บนโต๊ะ เด็กหญิงตัวน้อยที่แหกปากร้องไห้เสียงดังเห็นว่าปลายมีดสีขาวหิมะเล่มนั้นกำลังใกล้เข้ามาก็เหมือนสติหลุดอย่างสิ้นเชิง สะอึกสะอื้นกล่าวว่า “ข้า… คิดถึงท่านแม่…”
เสียงร้องไห้เศร้าโศกอย่างไร้เดียงสานั้นเหมือนเสียงแห่งความสิ้นหวังที่เศร้าระทมที่สุดในโลก
ชายผอมแห้งไม่แยแส ออกแรงที่ข้อมือ ปลายมีดสีเงินพลันกรีดวาดลงไป
ปึง!
จู่ๆ ผนังห้องก็แตกเป็นเสี่ยง
มีดสีเงินที่ตวัดลงไปของชายผอมแห้งเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกำเอาไว้ ก่อนหันเปลี่ยนทิศย้อนไปตัดข้อมือขวาของตนเองแทน
พรูด!
เลือดสดสาดพุ่งราวกับน้ำตก
ชายผอมแห้งเจ็บปวด ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา สายตาหันไปมองผนังห้องที่แตกกระจุยนั่นทันที
ชายอ้วนเตี้ยที่มือถือชามกระเบื้อง รวมถึงหญิงสาวชุดผ้าโปร่งดำเย้ายวนต่างก็อึ้งงัน คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้จะดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
เงาร่างของหลินสวินเดินออกมาจากผนังที่แตกละเอียด นัยน์ตาดำเย็นเยียบจนน่ากลัว
บนพื้น เด็กหญิงวัยเยาว์ที่ตัวสั่นหวาดผวาเหล่านั้นต่างเงยหน้าขึ้นอย่างเลื่อนลอย คล้ายลูกแพะที่ถูกทำให้ตกใจ
หลินสวินเดินตรงไปหน้าโต๊ะไม้ตัวนั้น เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกมัดอยู่ด้านบนใบหน้าขาวซีด น้ำตาไหลเป็นสาย ปากยังคงสะอื้นไห้ตะโกนลั่น “ข้าคิดถึงท่านแม่ ข้าไม่อยากตาย…”
ด้วยสภาวะจิตในตอนนี้ของหลินสวิน ปลายจมูกยังอดแสบร้อนไม่ได้ และส่วนลึกภายในใจก็มีเพลิงโทสะที่ไม่อาจข่มกลั้นแผ่พุ่ง
ทำอะไรไม่ควรมากเกินขอบเขต!
แต่ชายสองหญิงหนึ่งพวกนี้ กลับมองชีวิตเผ่ามนุษย์ที่ยังเด็กพวกนี้เป็นทาส เป็นเหยื่อ เป็นของกิน!
วิธีการที่อำมหิตนองเลือดนั้นเกินกว่าเดรัจฉานชัดๆ!
