ตอนที่ 2263 ความตายของเหยี่ยนซิง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

เหนือเวิ้งฟ้า ซีกับเหยี่ยนซิงยังกำลังห้ำหั่นกัน สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือด ทำให้ท้องฟ้าเหมือนถูกตัดขาด

แต่พอสังเกตได้ถึงกลิ่นอายของ ‘จักรพรรดิไร้นาม’ ที่ถูกบรรพชนเจินหลงคว้ามา เหยี่ยนซิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

ฟุ่บ!

หลังประจันหน้ากับการโจมตีของซี เหยี่ยนซิงกระโจนไปข้างล่างอย่างไม่อาจสนใจสิ่งใดได้

ทวนศึกนางโบกสะบัด ไม่ได้ไปช่วยจักรพรรดิไร้นามผู้นั้น แต่กลับบุกไปหาซย่าจื้อ นี่ดูผิดปกติหาใดเทียบ!

หนำซ้ำนางยังเร็วจนน่าเหลือเชื่อ!

แต่หลินสวินที่เตรียมป้องกันไว้ก่อนก็เร็วพอๆ กัน

ฉึบ!

เขาไม่ลังเลสักนิด กระตุ้นอภินิหารหยุดเวลาอีกครั้ง นัยเร้นลับแห่งเวลาอันพร่างพราวไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกมา

มองเห็นด้วยตาเปล่าว่าเงาร่างของเหยี่ยนซิงชะงักอยู่กลางอากาศชั่วพริบตา

และก็เป็นชั่วพริบตานี้เอง

ทวนไร้สวรรค์ในมือซีเหมือนแสงเคลื่อนสายหนึ่งแทงผ่านฟ้ากว้าง ทะลวงแผ่นหลังของเหยี่ยนซิงอย่างจังด้วยอานุภาพอันเกรียงไกร

พรวด!

เลือดสดๆ สาดกระเซ็น เหยี่ยนซิงเจ็บปวด ผมสีม่วงทั้งศีรษะแผ่สยาย ใบหน้างดงามเย็นชามีแต่ความโกรธเกรี้ยวและไม่ยินยอม

ดวงตานางจ้องเขม็งที่หลินสวิน “เป็นอภินิหารหยุดเวลาดังคาด คิดไม่ถึงว่าเจ้าที่เสียชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดไปในตอนนั้น กลับคว้าโอกาสแปรสภาพเกิดใหม่ ปลุกพลังหุบเหวกลืนกินขั้นที่สองนี้ได้!”

ภายใต้เสียงร้องดังลั่น ร่างของนางเหมือนเพลิงผลาญ แสงมรรคสีม่วงไร้สิ้นสุดปะทุออกมา ถึงกับซัดทวนไร้สวรรค์ที่แทงเข้ากลางหลังออกไป

อานุภาพน่ากลัวเช่นนั้นทำให้หลินสวินยังตะลึงอย่างอดไม่ได้ พลังต่อสู้ของเหยี่นซิงผู้นี้… น่าสะพรึงถึงขั้นไหนกัน

เผชิญหน้ากับอภินิหารหยุดเวลา ถูกการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของซีแทงทะลุร่าง แต่กลับไม่อาจสังหารนางได้ นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ตาย!” เหยี่ยนซิงถลาไปหาซย่าจื้ออีกครั้ง เทียบกับก่อนหน้านี้มีกลิ่นอายแน่วแน่ราวคลุ้มคลั่งเพิ่มขึ้นมา

คล้ายในใจนาง ความเป็นความตายของจักรพรรดิไร้นามไม่สำคัญเท่าการสังหารซย่าจื้อ!

“ไสหัวไป!”

ต้าหวงพุ่งไปหา ดาบไร้วิชาฟันไปอย่างกราดเกรี้ยว ม้วนประกายดาบสีขาวไพศาลขึ้นมา อานุภาพสามารถทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิหนาวสะท้าน

แต่เมื่อทวนศึกของเหยี่ยนซิงกวาดโจมตี

เคร้ง…

ต้าหวงถูกซัดให้ถอยไปพร้อมดาบไร้วิชาทันที ส่งเสียงร้องอู้อี้ นี่ทำให้ต้าหวงยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีพลังน่ากลัวนัก

แต่ก็เป็นเพราะการโจมตีนี้ของต้าหวงที่ทำให้ซีคว้าโอกาสใช้ทวนไร้สวรรค์แทงสังหารไปได้ เสียงฟุบดังขึ้น ทะลวงร่างกายเหยี่ยนซิงอีกครั้งหนึ่ง

แต่เหยี่ยนซิงกลับไม่สนใจบาดแผลเหล่านี้สักนิด ซัดทวนศึกในมือออกไปอย่างรุนแรง

ตูม!

