ซูจือเฟยพยักหน้าเบาๆ แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่มั่นใจ พูดเสียงต่ำว่า “ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่า กู้ชิวอี๋ได้มีสัญญาแต่งงานกับคนรุ่นหลังของตระกูลเย่คนหนึ่งนานแล้ว ถ้าหากฉันสารภาพรักกับหล่อน หล่อนจะตกลงเหรอ”
ซูจือหยูปลอบอย่างจนใจว่า “โธ่เอ๊ยพี่ ทำไมพี่ถึงเหมือนพวกผู้หญิงที่ชอบถามโน่ นถามนี่จัง”
“เรื่องนี้พี่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำต่อไป ”
“อีกอย่าง แม้เธอจะมีสัญญาแต่งงานแล้วยังไง คนที่มีสัญญาแต่งงานกับเธอ ก็คือลูกชายของเย่ฉางอิงของตระกูลเย่ หลายปีก่อนตอนที่สองสามีภรรยาเย่ฉางอิงประสบภัย เขาก็ได้หายตัวไปแล้ว จะยังคงมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ แล้วจะกลับมาแต่งงานกับกู้ชิวอี๋ได้ยังไง ”
พูดถึงตรงหนี้ ซูจือหยูก็พูดต่อไปว่า “พี่น่ะนะ พูดดีๆ แสดงออกดีๆก็พอแล้ว พี่เป็นลูกชายและหลานคนโตของตระกูลซู พูดถึงเรื่องสมบัติ ทั้งประเทศมีไม่กี่คนที่เทียบได้ พูดถึงเรื่องหน้าตา พี่เองก็ดูดีไม่ใช่ย่อย อีกอย่างความรู้ก็มาก การศึกษาก็สูง ฉันรู้สึกว่าพี่คู่ควรกับกู้ชิวอี๋ น่าจะมากเกินพอแล้ว”
ซูจือเฟยก็เอ่ยขึ้นอย่างสะท้อนใจว่า “ที่จริงยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าแกรู้เรื่องหรือเปล่า ”
ซูจือหยูถาม “เรื่องอะไร”
ซูจือเฟยพูดว่า “สมัยก่อนพ่อไม่ถูกกับเย่ฉางอิงมาตลอด เพื่อคัดค้านอำนาจที่ไม่อาจต่อต้านได้ของเย่ฉางอิง ตอนนั้นพ่อให้จัดตั้งพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ขึ้นมา ความแค้นที่มีต่อเย่ฉางอิงนั้นสามารถพูดได้ว่าลึกมาก และเย่ฉางอิงกับพ่อของกู้ชิวอี๋ ยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันด้วย เพราะฉะนั้นฉันกังวลว่าพ่อของกู้ชิงอี๋จะมีมุมมองที่ไม่ดีนักกับตระกูลซูของพวกเรา ”
ซูจือหยูขมวดคิ้วขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า “พ่อกับเย่ฉางอิงคนนั้นไม่ถูกกันฉันรู้ เคยได้ยินอาเล็กเล่าให้ฟัง แต่เรื่องที่เย่ฉางอิงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันกับกู้เย้นจงนั้น ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน …”
ว่าแล้ว ซูจือหยูก็พูดปลอบใจว่า “แต่ว่าเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ฉันคิดว่าก็คงไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้นมั้ง อีกอย่าง แม้เขาจะมองไม่ดี ก็คงมองไม่ดีกับพ่อ คงไม่มีความเห็นอย่างอื่นกับพวกเราที่เป็นคนรุ่นหลัง อีกอย่างกู้ชิงอี๋ก็เป็นลูกสาวคนเดียวของเขา ถ้าหากกู้ชิวอี๋ชอบพี่เข้าจริงๆละก็ ฉันเชื่อว่าเขาต้องเคารพการเลือกของลูกสาวตัวเอง พี่คิดว่าไง”
ซูจือเฟยได้ยินเธอพูดอย่างนี้ อารมณ์ตื่นเต้นก็ค่อยๆลดลงไปหลายส่วน พยักหน้าพูดว่า “ที่แกพูดก็มีเหตุผล ฉันจะลองดู”