บรรยากาศในห้องบีบคั้น แม้หลินสวินจะเก็บงำอานุภาพ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวก็ยังคงทำให้ชายสองหญิงหนึ่งพวกนั้นหายใจติดขัด ภายในใจทั้งหวาดผวาทั้งโกรธแค้น
“สหายยุทธ์เผ่าวิญญาณเมฆา นี่เจ้าคิดจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าอยากขอส่วนแบ่งดื่มสักชาม”
หญิงทรงเสน่ห์มองหลินสวินปราดหนึ่ง น้ำเสียงเย้ายวน
หลินสวินไม่ได้สนใจ ยกมือขึ้นแก้มัดให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกพันธนาการคนนั้นแล้วอุ้มลงมาวางบนพื้นเบาๆ ลูบศีรษะของอีกฝ่ายพลางกล่าวเสียงนุ่ม “ไม่ต้องกลัว มีอาอยู่”
ในน้ำเสียงเจือพลังมหามรรคที่สะกดใจผู้คนวูบหนึ่ง ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกสงบทันที ความสิ้นหวัง หวั่นผวา หวาดกลัวภายในใจถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับความมืดที่ถูกแสงอาทิตย์กวาดล้าง
เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวอย่างขลาดกลัว “ท่านอา ท่านจะซื้อข้าไปเป็นทาสไหม ข้าปลูกดอกไม้กับซักผ้าเป็น พอโตขึ้นแล้วจะต้องเป็นทาสที่ดีคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน”
น้ำเสียงไร้เดียงสาเจือแววแห่งความหวัง กลับเหมือนเหล็กร้อนแท่งหนึ่งแผดเผาจนภายในใจหลินสวินปวดร้อน
เผ่ามนุษย์ในแดนเจินหลงแห่งนี้ต้องประสบกับการกดขี่และเหยียบย่ำปานใด ถึงทำให้เด็กน้อยเหล่านี้มองตนเป็นทาสตั้งแต่เด็กได้
และเมื่อเห็นหลินสวินช่วยชีวิตเด็กหญิงตัวน้อยเหล่านี้ บนสีหน้าของหญิงทรงเสน่ห์พลันเปลี่ยนไป คล้ายตระหนักได้ถึงความไม่เข้าที กล่าวเสียงเย็นชาว่า
“ทาสเผ่ามนุษย์กลุ่มนี้เป็นเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดของข้าทุ่มเงินซื้อมา สหาย อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะปล้นไป”
“ปล้น?”
สายตาของหลินสวินยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ยื่นมือออกไปพลัน บีบลำคอของหญิงทรงเสน่ห์เอาไว้ผ่านอากาศ “พวกเจ้ามีคุณสมบัติอะไรทำให้ข้าปล้นได้”
กร็อบ!
ลำคอขาวหิมะของหญิงทรงเสน่ห์ส่งเสียงกระดูกแตกออกมา ใบหน้าอัดอั้นจนกลายเป็นสีม่วงคล้ำ นางกรีดร้องออกมา “นี่เป็นเรือสมบัติของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น ขอเพียงข้าร้องคำเดียว คนระดับสูงบนเรือก็จะรู้!”
สวบ!
เงาร่างของชายผอมแห้งพุ่งทะยาน หมายจะหนีออกจากห้อง รวดเร็วหาใดเปรียบ เขาตระหนักถึงความไม่เข้าทีจึงต้องการไปขอกำลังเสริม
เพียงแต่เขาเพิ่งจะขยับตัวก็ถูกกำราบลงกับพื้นเสียงดังปึง ร่างกายราวกับถูกภูเขาใหญ่กดทับ เลือดออกเจ็ดทวาร ใบหน้าบิดเบี้ยว
ชายอ้วนเตี้ยเดิมตั้งใจจะลงมือ แต่ครั้นเห็นภาพนี้ก็สะเทือนขวัญทันที กล่าวด้วยสีหน้าไม่น่าดู “สหาย แค่ทาสเด็กเผ่ามนุษย์จำนวนหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าต้องการจริงๆ มอบให้เจ้าก็สิ้นเรื่อง”
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาล้วนไม่รู้แน่ชัด ว่าชายที่แผ่กลิ่นอายของเผ่าวิญญาณเมฆาตรงหน้าคนนี้เหตุใดต้องเดือดดาล และเหตุใดต้องโจมตี!
นี่ไม่ใช่โง่เขลา หากแต่ในความคิดของพวกเขา เผ่ามนุษย์เป็นทาสโดยกำเนิด สามารถสังหารได้ตามใจ นี่เป็นความคิดที่หยั่งรากฝังลึกมานานแล้ว
ในใจหลินสวินปรากฏความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าแค้นหรือว่าเดือดดาล อัดอั้นอยู่ในอกยากจะระบายออก
ปึง!