ห้วงอากาศระเบิดกระจุย ถูกทำลายหนักหน่วง

พลังการโจมตีนี้ก็เหมือนทุ่มกำลังทุกอย่างในชีวิตของเหยี่ยนซิงลงไป อานุภาพที่เกิดขึ้นน่ากลัวหาใดเทียบ

ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนทวนพิพากษาที่สวรรค์ซัดออกมา!

ซย่าจื้อไม่หลบหนี เพราะเบื้องหลังของนางคือรังมังกรสีทองนั้น เปลวเพลิงอันหายากลุกโชนในส่วนลึกของดวงตานาง คล้ายว่าตัวตนของเหยียนซิงทำให้นางรู้สึกถึงภัยคุกคามถึงชีวิตเช่นกัน

ราวกับศัตรูแห่งโชคชะตา!

และหลินสวินที่สังเกตเห็นอันตรายก็มาขวางหน้าซย่าจื้อไว้ก่อนแล้ว เห็นชัดว่าคิดจะต้านการโจมตีนี้ซึ่งหน้าแทนซย่าจื้อ

นี่ทำให้ในใจซย่าจื้อบีบเกร็ง กำลังจะเข้าไปขวางก็ไม่ทันแล้ว

ก็ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานถึงที่สุดนี้ เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าหลินสวิน

เป็นบรรพชนเจินหลง!

ฟุ่บ!

ทวนศึกของเหยี่ยนซิงโจมตีเข้ามา แต่ที่ประสบเคราะห์ก่อนกลับไม่ใช่บรรพชนเจินหลง แต่เป็นจักรพรรดิไร้นามที่ถูกเขาคว้าอยู่ในมือ

พลังทำลายล้างที่ทวนศึกนี้สร้างขึ้นนี้ บดขยี้เศษเสี้ยววิญญาณจักรพรรดิไร้นามที่เหลือนั้นจนแหลกกระจุยทันที

จากนั้นบรรพชนเจินหลงส่งเสียงอู้อี้ในคอ เงาร่างที่เดิมก็คลุมเครืออ่อนแอถูกทวนศึกแทงทะลวง ฝนเลือดสาดกระเซ็น

หลินสวินใช้ดาบหักเข้าต้าน ทุ่มพลังทั้งหมดในร่าง

เคร้ง!

ทวนศึกกับดาบหักปะทะกันอย่างรุนแรง ห้วงอากาศใกล้เคียงต่างสั่นสะเทือน จากนั้นดาบส่งเสียงครวญดัง ถูกซัดสะเทือนกระเด็นออกไป

ทุกคนต่างครั่นคร้าม การโจมตีนี้ของเหยี่ยนซิงแกร่งกล้าและน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย บดขยี้เศษเสี้ยววิญญาณของจักรพรรดิไร้นาม ทะลวงร่างบรรพชนเจินหลง ทั้งยังโจมตีดาบหักของหลินสวินให้ลอยกระเด็น!

วู้ม!

ทวนศึกระเบิดการสังหารออกไปแล้ว ระยะเช่นนี้หลินสวินไม่อาจหลบหนีได้อยู่แล้ว

และในดวงตาของหลินสวิน ทันใดนั้นแววแน่วแน่วาบผ่าน พลังทั้งร่างถูกกระตุ้นถึงขีดสุด

รากฐานพลังอันน่ากลัวของมกุฎมหาจักรพรรดิปะทุออกมาโดยสมบูรณ์

ประทับไร้ชีพอุบัติขึ้น ประกายสำริดมลายฟ้าดินแผ่ออกมา

โครม!

ทวนศึกปะทะกับประทับไร้ชีพ พลังประหนึ่งธารสวรรค์ทะลักเขื่อนระเบิดออกมา ซัดใส่หลินสวินจนกระอักเลือด ทั้งร่างล้วนสะเทือน ผิวหนังมีรอยเลือดแตกเป็นริ้วๆ

แต่เขายังขวางอยู่ตรงนั้น ทุ่มพลังทั้งหมดที่มีไม่ได้ถอยไปสักก้าว

เพราะเบื้องหลังเขามีซย่าจื้อ หลังซย่าจื้อมีจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ในรังมังกรสีทอง รวมถึงลูกในท้องจ้าวจิ่งเซวียน!

