เฉียนหงเย่นรู้จักได้ในทันที ตอนนี้ชีวิตบัดซบแบบนี้ ยังสู้ตอนที่อยู่ในเหมืองถ่านหินทำไม่ได้เลย
เธอร้องไห้ไปด้วย แล้วนึกย้อนกลับไปที่ชีวิตในเหมืองถ่านหินดำ ในใจของเธออดที่จะรู้สึกทอดถอนใจไม่ได้”ตอนนั้นในเหมืองถ่านหินดำ ถึงสภาพแวดล้อมจะเลวร้ายเล็กน้อย แต่อย่างน้อยตอนที่ทำงานกับผู้ดูแล ฉันก็ยังได้กินอิ่มนอนหลับในทุกวัน!”
“ไม่เพียงแค่ไม่ต้องทนหิว อีกทั้งทุกวันยังไม่ต้องทำงาน ยังได้ร้องตะโกนอย่าสนุกสนานต่อหน้าของครอบครัวของเหอเหลียน เมื่อคิดดูดีๆแล้วก็สะใจไม่ใช่น้อย”
“อีกทั้ง……อีกทั้ง……อีกทั้งผู้ดูแลคนนั้น ถึงหน้าตาจะขี้เหร่หน่อย สกปรกไปหน่อย แต่ความสามารถด้านนั้นก็ยังถือว่าดีมาก ความรู้สึกในระดับหนึ่ง มันทำให้ตนเองได้สัมผัสความรู้สึกบนเตียงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน……”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉียนหงเย่นก็ถอนหายใจยาง แล้วร้องไห้พลางพูดกับเซียวเวยเวยว่า”เวยเวย ลูกว่าตอนนี้ครอบครัวของเรา ใช้ชีวิตอะไรกันอยู่เนี่ย!ทั้งวันถ้าไม่ใช่เรื่องนั้น ก็เป็นเรื่องนี้ มีเงินนิดหน่อยก็ถลุงไปจนหมดแล้ว มีบริษัทก็ล้มละลาย ตอนนี้ยืมคฤหาสน์คนอื่นพักอาศัย แม้แต่ข้าวก็ไม่มีให้กิน ชีวิตแบบนี้ เราจะต้องทนต่อไปอีกนานเท่าไรน่ะ……”
เซียวเวยเวยอดที่จะน้ำตาร่วงไม่ได้ เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้น”แม่คะ หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เมื่อก่อนครอบครัวของเราเคยใช้ชีวิตดีๆมาก่อน ในทุกด้านก็ถือว่าค่อนข้างดี ความสัมพันธ์ของหนูกับพี่เหวินเฟยก็ดี พอใกล้จะแต่งงานกันแล้ว สุดท้ายอยู่ดีๆทุกอย่างก็แย่ลงเรื่อยๆ……”
เฉียนหงเย่นถอนหายใจแล้วพูดว่า”เราหาเวลาไปไหว้พระที่วัดหน่อยนะลูก ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เราต้องตายกันแน่ๆ……”
เซียวเวยเวยพูดว่า”แม่คะ ตอนนี้หนูคิดดูดีๆแล้ว ครอบครัวของเรากำลังเริ่มเจอเคราะห์ร้าย ดูเหมือนจะเริ่มซวยตั้งแต่วันเกิดของคุณย่าครั้งก่อนนะคะ”
“หืม?”เฉียนหงเย่นถามอย่างแปลกใจ”วันเกิดครั้งไหนหรอลูก?”
เซียวเวยเวยกล่าวว่า”ครั้งก่อนไงคะ งานวันเกิดครั้งก่อน พี่เหวินเฟยมอบหยกพระขาวองค์หนึ่งให้คุณย่าไงคะ จางเหวินเห้าที่ตามจีบเซียวชูหรัน ยังเกือบเอาหยกพระสลักมรกตให้คุณย่าองค์หนึ่งเลย”
เฉียนหงเย่นพยักหน้า”แม่จำได้แล้ว หยกพระสลักมรกตองค์นั้นราคาไม่ใช่น้อยเลยนะ ได้ยินว่าราคาสามสี่ห้าล้าน……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉียนหงเย่นก็พูดอย่างเสียดายว่า”เสียดาย!หยกพระสลักมรกตองค์นั้น กับเครื่องประดับโบราณของคุณย่าของลูกพวกนั้น ถูกธนาคารตรวจสอบอายัดไว้หมดแล้ว”
เซียวเวยเวยพูดว่า”งานเลี้ยงวันเกิดครั้งก่อน เย่เฉินยังเอ่ยปากขอยืมเงินจากคุณย่าอยู่เลย บอกว่าจะเอาไปให้ป้าหลี่อะไรนั่นที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหาหมอ แม่ยังจำได้ไหมคะ?”
“จำได้สิ”เฉียนหงเย่นกัดฟันกรอดพลางก่นด่าว่า”เย่เฉินไอ้ยาจกนั่น ยืมเงินในวันเกิด ใจกล้าเกินไปแล้ว สุดท้ายก็ถูกคุณย่าของลูกด่าจนเตลิด พอคิดๆแล้วแม่มีความสุขมากเลยล่ะ!”
เซียวเวยเวยกล่าวว่า”หนูไม่ได้หมายความแบบนี้ค่ะ หนูอยากบอกว่า หนูมักรู้สึกว่า ตั้งแต่คืนนั้น ครอบครัวของเราก็เริ่มมีเรื่องซวย……”
“ใช่หรอ?”เฉียนหงเย่นขมวดคิ้วเป็นปม แล้วเอ่ยถามหล่อนว่า”เรื่องแรกที่เราซวยคือเรื่องอะไรนะ?”
เซียวเวยเวยรีบตอบว่า”เรื่องแกคือหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดวันที่สอง!หนูกับพี่เหวินเฟยไปที่ตี้เหากรุ๊ป อยากเอาการ์ดเชิญงานแต่งไปให้หวังตงเสวี่ยนรองประธานของตี้เหากรุ๊ป เพื่อกระชับมิตร สรุปสุดท้ายลงไปด้านล่างตึกเจอเข้ากับเย่เฉิน……”
“เย่เฉิน?”เฉียนหงเย่นไล่ถาม”เย่เฉินไปทำไม?”
เซียวเวยเวยพูดว่า”ตอนนั้นเย่เฉินบอกว่าไปสมัครงานที่ตี้เหากรุ๊ป หลังจากนั้นหนูกับพี่เหวินเฟยก็ประชดเขาไปทีหนึ่ง ต่อมาก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้น……”
“เรื่องแปลกอะไร?!”