กล่าวง่ายๆ คือ ยันต์สีทองนี้บางทีอาจสามารถแลกมาซึ่งเส้นทางแห่งมรรคจักพรรดิ แต่ขอเพียงลงนามไปก็ไม่ต่างอะไรกับสัญญาขายตัว
หากไม่ได้รับการชี้แนะจากหลินสวิน เพื่อจะบรรลุจักรพรรดิ บางทีอันเสวี่ยก็อาจไม่สามารถปฏิเสธการลงชื่อบนยันต์ที่ประหนึ่งสัญญาค้าทาสนี้ก็เป็นได้
แต่ตอนนี้ นางไม่อยากทำ!
“อันเสวี่ย ยังมัวอึ้งอะไรอยู่ โอกาสดีที่จะกลายเป็นจักรพรรดิอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังไม่รีบลงนามประทับลายมืออีกหรือ”
เห็นอันเสวี่ยไม่ขยับเป็นเวลานาน อันเทียนสุ่ยก็อดร้อนรนไม่ได้ ทำการเร่งเร้า
“ข้า… ขอใคร่ครวญหน่อยได้หรือไม่”
อันเสวี่ยสีหน้าวูบไหว เอ่ยปากเสียงเบา
“เหลวไหล!” อันเทียนหลินขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเข้ม “อันเสวี่ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพื่อจะได้รับโอกาสล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ใช่ง่ายดายขนาดไหน”
อันเสวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมรรคาในภายหน้าของข้า ท่านลุงทั้งสองโปรดให้ข้าคิดทบทวนอีกสักหน่อย”
“เฮอะ!” จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานแค่นเสียงเย็น ฉายแววไม่สบอารมณ์เสี้ยวหนึ่ง “นางหนู ข้าไม่มีเวลารอเจ้าหรอกนะ หากเจ้าไม่ลงนามตอนนี้ ข้ารับรองว่าภายหน้าเจ้าอย่าหวังจะมีโอกาสเหยียบย่างบนเส้นทางแห่งระดับจักรพรรดิอีกเลย!”
ไม่ทันไรคนใหญ่คนโตเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นอย่างพวกอันเทียนสุ่ยต่างลนลาน พากันเอ่ยปาก บ้างก็เกลี้ยกล่อมบ้างก็ตวาดว่า เร่งเร้าอันเสวี่ย
เพียงแต่ตั้งแต่ต้นจนจบอันเสวี่ยยังคงไม่ขยับ สิ่งนี้ทำให้พวกอันเทียนสุ่ยต่างรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ล้วนลุกลี้ลุกลนขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้
และสีหน้าของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรก็เริ่มมืดทะมึนลงเรื่อยๆ แล้ว ถูกคนรุ่นหลังเช่นนี้ปฏิเสธ นี่ทำให้บารมีของเขาถูกท้าทาย
เขาหยัดกายลุกขึ้น น้ำเสียงเรียบเฉย “ช่างเถิด คิดเสียว่าครั้งนี้ข้าไม่ได้มา ต่อไปเผ่าปี้อั้นของพวกเจ้า… ก็อย่าหวังจะเชิญข้ามาอีกเลย”
เขาหมายจะเดินไปนอกโถงใหญ่
“ใต้เท้าโปรดอย่ามีโทสะ!”
อันเทียนสุ่ยและคนอื่นๆ รีบลุกขึ้นเป็นพัลวัน ทั้งกล่าวขออภัยทั้งรั้งตัวไว้ แต่จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรกลับทำหูทวนลม เดินตรงดิ่งจากไป
“นางหนูน้อยคนนี้ ก่อเรื่องแล้วชัดๆ!”
จนกระทั่งมองเห็นเงาร่างของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรหายลับไป อันเทียนสุ่ยโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ แทบอยากลงโทษอันเสวี่ยให้หนักๆ เสียเดี๋ยวนั้น
“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้เพื่อเชิญจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรมาให้ได้ พวกเราเผ่าปี้อั้นต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายปานใด ตอนนี้การทุ่มเทเหล่านี้กลับพังยับเยินแล้ว!”