เขาถอยไม่ได้!

ตูม!

หลังจากการยื้ออยู่ครู่หนึ่ง ประทับไร้ชีพถูกซัดถอยออกไป เมื่อไม่มีสิ่งกีดขวาง ทวนศึกที่แฝงไอสังหารเย็นชาหาใดเทียบพริบวาบ แทงเข้าไปในอกหลินสวิน

พอเห็นภาพนี้ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

แต่ภาพอกแหวกท้องแตกที่ทุกคนคาดคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น เกราะสมบัติสีเขียวชั้นหนึ่งเข้าปกป้องเบื้องหน้าหลินสวิน ขวางการโจมตีนี้ไว้

เกราะมหามรรคไร้บกพร่อง!

เพียงแต่อานุภาพของการโจมตีนี้น่าหวาดหวั่นเกินไป ภายใต้การโจมตี ทำให้หลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัส กระอักเลือดออกปากอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดทวนศึกนั้นก็หยุดลงตรงนั้น อานุภาพหายไป ตกลงสู่พื้นดิน

การเคลื่อนไหวต่อเนื่องเป็นชุด ดูเหมือนเชื่องช้า ความจริงแล้วเร็วถึงที่สุด ทั้งยังอันตรายถึงที่สุด

“น่าชังนัก!”

ไกลออกไปเหยี่ยนซิงส่งเสียงร้องแหลมอย่างไม่ยินยอมถึงที่สุดออกมา

นางไม่สนใจการบาดเจ็บสองครั้ง สำแดงการโจมตีด้วยพลังทั้งชีวิตออกมา กลับไม่สามารถปลิดชีพซย่าจื้อได้ นี่จะให้นางยินยอมได้อย่างไร

ตูม!

ซีบุกเข้ามา สีหน้าเย็นชา ทวนไร้สวรรค์จู่โจมด้วยอานุภาพแกร่งกล้าไม่อาจหยุดยั้งได้ โจมตีร่างเหยี่ยนซิงที่เดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วให้สิ้นซาก ฝนเลือดกำลังจะสาดกระเซ็นก็ถูกแสงมรรคน่าสะพรึงกลัวลบล้างไปสิ้น

เหยี่ยนซิงรู้สึกได้ว่าชีวิตกำลังจะหลุดลอย สีหน้าคลุ้มคลั่งไม่ยินยอมหายไปจนหมด ถูกความเศร้าโศกเข้าแทนที่

“การไล่ฆ่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ในที่สุดก็ไม่อาจทำให้ความหวังเป็นจริงได้… ข้า… ไม่ยินยอมจริงๆ…”

เสียงเบาลงทีละนิด วิญญาณของนางก็แผดเผากลายเป็นเถ้าถ่านปลิวว่อนตามไปด้วย หายลับไปโดยสมบูรณ์

ทั้งที่นั้นเงียบสงัด

ความตายของเหยี่ยนซิงทำให้ทุกคนต่างเหมือนยกภูเขาออกจากอก จิตใจไม่อาจสงบได้ ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว มรรควิถีทั้งร่างน่าครั่นคร้ามจนไม่อาจคาดคิดได้

หากไม่มีซีอยู่ สถานการณ์ในวันนี้ ผู้ชนะในท้ายที่สุดเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นนาง!

ผู้ที่ตายได้น่าอนาถที่สุดก็คือเศษเสี้ยววิญญาณของจักรพรรดิไร้นามนั้น หลังจากถูกบรรพชนเจินหลงดึงออกมา สุดท้ายกลับสิ้นชีพลงด้วยการโจมตีเต็มกำลังนั้นของเหยี่ยนซิง เสียงร้องโหยหวนยังไม่ทันได้เปล่งออกมา ดวงวิญญาณก็กระเจิงไปแล้ว

ด้านหลินสวินหอบหายใจ การสำแดงอภินิหารหยุดเวลาสองครั้งติด ทั้งยังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีนั้นของเหยี่ยนซิง ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเป็นที่สุด

แต่เขาไม่มัวสนใจเรื่องพวกนี้ มองไปทางรังมังกรสีทองทันที

กลับพบว่าแม้รังมังกรสีทองนั้นไม่ได้หม่นแสงลง แต่ให้ความรู้สึกเหมือนมีกลิ่นอายความตายหนาแน่น ขนาดจังหวะชีวิตอันมหัศจรรย์ปานนั้นยังมาๆ ขาดๆ