ชายอ้วนเตี้ยเองก็ถูกกำราบ คุกเข่าลงกับพื้น เครื่องหน้าบิดเบี้ยว ผิวหนังมีเค้าลางจะแตกระเบิด
เขาคำรามลั่น “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกก่อนกล่าวเรียบๆ “ข้าก็เป็นเผ่ามนุษย์ เข้าใจหรือยัง”
ประโยคเดียวสั้นๆ ทำเอาชายสองหญิงหนึ่งพวกนั้นต่างเบิกตากว้าง จากนั้นก็เดือดดาลหาใดเปรียบ เศษสวะคนหนึ่งจากเผ่ามนุษย์ กล้าบังอาจลงมือกับพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่กลัวถูกสังหารหรือ
มองเห็นความเดือดดาลและตะลึงงันในสายตาของพวกเขา หลินสวินก็อดยิ้มไม่ได้ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นกลับเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก
เขามองไปทางเด็กสาวที่ดูหมดหวังสติหลุดเหล่านั้น มองเห็นสีหน้าหวาดผวา จนปัญญา และสั่นเทาของพวกนาง เห็นรอยแผลสะสมตามตัวของพวกนาง…
ในแดนเจินหลงนี้ เผ่ามนุษย์สมควรเป็นทาสไปตลอดชีวิตหรือ
หญิงทรงเสน่ห์ที่ถูกหลินสวินบีบคอจนหน้าเขียวคล้ำเอ่ยปากอย่างชั่วร้าย “ปล่อยพวกเราไปซะ เรื่องในวันนี้พวกเราจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น หาไม่ต่อให้พวกเราตายไป พวกเจ้าก็ไม่มีทางมีชีวิตออกจากไปเรือสมบัติลำนี้เด็ดขาด!”
กร๊อบ!
ลำคอของนางถูกบิดหัก พลังจิตแหลกสลาย แม้แต่ร่างยังถูกเผาไหม้ทุกกระเบียด กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวลอย
ชายผอมแห้งและชายอ้วนเตี้ยหวาดหวั่น รู้สึกราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง พวกเขาฝึกปราณจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นเผ่ามนุษย์ที่บังอาจเช่นนี้มาก่อน!
หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดสองคนนี้ก็กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยเช่นกัน
เด็กสาวเผ่ามนุษย์ที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ถึงเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน สายตาที่สิ้นหวังและหมองหม่นผุดแววแห่งความหวังขึ้นมาทีละน้อย
“ท่านอา ท่าน… เป็นเผ่ามนุษย์จริงๆ หรือ” เด็กหญิงตัวน้อยอายุเจ็ดแปดขวบที่ถูกหลินสวินช่วยชีวิตไว้คนนั้นอดเอ่ยถามอีกครั้งไม่ได้
“ใช่” หลินสวินพยักหน้า
เด็กหญิงกล่าวด้วยความสงสัย “แต่เหตุใดท่านถึงไม่ได้กลายเป็นทาส ซ้ำยังเก่งกาจขนาดนี้ ท่านแม่ข้าบอกว่า พวกเราเผ่ามนุษย์หากไม่ยอมเป็นทาสแต่โดยดีก็จะถูกฆ่าทิ้ง หากกล้าขัดขืนยังจะถูกริบทรัพย์ทำลายบ้านอีกด้วย”
เห็นชัดว่านางไม่เข้าใจยิ่ง ว่าบนโลกใบนี้จะมีคนกล้าฆ่าสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งพวกนั้นได้อย่างไร
หลินสวินทอดสายตามองทางเด็กสาวคนอื่นๆ พบว่าพวกนางไม่ได้กระโดดโลดเต้น ไม่ได้โห่ร้องดีใจ ไม่ได้ตื่นเต้นหลังจากที่ถูกช่วยชีวิต…
บางคนรู้สึกสงสัยเช่นกัน ไม่เข้าใจยิ่งว่าเหตุใดหลินสวินกล้าไปสังหารคนของเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดพวกนั้น