อันเทียนหลินเองก็โกรธจนผมเคราชี้ตั้ง “หนำซ้ำเพราะเจ้าทำให้จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรเดือดดาล ทำเอาคนทั้งเผ่าของพวกเราต้องพลอยถูกดึงไปเอี่ยวด้วยกันหมด เจ้า… เห็นแก่ตัวเกินไปแล้วชัดๆ!”
กล่าวพลางพวกเขาล้วนพุ่งพรวดออกไป ไล่ตามหลังจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร พยายามไปแก้ไขข้อผิดพลาดเมื่อครู่
อันเสวี่ยถูกตำหนิจนใบหน้าอรชรขาวซีด บีบสองมือแน่น ยืนอยู่ตรงนั้นลำพัง ในใจก็เดือดดาลและอดสูอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เพื่อจะบรรลุจักรพรรดิ ต้องเอาชะตาชีวิตไปมอบให้เผ่าเจินหลงควบคุมด้วยหรือ
โอกาสแบบนี้ ไม่เอาก็ได้!
“ไม่ต้องให้เขาชี้แนะ ข้าก็สามารถแจ้งมรรคทะลวงระดับได้!” อันเสวี่ยลอบกล่าว
บนเขาประกายรุ้ง อันเจิงพาหลินสวินเดินขึ้นบนเส้นทางภูเขา สื่อจิตกล่าวว่า ‘ผู้อาวุโส จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรคนนั้นเป็นถึงคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง อีกสักครู่ข้าจะไปรายงานก่อน ถึงตอนนั้นท่านพี่อันเสวี่ยก็จะช่วยพูดด้วย จะต้องคว้าโอกาสพบหน้ากันสักครั้งให้ผู้อาวุโสได้อย่างแน่นอน…’
ขณะกำลังพูด กลับเห็นหลินสวินที่อยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นขวับ มองไปทางยอดเขาประกายรุ้ง
เต่าดำหนวดมังกรใหญ่มหึมาตัวหนึ่งค่อยๆ แหวกอากาศ บนหลังบรรทุกตำหนักวังทองมรกตเรืองรองหลังหนึ่ง คล้ายกำลังจะจากไป
และเวลาเดียวกันนี้ หลินสวินก็มองเห็นจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรที่สวมชุดม่วง สีหน้ามืดทะมึน เหยียบอากาศทะยานขึ้นไป มุ่งหน้าไปยังเต่าดำหนวดมังกรตัวนั้น
ส่วนสัตว์ประหลาดเฒ่าสี่คนอย่างอันเทียนสุ่ย อันเทียนหลินต่างฉายแววตื่นกลัวและวิงวอน ไล่ตามอยู่ด้านหลังจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร พยายามไปรั้งเขาไว้
สิ่งนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้ทันทีว่าเกิดเหตุบางอย่างขึ้นแล้ว!
“นี่…” อันเจิงก็มองเห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน อดอึ้งงันไม่ได้ ในใจผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
ตอนที่เขาเบือนหน้าไปมองหลินสวินที่อยู่ข้างๆ กลับพบว่าฝ่ายหลังอันตรธานหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ใต้เท้า ได้โปรดเห็นแก่หน้าเผ่าข้า ให้พวกข้าได้ชดเชยความผิดในครั้งนี้ด้วยเถิด”
บนยอดเขาประกายรุ้ง พวกอันเทียนสุ่ยวิงวอนอย่างยากลำบาก ครั้งนี้หากให้จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรจากไปด้วยความโกรธเคือง เช่นนั้นผลที่ตามมาต้องร้ายแรงหาใดเปรียบเป็นแน่
“วางใจ ข้ายังไม่ถึงขั้นไปถือสากับเด็กน้อยคนหนึ่งหรอก แต่ต่อไปข้าจะไม่หาเรื่องใส่ตัวอีกแน่นอน”
จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรเอ่ยปากด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เว้นแต่…”
“เว้นแต่อะไร” อันเทียนสุ่ยดุจดั่งคว้าฟางช่วยชีวิตได้ เปี่ยมด้วยความหวัง
จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรกล่าวเสียงเรียบ “นางหนูคนนั้นหน่วยก้านไม่เลว ข้าอยากให้นางติดตามอยู่ข้างกาย เป็นบ่าวรับใช้คนหนึ่ง”
บ่าวรับใช้!
