ซูจือเฟยที่เดิมทีก็หัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆอยู่ พอได้ยินน้องสาวพูดอย่างนี้ ในใจก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
พวกเขาสองพี่น้อง กับกู้ชิวอี๋ต่างก็เป็นทายาทเศรษฐีของเมืองเย่นจิงเหมือนกัน แม้ว่าความสัมพันธ์จะไม่ใกล้ชิดกันมาก แต่ก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนธรรมดาทั่วไป
ซูจือเฟยนั้นแอบรักกู้ชิวอี๋มานานหลายปีแล้ว แต่เป็นเพราะว่าแต่ไหนแต่ไรกู้ชิวอี๋ไม่เคยเข้าร่วมแก๊งทายาทเศรษฐี ฉะนั้นเขาเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสกับกู้ชิ่วอี๋สักเท่าไหร่
อีกอย่าง ซูจือเฟยก็ไม่กล้าสารภาพรักกับกู้ชิวอี๋ เพราะเขารู้ว่า ในสายตาของพ่อเขาซูโสว่เต้า ตระกูลกู้มีความไม่เหมาะสมที่จะพอออกหน้าสักเท่าไหร่
ซูจือเฟยเป็นลูกชายคนโตเป็นหลานชายคนโต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตที่จะมาถึง เขาต้องได้กลายเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลกู้แน่
ฉะนั้น ซูโสว่เต้าจึงให้ความสำคัญกับเรื่องแต่งงานของเขามาก
ในสายตาของซูโส่วเต้า ตอนนี้ตระกูลซูได้กลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศแล้ว และตระกูลที่เป็นรองอันดับสองอย่างตระกูลเย่ ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพวกเขา
ฉะนั้นซูจือเฟยจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องค้นห้าคู่แต่งงานของตัวเองในประเทศเลย
ซูโสว่เต้าได้วางแผนไว้ให้ซูจือเฟย ถ้าไม่แต่งงานกับคนที่สูงส่งกว่า ก็ให้หาคู่แต่งงานที่เป็นตระกูลชั้นสูงจากต่างประเทศแทน
ฉะนั้น เขาย่อมไม่มีทางที่จะยินยอมให้ลูกชายของตัวเองกับกู้ชิวอี๋ได้อยู่ด้วยกัน
ซูจือเฟยก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดจะสารภาพรักกับกู้ชิวอี๋
เป็นถึงลูกชายและหลานคนโตของตระกูลซู แม้ว่าความสามารถของเขาจะมีไม่เท่าซูจือหยู แต่เขามีความตระหนักมากกว่าซูจือหยู
เขารู้ดีว่าจะกำหนดเรื่องการแต่งงานของตัวเองไม่ได้ ฉะนั้นก็ปล่อยวางสิทธิ์ที่จะเลือกสรรเอง ปล่อยให้คนในบ้านช่วยจัดการให้ก็พอ
แต่ว่า ครั้งที่แล้วตอนที่อยู่ญี่ปุ่นถูกนินจาลักพาตัว เกือบจะถูกฆ่าตายไปแล้วนั้น เขาเกิดรู้สึกขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าชีวิตคนมันสั้นนัก
เขาคิดว่า แม้ว่าจะมีชีวิตที่ดีมาก แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่สิบปี อีกอย่างไม่แน่ว่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอาจจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นจนทำให้ต้องจากโลกนี้ไปทั้งที่ยังหนุ่มยังแน่น
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมตัวเองต้องยอมกล้ำกลืนฝืนใจในเรื่องงานแต่งงานของตัวเองด้วยล่ะ
ในเมื่อก็ชื่นชอบกู้ชิวอี๋มาตลอด ไม่สู้รวบรวมกำลังใจตามจีบดูสักครั้ง
หลังจากที่เขาเอาความคิดนี้ไปเล่าให้ซูจือหยูฟัง ซูจือหยูก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเห็นด้วยทันที อีกทั้งยังใช้ความคิดช่วยเขาหาวิธีที่จะเข้าใกล้กู้ชิวอี๋
ซูจือหยูรู้ว่าหลังปีใหม่กู้ชิวอี๋ยังมีทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น เธอจึงแนะนำพี่ชาย ลองมาคุยเรื่องสปอนเซอร์ในการจัดคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋
พอดีกับที่ภายใต้การดูแลของตัวเองมีบริษัทเครื่องสำอางที่ขึ้นชื่อแบรนด์หนึ่งของประเทศอยู่บริษัทหนึ่ง ซูจือหยูแนะนำว่าให้ใช้แบรนด์เครื่องสำอางนี้ มาคุยเรื่องการร่วมงานเป็นสปอนเซอร์ให้กับกู้ชิวอี๋
ความตั้งใจของซูจือหยู คือการให้ซูจือเฟยกับกู้ชิวอี๋ได้สร้างความสัมพันธ์จากการติดต่อกันในเรื่องธุรกิจก่อน ต่อจากนั้นก็สามารถใช้สถานะที่เป็นสปอนเซอร์ ไปเป็นผู้ชมในคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋ได้
ถ้าเป็นอย่างนี้ เริ่มต้นด้วยเรื่องงานลงท้ายด้วยเรื่องส่วนตัว ใช้กลยุทธ์โอบล้อมกอบกู้ประเทศ ตามหลักแล้วคงสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองใกล้ชิดกันเร็วมากขึ้น
ถ้าหากพี่ชายมีความสามารถมากพอ มีเสน่ห์มากพอ ไม่แน่ว่าน้ำมาคลองก็เกิดแล้ว
ตอนนี้เอง ซูจือเฟยยังคงตื่นเต้นในใจอยู่บ้าง เขาถามซูจือหยูเสียงต่ำว่า “แกคิดว่ากู้ชิวอี๋จะตอบตกลงให้ฉันเป็นสปอนเซอร์ในคอนเสิร์ตของเธอหรือเปล่า ”
ซูจือหยูพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าหากพี่ทำตาที่ฉันพูด ฉันว่าไม่น่าจะมีปัญหา”