึ้นของเขาก็เกิดเสียงดังกร๊อบ กระดูกเส้นเลือดแตกระเบิด เงาร่างซวนเซคุกเข่าลงกับพื้น เจ็บจนร้องอู้อี้ออกมา
ชายชราชุดเทาหนังตากระตุก เขาถึงขั้นไม่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไรกันแน่!
“บังอาจ! บนเรือสมบัติของพวกเรายังกล้าจองหองขนาดนี้ รนหาที่ตาย!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นคนอื่นๆ ต่างก็เดือดดาล จากนั้นก็มีคนพุ่งพรวดขึ้นมาอีก หมายจะพังประตูห้องบุกเข้าไปข้างใน
ทว่าพร้อมๆ กับเสียงปึงๆๆ ระลอกหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นเหล่านี้ต่างถูกกำราบลงกับพื้น นอนระเนระนาดร้องครวญครางกันเป็นแถบ
นี่ทำให้ชายชราชุดเทาสูดหายใจเฮือก ตระหนักได้ว่าพบกับพวกร้ายกาจเข้าให้แล้ว
“สหาย เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมาของการทำเช่นนี้หรือไม่” เขากัดฟันเอ่ยปาก เสียงอึมครึม “คนที่ล่วงเกินเผ่าปี้อั้นของข้า ไม่เคยมีจุดจบที่ดี!”
ประตูห้องเปิดออกเงียบๆ หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาดำลุ่มลึกไม่ทุกข์ไม่สุข “เจ้ารู้จุดจบของการล่วงเกินข้าคนแซ่หลินหรือไม่”
ชายชราชุดเทาโกรธจัดจนหัวเราะออกมา “ได้ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
กล่าวเสร็จก็สะบัดแขนเสื้อทำท่าจะเดินออกไป
แต่เพิ่งสาวเท้าออกมาก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบคอจากด้านหลัง คว้าขึ้นมาเหมือนลูกไก่ก็ไม่ปาน
“เจ้าคิดจะทำอะไร!?” ชายชราชุดเทาตกใจยกใหญ่ เขาเป็นกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง แต่ถึงกับไม่ทันแม้แต่จะตอบสนอง สิ่งนี้ทำให้เขามึนงงขึ้นมาเล็กน้อย
“ไปพบเจ้านายที่แท้จริงของเรือสมบัติลำนี้”
หลินสวินกล่าวพลางหิ้วชายชราชุดเทาคนนี้เดินออกไปด้านนอก
บนโถงทางเดินที่ทอดยาว ท่ามกลางห้องที่เบียดเสียดแน่นขนัด สิ่งมีชีวิตไม่รู้เท่าไหร่ถูกทำให้ตกใจ ชะโงกหน้าที่มีลักษณะแตกต่างกันออกมาสังเกตการณ์
ตอนที่มองเห็นภาพนี้ต่างตกใจหน้าถอดสีกันอย่างอดไม่ได้ เจ้าคนเผ่าวิญญาณเมฆานี่ก็ดุร้ายเกินไปแล้วกระมัง ถึงขั้นกล้าลงมือกับผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นตรงๆ เชียว!
ควรรู้ว่าในแดนเจินหลง นอกจากเผ่าเจินหลงที่อยู่เหนือสุดดุจดั่งนายเหนือหัวแล้ว เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ที่ขนาบข้างเผ่าเจินหลงเหล่านั้นก็เป็นพวกที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่องด้วยเช่นกัน
และเผ่าปี้อั้นก็คือหนึ่งในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่!