นั่นก็คือพวกบ่าวหญิงชัดๆ หนำซ้ำยังต้องปรนนิบัติพัดวีชีวิตประจำวันของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร เติมเต็มความปรารถนาที่เขามีต่อผู้หญิง!
หัวใจของพวกอันเทียนสุ่ยเย็นวาบกันหมด อันเสวี่ยเป็นผู้กล้าที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นหลังของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของพวกเขา มกุฎกึ่งจักรพรรดิที่ฝีมือสมชื่อคนหนึ่ง แบกความหวังของคนทั้งเผ่า
แต่จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรคนนี้กลับเอ่ยปากอยากให้นางไปเป็นบ่าวรับใช้ นี่ไม่ใช่การลงโทษง่ายๆ แค่นั้น แต่เป็นความอัปยศต่ออันเสวี่ย และเป็นการเคาะเตือนเผ่าปี้อั้นของพวกเขา!
“ทำไม ไม่เต็มใจหรือ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็พอแค่นี้” สายตาของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรเย็นชาอึมครึม เหยียบห้วงอากาศขึ้นไป
ระดับจักรพรรดิขั้นหกเผ่าเจินหลงผู้สูงส่งอย่างเขา ตอนนี้เป็นฝ่ายมุ่งหน้ามาเผ่าปี้อั้น แต่กลับถูกเด็กน้อยคนหนึ่งหักหน้า ในใจย่อมเคืองขุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาทำเช่นนี้ เพียงแค่กำลังรักษาบารมีของตนเท่านั้น
เพียงแต่ยังไม่ทันรอให้เขาเข้าไปในตำหนักบนหลังเต่าดำหนวดมังกรตัวนั้น จู่ๆ เสียงราบเรียบสายหนึ่งก็ดังขึ้น
“สหายยุทธ์โปรดหยุดก่อน”
เสียงเพิ่งดังขึ้น เงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ขวางอยู่ตรงหน้าจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร
ถูกขวางปุบปับ ทำเอาหัวคิ้วของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรขมวดมุ่น สีหน้าค่อนข้างอึมครึม เขากล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “อันเทียนสุ่ย นี่เป็นใครอีก”
พวกอันเทียนสุ่ยต่างตะลึงค้าง เหตุใดหลินเต้ายวนนี่ถึงโผล่มา
ไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก หลินสวินก็กล่าวเสียงเรียบ “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือข้ามีเรื่องบางอย่างอยากพูดคุยกับสหายยุทธ์สักหน่อย”
สายตาของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรเย็นเยียบ “เจ้านับเป็นตัวอะไร มีคุณสมบัติอะไรมาพูดคุยกับข้า ไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป!”
น้ำเสียงเจือกลิ่นอายอำมหิต
เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคนที่ไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ ในหมื่นเผ่าทั่วหล้านี้ ใครกล้าพูดจาเช่นนี้กับเขาบ้าง
แต่คนตรงหน้านี้กลับไม่เพียงขวางทางตน ซ้ำยังกล่าววาจาไม่ประมาณตนอีก นี่มันเบื่อชีวิตแล้วชัดๆ!