นี่ไม่ใช่เฉยชา และไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม หากแต่เป็นความคิดที่ ‘ถูกกระทำ’ ซึ่งฝังลึกอยู่ในใจพวกนางนานแล้ว
นี่น่าหวาดผวาและน่ากลัวยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ต้องเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการชัดๆ
“อาพาพวกเจ้าหนีไปดีหรือไม่”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงนุ่ม
ไม่มีใครคันค้าน ทุกคนต่างว่าตามอย่างยิ่ง บางทีในจิตใต้สำนึกของพวกนางอาจคิดว่า ครั้งนี้อาจสามารถถูกช่วยชีวิตออกไป แต่ภายภาคหน้าก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากชะตาการกลายเป็นทาส สินค้า และของกินได้กระมัง
หลินสวินฝืนข่มความไม่สบายใจเอาไว้ ให้เด็กสาวเหล่านี้เข้าไปอยู่ในเจดีย์ไร้สิ้นสุด และสื่อจิตบอกต้าหวงให้มันดูแลเด็กสาวเหล่านี้เป็นอย่างดี
และเมื่อได้รู้ถึงสิ่งที่เด็กสาวเหล่านี้พบเจอ ซีและต้าหวงต่างเดือดดาล กระทั่งซย่าจื้อที่ไม่ยินดียินร้ายต่อเรื่องในโลกยังเผยไอสังหารออกมาอย่างหาได้ยาก
หลินสวินนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
ปึง!
ไม่ทันไรบานประตูก็ถูกผลักเปิด ชายวันกลางคนที่ผอมแห้งคนหนึ่งเดินเข้ามา ตอนที่เห็นหลินสวินก็อดอึ้งไปไม่ได้
“พวกเขาตายกันหมดแล้ว แต่… ยังไม่พอ”
หลินสวินทอดสายตามองไป นัยน์ตาลึกล้ำนั้นดุจดั่งหุบเหวใหญ่ที่กลืนกินจิตวิญญาณ ทำเอาชายวัยกลางคนร่างผอมแห้งคนนั้นตกใจทันที
ไม่ทันไรชายวัยกลางคนผอมแห้งก็กลายเป็นเถ้าถ่านสลายไป และจากในความทรงจำของเขา หลินสวินได้สิ่งที่ตนอยากรู้บางส่วนมาแล้ว
เขาเปิดประตูออกไป ด้านนอกเป็นโถงทางเดินเล็กแคบกว้างไม่กี่สิบจั้ง สองฝั่งของโถงทางเดินล้วนมีแต่ห้อง
หลินสวินเอามือไพล่หลังเดินไปบนโถงทางเดิน ระหว่างทางพบเจอสิ่งมีชีวิตมากมาย แต่กลับไม่มีสักคนที่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขา
ระดับจักรพรรดิขั้นสอง ไร้รูปดุจมรรค!
ตอนที่หลินสวินวกกลับห้องของตน ในสิบเก้าห้องที่อยู่ด้านล่างสุดของเรือสมบัติลำนี้ มีผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดรวมทั้งสิ้นสิบห้าคน ไม่ว่าปราณสูงหรือต่ำล้วนระเหยเป็นไอหายไปจากโลก
ส่วนหลินสวินก็ช่วยชีวิตเผ่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งอีกครั้ง มีเด็กน้อยไม่รู้ประสา มีชายหนุ่มที่มีกำลัง และมีหญิงวัยกำดัดที่กำลังแรกแย้มบานสะพรั่ง…
มีหลายร้อยคนเต็มๆ
คนเหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดซื้อมาจากพื้นที่ต่างๆ ของแดนเจินหลง ส่วนหนึ่งแย่งชิงมาตรงๆ ต่างผ่านการเลือกสรรอย่างละเอียด ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวและเด็กน้อย ไม่มีคนแก่คนขี้โรคอ่อนแอ
หากหลินสวินไม่ปรากฏตัว คนเหล่านี้ก็จะถูกส่งไปยังเกาะเทพรุ้งมรกต ที่นั่นมีตลาดรวมที่ค้าขายทาสโดยเฉพาะ คนเหล่านี้จะกลายเป็นสินค้า ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าเหล่านั้นเลือกสรร!