หลินสวินไม่ได้สนใจสายตาหลากหลายรูปแบบเหล่านั้น ยังคงหิ้วชายชราชุดเทาเดินตรงดิ่งไปบนเรือสมบัติชั้นหนึ่ง ตลอดทาง เรียกสายตาตกใจแกมสงสัยไม่รู้เท่าไหร่
ไกลออกไปโถงใหญ่อันวิจิตรหรูหราแห่งหนึ่งสะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตา เบื้องหน้าโถงใหญ่มีองครักษ์มากมายยืนเฝ้าอยู่ แต่ละคนหนักแน่นขึงขัง กลิ่นอายดุดัน
เพียงแต่หลินสวินไม่ได้หยุดเท้า เดินมุ่งหน้าไปทางโถงใหญ่แห่งนั้น
และด้านหลังของเขา สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าไม่รู้เท่าไหร่เดินตามมานานแล้ว กำลังเฝ้าชมสถานการณ์ เห็นได้ชัดว่าการกระทำของหลินสวินเรียกความโกลาหลบนเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หยุดนะ!”
“เจ้า… ถึงกับกล้าลงมืออุกอาจกับรองผู้ดูแลเชียวหรือ”
องครักษ์กลุ่มหนึ่งที่เฝ้าอยู่นอกโถงใหญ่สังเกตเห็นหลินสวินที่เดินเข้ามา ยามเมื่อมองเห็นชายชราชุดเทาที่ถูกหลินสวินหิ้วอยู่ พวกเขาก็เกือบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
ตูม!
แต่ไม่รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวใดๆ ยามเมื่อหลินสวินเดินมา แรงบีบคั้นอันน่าสะพรึงไร้รูปวูบหนึ่งก็แผ่กว้าง กำราบพวกเขาลงกับพื้นทีละคน ไม่มีใครลุกขึ้นยืนได้อีก!
“แข็งแกร่งนัก!”
“เผ่าวิญญาณเมฆามีพวกร้ายกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เสียงร้องอุทานตกใจระลอกหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกลๆ ผู้แข็งแกร่งที่ตามหลังมาเหล่านั้นแต่ละคนล้วนตกใจไม่หยุด
องครักษ์บนเรือสมบัติแห่งนี้ล้วนมีปราณระดับอริยะขึ้นไป พวกที่ร้ายกาจบางส่วนยิ่งเป็นระดับราชันอริยะ ในสายตาของผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าเหล่านั้น ล้วนเรียกว่าเป็นพวกที่น่าสะพรึงถึงขีดสุด
แต่ในสายตาของหลินสวิน…
กลับไม่ควรค่าให้ชายตาแลชัดๆ!
กลางโถงใหญ่ อันเจิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สมบัติจิบชาพลางรอฟังข่าวพลันขมวดคิ้ว การเคลื่อนไหวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นด้านนอกโถงใหญ่ถูกเขารับรู้ในทันที
เขาเงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นหลินสวินที่หิ้วชายชราชุดเทาเดินเข้ามาในโถงใหญ่
ครู่ต่อมาเขาก็ตระหนักได้ว่าเรื่องชักไม่เข้าที หยัดตัวขึ้นเต็มความสูง กล่าวด้วยสีหน้ามืดทะมึนว่า “สหายท่านนี้ นี่เจ้าคิดจะทำอะไร”
ปึง!