อันเทียนสุ่ยเพิ่งตั้งท่าจะเล่าเรื่องเผ่าจักรพรรดิเจินโห่วออกมา ก็ถูกอันเทียนหลินที่อยู่ข้างๆ ห้ามไว้เงียบๆ สื่อจิตเอ่ยเตือนว่า ‘เรื่องนี้พวกเรายื่นมือเข้าไปไม่ได้!’
และพร้อมกันนั้นก็เห็นหลินสวินยิ้มกะทันหัน สายตาลุ่มลึกกล่าวว่า “ท่าทีของเจ้า ทำให้มุมมองที่ข้ามีต่อเผ่าเจินหลงยิ่งย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ”
“รนหาที่ตาย!” จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรตบออกไปหนึ่งฝ่ามือ
ตูม!
ฟ้าดินปั่นป่วน ชั้นเมฆแหลกกระจุย ระเบียบมหามรรคที่พลุ่งพล่านยิ่งยวดตัดสลับไปมา ควบรวมอยู่ในพลังฝ่ามือน่าสะพรึงนั้น ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ประหนึ่งทำลายฟ้าดินพินาศออกมา
ตัวตนระดับไม่สนกฎเกณฑ์ฟ้าดินคนหนึ่ง บุกโจมตีส่งๆ ออกไปยังสามารถสังหารระดับจักรพรรดิทั่วไปได้ พลานุภาพแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
และในฐานะมหาจักรพรรดิเผ่าเจินหลงซึ่งเป็นเผ่าวิญญาณฟ้าประทาน ย่อมมีรากฐานพลังน่าสะพรึงประหนึ่งบดขยี้ก็ไม่ปาน
นี่ก็คือความน่ากลังของเผ่าเจินหลง!
และเวลานี้ ฝ่ามือนี้ของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรซัดออกไปด้วยความเดือดดาล แค่คิดก็รู้ว่าอานุภาพระดับนั้นน่าสะพรึงปานใด
อย่างน้อยตอนที่มองเห็นฝ่ามือนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอันเทียนสุ่ยยังรู้สึกสิ้นหวัง เหมือนจะหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าหลินสวินไม่ไหวหวั่น ยื่นหนึ่งฝ่ามือออกไปเช่นกัน
เรียบง่ายแผ่วเบา แต่เสมือนมีอานุภาพไร้รูป ซัดทลายพลังฝ่ามือสายนี้ราวกับไม่มีสิ่งใดไม่พังทลาย จากนั้นนิ้วทั้งห้าก็คว้าหมับทันที
ข้อมือของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรถูกกำเอาไว้
เขาแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง กระตุ้นพลังทั้งหมดรอบกายโดยพลัน ทำการโจมตีกลับ แต่ฝ่ามือของหลินสวินก็เหมือนหุบเหวใหญ่ไร้ขอบเขต กลบพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาทั้งหมดจมมิด และยังบีบข้อมือของเขาไว้แน่น ไม่ขยับสักเสี้ยว
จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ในที่สุดก็ตระหนักถึงความไม่เข้าที
และตอนนี้หลินสวินก็เอ่ยปากเสียงเรียบว่า “ขืนเจ้ายังขยับมั่ว ก็อย่าหาว่าข้าลงมือรุนแรงก็แล้วกัน”
ตูม!
ขณะพูดกลางฝ่ามือของเขาพ่นพลังประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัดออกมา แหวกทะลวงพลังป้องกันของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรอย่างรุนแรงราวกับน้ำท่วมเขื่อนแตก ทะลักเข้าสู่แขนขาอวัยวะของเขา
ชั่วอึดใจพลังทั่วร่างของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรถูกกักขัง เพราะถูกหลินสวินกำข้อมือไว้จึงไม่ได้ร่วงลงจากห้วงอากาศ
เขาทั้งตกใจทั้งโกรธ อ้าปากเตรียมตะโกนลั่น ทว่าแม้แต่เสียงก็ยังเปล่งไม่ออก ชั่วขณะหนึ่งใบหน้าล้วนบิดเบี้ยวเขียวคล้ำเพราะความโกรธพลุ่งพล่าน
“นี่…”
แม้แต่พวกอันเทียนสุ่ยยังอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไป ไม่ทันไรจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรก็ถูกจับกุม นี่ทำเอาพวกเขาต่างไม่ทันตอบสนอง!