‘แดนเจินหลงแห่งนี้ ช่างทำให้คนรังเกียจจริงๆ!’
จนกระทั่งย้อนกลับมาถึงห้องของตน นึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ในใจหลินสวินยังคงอึดอัดอยู่บ้าง และย่อมนึกไปถึงตัวการหลักที่สร้างเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้…
จักรพรรดิมังกรหมิงหลัว!
ธรรมชาติคัดสรร ผู้เหมาะสมอยู่รอด บนเส้นทางฝึกปราณการเข่นฆ่าและนองเลือดมีให้เห็นทุกหนทุกแห่ง เพียงแต่หากเป็นแค่การต่อสู้แย่งชิงและเข่นฆ่าอย่างแท้จริงก็แล้วไปเถิด
สิ่งที่หลินสวินไม่อาจรับได้คือ เผ่ามนุษย์ถูกมองเป็นทาสต่ำต้อย มีจุดจบที่ถูกเหยียบย่ำ ไร้ศักดิ์ศรี จะสังหารอย่างไรก็ได้
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเผ่ามนุษย์
ปีนั้นตอนอยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดน ผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขาถูกมองเป็นแพะสองขา แต่นั่นไม่ใช่การแก่งแย่งระหว่างเผ่าพันธุ์ หากแต่เป็นการโต้ตอบกันระหว่างค่ายทัพ
แต่ตอนนี้ในแดนเจินหลงนี่ เผ่ามนุษย์กลับถูกหมื่นเผ่าขี่อยู่เหนือคอ อวดอำนาจบาตรใหญ่ สภาพประหนึ่งวัวม้าเดรัจฉาน ที่สามารถแย่งชิงกระทำย่ำยีอย่างอุกอาจได้!
ในฐานะเผ่ามนุษย์ หลินสวินมีหรือจะยอมรับได้
เขารู้ดียิ่ง จากพลังของเขาในตอนนี้ คิดอยากพลิกสถานการณ์ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ริบหรี่หาใดเปรียบ
แต่ขอเพียงเขาได้พบเห็น ย่อมไม่อาจไม่เข้าไปยุ่งได้เด็ดขาด!
‘อิงจากความทรงจำของเจ้าหมอนั่น น่าจะยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดอีกคนสิถึงจะถูก…’
หลินสวินขมวดคิ้ว
เรือสมบัติลำนี้ใหญ่โตมโหฬารหาใดเปรียบ ดุจดั่งเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง แบ่งออกเป็นสามชั้น ในชั้นหนึ่งใจกลางถึงขั้นมีท้องถนนพลุกพล่าน ร้านค้า หอสุรา โรงพนัน ลานถกมรรค… ที่ควรมีล้วนมีหมด
หลินสวินสงสัยยิ่ง ปลาลอดตาข่ายตัวนั้นเป็นไปได้สูงว่าจะไปที่ชั้นหนึ่งใจกลางของเรือสมบัติ
ในเวลาเดียวกันนั้น
เรือสมบัติชั้นสอง ในหอสุราแห่งหนึ่ง ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งกำลังร่ำสุราอยู่ จู่ๆ ก็สั่นไปทั้งร่าง หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
นี่คือป้ายกระดูกวิญญาณของบุตรชายแท้ๆ ของเขา เขาพกติดตัวมาโดยตลอด แต่ตอนนี้จู่ๆ กลับแตกละเอียด!
เขาดีดตัวผึง ออกจากหออย่างรีบร้อน
เพียงแต่เพิ่งจะเดินได้ครึ่งทางเขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างอีก หยุดนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าพลันวูบไหวไม่นิ่งพักหนึ่ง
เนิ่นนานเขากัดฟัน หันตัวเดินไปทางชั้นบนสุดของเรือสมบัติ