หลินสวินโยนชายชราชุดเทาคนนั้นออกไปเหมือนโยนขยะก็ไม่ปาน จากนั้นพอกวาดสายตาคราหนึ่งก็มองเห็นชายจากเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดคนนั้น
ฝ่ายหลังทำหน้ามึนงง คล้ายยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ที่แท้ปลาลอดตาข่ายก็อยู่นี่นี่เอง” หลินสวินกล่าวพลางดีดนิ้วคราหนึ่ง
ชายเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดที่ยังคงมืดแปดด้านคนนี้ร่างกายพลันระเบิดออก กลายเป็นเถ้าถ่านร่วงเกลื่อนพื้น ตายอย่างมึนงง
คราวนี้หลินสวินถึงมองไปทางอันเจิง กล่าวว่า “เจ้าก็คือเจ้าของเรือลำนี้หรือ”
อันเจิงที่เผชิญหน้ากับนัยน์ตาดำลุ่มลึกของหลินสวิน จากที่หยิ่งทะนงลำพองตนเรื่อยมา ในใจกลับเริ่มสั่นผวาระลอกหนึ่ง ขนลุกไปทั้งร่าง เหมือนถูกเทพแห่งความตายจับจ้อง
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวว่า “เรือสมบัติลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าปี้อั้นของข้า การเดินเรือครั้งนี้มีข้าเป็นคนควบคุมดูแล สหายเจ้าน่าจะรู้ดี เผ่าปี้อั้นสามคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร”
หลินสวินกล่าวเสียงเรียบ “พวกสวะเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดพวกนั้น ข้าเป็นคนฆ่าเองทั้งหมด ตอนนี้เจ้าจะจัดการตามกฎหรือไม่”
บรรยากาศบีบคั้น ภายในใจอันเจิงผุดความรู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง ตั้งแต่เล็กจนโต เขาฝึกปราณมาจนป่านนี้ เคยถูกข่มขู่เช่นนี้เสียเมื่อไหร่
แต่เขารู้ดียิ่ง ทั้งที่รู้ว่าที่นี่คือเรือสมบัติเผ่าปี้อั้นของพวกเขายังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ต้องไม่ใช่พวกจิตใจดีอะไรอย่างแน่นอน
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สายตามองนอกห้องโถงใหญ่ กล่าวตะโกนลั่น “ให้พวกที่ชมเรื่องสนุกพวกนั้นไสหัวไปซะ!”
น้ำเสียงกึกก้องดั่งฟ้าคำราม
นอกโถงใหญ่พลันเกิดเสียงแตกตื่นระลอกหนึ่ง สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าที่เดิมตั้งใจจะชมเรื่องสนุกพวกนั้น เผชิญหน้ากับอันเจิงที่กำลังมีโทสะ ต่างแยกย้ายกันจ้าละหวั่น ไม่นานก็อันตรธานหายไป
อันเจิงจัดปกเสื้อคราหนึ่ง ฝืนยิ้มพร้อมประสานมือคารวะกล่าวว่า “ผู้อาวุโส มีอะไรก็พูดกันดีๆ ก่อนหน้านี้หากล่วงเกินจุดใด ผู้น้อยอันเจิงจะชดใช้ให้ท่านเดี๋ยวนี้”
กล่าวพลางโค้งกายคารวะอย่างนอบน้อม
ต่อให้หลินสวินดูท่าทางยังหนุ่มหาใดเปรียบ แต่อันเจิงไม่กล้าฟันธงว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลาแล้วหรือไม่ ฉะนั้นจึงใช้คำว่าผู้อาวุโสเรียกขาน
หลินสวินจ้องอันเจิงครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เจ้ารู้จักอันเสวี่ยหรือไม่”
อันเจิงอึ้งงัน หยัดกายหลังตรงกล่าวว่า “นั่นก็คือท่านพี่ในเผ่าของผู้น้อยเอง”
อันเสวี่ย!
บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์เผ่าปี้อั้น ผู้กล้าหญิงที่เลื่องชื่อในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่คนหนึ่ง ทั้งยังเป็นหนึ่งในมกุฎกึ่งจักรพรรดิที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของแดนเจินหลงในปัจจุบัน!
ในเผ่าปี้อั้น ฐานะของอันเสวี่ยโดดเด่นหาใดเปรียบ ไม่ใช่คนที่ ‘น้องชายในเผ่า’ อย่างเขาจะเทียบชั้นได้
หลินสวินถาม “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าวังมังกรที่เผ่าเจินหลงพักอาศัยอยู่ที่ใด”
อันเจิงส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าซื่อตรงยิ่ง “วังมังกรเป็นเขตหวงห้ามที่ลึกลับที่สุดในแดนเจินหลง หนำซ้ำหากไม่มีการเชื้อเชิญ ต่อให้รู้ที่ตั้งของวังมังกรก็ไม่สามารถไปถึงได้”
………………………