จนกระทั่งตอนนี้ยามมองเห็นจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรคล้ายแพะที่สูญเสียเรี่ยวแรงก็ไม่ปาน ถูกหลินสวินหิ้วตัวไว้ จิตใจของพวกเขาล้วนตื่นกลัวและหวาดผวา
นี่เป็นถึงคนใหญ่คนโตของเผ่าเจินหลง มหาจักรพรรดิแห่งมังกรคนหนึ่ง! ทอดสายตามองไปทั่วหล้า ใครกล้าไม่เคารพ และใครหน้าไหนกล้าลงมืออุกอาจกัน
แต่ตอนนี้เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นตัวหน้าต่อตาพวกเขา!
ปึง!
จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรถูกหลินสวินซัดสลบ คว้าตัวหิ้วขึ้นมาลวกๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สายตามองไปทางอันเทียนสุ่ยและคนอื่นๆ
สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นพวกนี้แต่ละคนต่างเผยสีหน้าระมัดระวังและกริ่งเกรงออกมา มองหลินสวินเป็นสัตว์ร้ายภัยมหันต์
สุดท้ายหลินสวินส่ายหน้า หมุนตัวเดินไปทางเต่าดำหนวดมังกรที่อยู่ไกลๆ นั่น นี่คือสัตว์พาหนะของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร
“โฮก…!!”
เต่าดำหนวดมังกรส่งเสียงคำรามออกมา “เจ้าถึงกับกล้าเสียมารยาทกับนายท่านของข้า ไม่ว่าเจ้าเป็นใครและมีปราณกับฐานะเช่นไร ใต้หล้านี้ก็ไม่มีใครช่วยเจ้าไว้ได้แน่!”
ปึง!
หลินสวินปล่อยหมัดหนึ่งแหวกอากาศออกไป หัวของเต่าดำหนวดมังกรเกือบถูกซัดกระจุย เจ็บจนมันส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ประหนึ่งหัวใจแหลกลาญปอดยับเยิน
“หากเจ้าไม่เชื่อฟังแต่โดยดี ข้าจะตุ๋นเจ้าซะ” หลินสวินกล่าวพลาง เงาร่างก็มาหยุดอยู่ในตำหนักวังที่เต่าดำหนวดมังกรตัวนั้นแบกอยู่
รอบด้านของตำหนักวังทองมรกตมีผู้ติดตามนับพัน มีทั้งชายทั้งหญิง ตอนที่หลินสวินมาถึง พวกเขายังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลินสวินเองก็คร้านจะพูดอะไร โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงมรรคระฟ้าทะลักออกมา กำราบผู้ติดตามเหล่านี้จนสลบไปทั้งหมด
จากนั้นเขาก็เดินตรงดิ่งเข้าไปในตำหนักแห่งนั้น ทิ้งประโยคหนึ่งไว้โดยไม่เหลียวกลับหลัง “เจ้าเต่าเฒ่า ออกจากเกาะเทพรุ้งมรกตนี้ก่อน หากเจ้ากล้าเล่นตุกติก ข้ารับรองว่านายท่านของเจ้ากับเจ้าล้วนต้องตายอย่างไม่น่าพิสมัยยิ่ง หากไม่เชื่อจะลองดูก็ได้”
เต่าดำหนวดมังกรลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังขลาดกลัว ส่งเสียงคำรามเดือดดาลปนโศกเศร้าออกมา ร่างกายใหญ่มหึมาเหินทะยานอากาศขึ้นไป เคลื่อนย้ายไกลออกไปจากเกาะเทพรุ้งมรกต
——