เซียวชูหรันกับต่งรั่งหลินรู้จักกันมาหลายปีแล้ว ทำให้เธอรู้เรื่องครอบครัวของหล่อนอยู่บ้าง เมื่อได้ยินหล่อนพูดขึ้นว่าจะพาพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมาด้วย ก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า:“รั่งหลิน ลูกพี่ลูกน้องที่คุณพูดถึงคงไม่ใช่ขงเต๋อหลงหรอกนะ?”
ต่งรั่งหลินยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ก็เขานั้นแหละ”
“อ่า?”จู่ๆสมองของเซียวชูหรันก็คิดถึงลักษณะของลูกผู้ลากมากดีคนนั้น พลางถามขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า:“พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของคุณทำอะไรที่เมืองจินหลิง?”
ต่งรั่งหลินตอบว่า:“เขาหนะเหรอ อยู่ที่เมืองเย่นจิงนาน ชอบหาเรื่องใส่ตัว ก็เลยมาฝึกฝนที่เมืองจินหลิงสักพักหนึ่ง”
เซียวชูหรันถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า:“ฝึกฝน?ฝึกฝนยังไงเหรอ?”
ต่งรั่งหลินยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ก็ใช้ชีวิตที่ยากลำบากไง ตอนนี้เช่าที่พักอยู่ที่หมู่บ้านชุมชน สภาพแวดล้อมลำบากไม่น้อยเลย”
เซียวชูหรันอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้นว่า:“พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของคุณเป็นคนเอาแต่ใจขนาดนี้ แน่นอนว่าให้เขาพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านชุมชนสำหรับเขาแล้วคงเป็นเรื่องที่ทรมานไม่น้อยเลย?แน่นอนว่าคงไม่ใช่เป็นการตัดสินใจด้วยตนเองของเขา ใครเป็นคนทำเรื่องนี้กันแน่?”
เมื่อเย่เฉินได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่มากก็น้อย
เพราะว่าคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้ขงเต๋อหลงมาใช้ชีวิตที่เมืองจินหลิงก็คือเขา
ในเวลานี้ต่งรั่งหลินยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของฉันไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตในเมืองเย่นจิงเข้า เขาก็เลยยื่นข้อเสนอให้พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของฉันมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่ที่เมืองจินหลิง วันนี้ฉันจะกลับไปฉลองตรุษจีนที่เย่นจิง เขาก็เลยจะต้องอยู่ที่นี่คนเดียว”
เซียวชูหรันเม้มริมฝีปากยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“พูดตามตรงนะรั่งหลิน พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของคุณคนนั้น ปกติชอบทำตัวเย่อหยิ่งจนเกินไป หากครั้งนี้สามารถถ่อมตัวลงหน่อยได้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย”
“ใช่แล้ว”ต่งรั่งหลินหัวเราะฮ่าๆพลางพูดขึ้นว่า:“เดี๋ยวอีกสักพักไปถึงบ้านของคุณ คุณก็อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเขาล่ะ ไว้หน้าเขาหน่อยก็แล้วกัน”
เซียวชูหรันรีบพูดขึ้นว่า:“วางใจเถอะ ฉันรู้”
ต่งรั่งหลินพูด:“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค เดี๋ยวพวกเราก็จะเดินทางไปแล้ว อีกสักพักก็ถึง!”
“ได้!ฉันจะรอพวกคุณอยู่ที่บ้าน!”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง เซียวชูหรันก็พูดกับเย่เฉินว่า:“สามีที่รัก เดี๋ยวอีกสักพักรั่งหลินกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหล่อนจะมานั่งเล่นบ้านของเรา”
เย่เฉินพยักหน้าพลางถามขึ้นว่า:“พวกเขาจะกินข้าวกลางวันที่บ้านของพวกเราไหม?”
เซียวชูหรันส่ายศีรษะ :“ไม่หรอก มานั่งเล่นครู่เดียวก็กลับ รั่งหลินนั่งอยู่สักพักก็ไป หล่อนต้องรีบไปขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางกลับเย่นจิง”
ขณะที่พูด เซียวชูหรันก็พูดขึ้นอีกว่า:“อ่อ ใช่แล้วสามีที่รัก พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของรั่งหลินก็จะมาด้วย เดี๋ยวจะแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกัน ดูเหมือนว่าพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเขามาอยู่ที่เมืองจินหลิงเกือบปีเต็มแล้ว”
เย่เฉินยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“คราวที่แล้วที่ผมไปเย่นจิงได้เจอกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหล่อนแล้ว
ตอนที่คุณให้ผมเอาของขวัญไปมอบให้กับคุณย่าของรั่งหลินไง ตอนนั้นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหล่อนก็อยู่ด้วย”
“งั้นเหรอ?”เซียวชูหรันยิ้มแล้วถามขึ้นว่า:“ถ้างั้นคุณได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขาไหม?”
เย่เฉินยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ก็แค่คุยกันสองสามประโยค ไม่มีมีปฏิสัมพันธ์อะไรกันมาก”
เซียวชูหรันพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า:“พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหล่อน มีนิสัยที่คนไม่ค่อยชอบนัก ก็แค่ที่บ้านมีเงินหน่อยก็ทำตัวโอ้อวดปกติแล้วเวลาที่พูดคุยก็มักจะตั้งจมูกคุยกับคนอื่น ทำตัวเป็นจุดสนใจเป็นพิเศษ อีกสักพักหากเขาอวดเก่งใส่คุณ คุณก็อย่าได้เก็บเอาใส่ใจ ในเมื่อแขกมาเยือน อีกทั้งเป็นวันตรุษจีน คุณอย่ามีปัญหากับเขาอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ”
เย่เฉินยิ้มอ่อน:“วางใจเถอะ ผมรู้แล้ว”
…
ในเวลานี้ขงเต๋อหลงกำลังขับรถเบนซ์รุ่นเก่าที่ตี้เหากรุ๊ปจัดเตรียมให้กับต่งรั่งหลินและขับตามที่GPSบอกเพื่อมุ่งไปยังTomson Riviera