ซูจือหยูพูดยิ้มๆว่า “พี่น่ะ ต้องมั่นใจในตัวเองหน่อย บนโลกนี้มีผู้หญิงไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่รอต่อแถวอยากแต่งงานกับพี่ ในบรรดาผู้หญิงพวกนั้นก็มีคนที่มีเงื่อนไขดีกว่ากู้ชิวอี๋ด้วยซ้ำไป พี่จะน้อยเนื้อต่ำใจไปทำไมกัน ”
ซูจือเฟยยิ้มออกมาอย่างอายๆ “พูดน่ะก็พูดได้ แต่ในใจมันก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี”
ซูจือหยูพูดอย่างจริงจังว่า “นี่เป็นปัญหาเรื่องสติปัญญาของพี่ มั่นใจไม่พอเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าหากวันหน้าฉันชอบผู้ชายคนไหนเข้า ฉันจะไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะมีสถานะเป็นเจ้าชายในตะวันออกกลาง ต่อหน้าเขาฉันก็จะไม่ทำตัวต่ำต้อยเด็ดขาด”
ระหว่างพูด ซูจือหยูก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ยพูดว่า “ที่จริงเป็นเจ้าชายก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลิศขนาดนั้น ไม่พูดดีกว่าฉันไม่ชอบคนต่างชาติ แม้จะเอาเจ้าชายคนหนึ่งมาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันจะไม่แลแม้แต่หางตาด้วยซ้ำ ”
“พูดถึงเจ้าชายดูเหมือนจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ในตระกูลคงมีสมบัติหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ในตระกูลของพวกเขา บวกรวมเจ้าชายสายต่างๆเข้าด้วยกันอย่างน้อยก็หลายร้อยคน เฉลี่ยแล้ว เจ้าชายคนหนึ่งก็มีสมบัติพันกว่าล้านดอลล่าร์ ยังไม่พอค่าขนมของฉันเลยด้วยซ้ำ”
ซูจือเฟยมองซูจือหยู หัวเราะเบาๆ พูดจริงจังว่า “เห้อ บางทีฉันก็อยากจะมีนิสิยเหมือนกับแก ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น คงจะมีชีวิตที่มีความสุขมาก”
ซูจือหยูถามเขากลับไปว่า “นี่พี่ชมชั้น หรือพี่ว่าชั้นกันแน่”
“ชมแกน่ะสิ”ซูจือเฟยพูดอย่างจริงจัง “เพราะฉันมันแขวนอยู่บนตำแหน่งลูกชายคนโตหลานคนโต เพราะฉะนั้นตั้งแต่เด็กก็ถูกคุณปู่ ถูกคุณพ่อคอยจำกัด และขอร้องให้ทำสิ่งต่างๆ มุมที่แหลมคมในนิสัยของฉันถูกพวกเขาขัดจนเรียบไปแล้ว ไม่มีแม้แต่ความคิดจะต่อต้านด้วยซ้ำไป ไม่เหมือนแก ไม่ว่ากับใครก็สามารถตอบโต้ได้”
ซูจือหยูพูดว่า “เพราะพวกเราสองคนมีสถานการณ์แตกต่างกัน วันหน้าคนที่สืบทอดตระกูลคือพี่ ไม่ใช่ฉัน ฉะนั้นฉันจึงสามารถใช้ชีวิตโดยไม่ต้องคิดถึงอะไรก็ได้ ”
ซูจือเฟยพยักหน้า ถามเธอ “ใช่แล้ว แกกำลังตามหาผู้มีพระคุณไม่ใช่เหรอ เป็นยังไงบ้าง”
ซูจือหยูถอนหายใจ “เพิ่งจะได้รับบันทึกกล้องวงจรปิดจากสนามบินใหญ่ๆทั้งหลายในญี่ปุ่น คอยมองหาไปทีละจุด คิดว่าคงต้องหาไปจนถึงวันเกิดอายุครบสามสิบปีของฉัน ฉันกำลังคิดวิธีการที่มันง่ายกว่านี้อยู่ ”
พูดจบ ซูจือหยูก็รีบพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว วันนี้ฉันต้องวางเรื่องการดูวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาตระกูลกู้เป็นเพื่อนพี่ ถ้ากลับไปพี่ต้องช่วยฉันจัดการสะสางด้วยนะ”