ในตอนนี้คู่สามีภรรยาจ้าวหยวนจี๋ ซีและต้าหวงต่างเดินมามองดูรังมังกรสีทองในบ่อมังกรนั้นด้วยกัน สีหน้าต่างกันไป

ในศึกก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าอันตรายมีอยู่ทุกแห่งหน สะท้านจิตวิญญาณ

แต่ยังดีที่อ๋าวฮ่วนไห่ตายไปแล้ว เหยี่ยนซิงก็ตายไปแล้ว ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณก็ถูกบรรพชนเจินหลงกำราบ…

บทสรุปตรงหน้าเหมือนไม่ถือว่าเลวร้ายเกินไปนัก

แต่บรรพชนเจินหลงได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป ร่างกายล้วนแหลกกระจุยสูญสลาย เหลือเพียงจิตวิญญาณอันอ่อนแอริ้วหนึ่งที่คล้ายสามารถหายไปทุกเมื่อ

เสียงเขาพร่าเลือนอ่อนแอ “ข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว ก่อนตายได้เห็นความสง่างามของพวกเจ้าก็ไม่เสียเปล่าแล้ว”

“ผู้อาวุโส!” อ๋าวซิงถังรู้สึกเศร้าจากใจ

“แค่ความตายเท่านั้น จะเจ็บปวดไปไย ถูกกำราบมาไม่รู้นานเท่าไรเช่นนี้ ความจริงข้าก็อยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว”

บรรพชนเจินหลงแววตาแจ่มกระจ่างเยือกเย็น “ซิงถัง ภายหน้าเจ้าจะต้องดูแลมุกสยบหล้าให้ดี”

คำพูดเรียบๆ ประโยคเดียว แต่ความหมายในนั้นกลับไม่ธรรมดา เพราะในเผ่าเจินหลง มีเพียงหัวหน้าเผ่าถึงจะครอบครองมุกสยบหล้าได้!

พูดอีกอย่างก็คือ บรรพชนเจินหลงมองว่าอ๋าวซิงถังเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่

อ๋าวซิงถังสีหน้าเจ็บปวด พูดเสียงสะอื้นว่า “ข้า… เกรงว่าจะทำให้ผู้อาวุโสผิดหวัง”

บรรพชนเจินหลงยิ้ม ชี้หลินสวิน “อย่าลืมสิ เจ้ายังมีลูกเขยดีๆ อยู่คนหนึ่ง ภายหน้ายังมีหลานดีๆ อีกคน มีพวกเขาอยู่ก็พอแล้ว”

สายตาเขามองไปยังรังมังกรสีทองนั้น แววตาอ่อนโยนและสงบนิ่ง “เด็กคนนั้นสามารถปลุกสายเลือดบรรพชนมังกรได้ ช่างล้ำค่าหายากนัก ข้าตั้งตาคอยว่า… ภายหน้าเขาจะกลายเป็นยอดบุคคลที่ได้รับความเคารพเหมือนอย่างเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์…”

“ใช้เศษชีวิตของข้า เปลี่ยนเป็นโอกาสให้เด็กคนนี้ก็คุ้มค่าแล้ว”

ท่ามกลางเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา วิญญาณที่ประหนึ่งภาพมายาของเขาเปลี่ยนเป็นละอองแสงอันงดงาม

“ผู้อาวุโส!” อ๋าวซิงถังร้องออกมาอย่างเศร้าสลด

จากนั้นฟ้าดินแห่งนี้ก็มีแสงโลหิตเจิดจรัสอุบัติขึ้น เผยให้เห็นกลิ่นอายโบราณดึกดำบรรพ์อันศักดิ์สิทธิ์ พิสุทธิ์ และสะดุดตา ผุดเข้าไปในรังมังกรสีทองพร้อมกับละอองแสงเหล่านั้น

มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ารังมังกรสีทองนั้นเหมือนได้รับพลังชีวิตไพศาลหาใดเทียบ พลันเปล่งแสงสว่างจ้า เจิดจรัสดุจดวงอาทิตย์สีทองดวงหนึ่ง พื้นผิวมีเจินหลงที่ท่องทะยานคดเคี้ยวตัวแล้วตัวเล่า ทั้งยังมีเสียงมังกรอันไพศาลเป็นระลอกสะเทือนห้วงอากาศ

พริบตานี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจินหลงที่ยังเหลือรอดอยู่ในแดนวังมังกรเหล่านั้น ต่างมีสัมผัสแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจ ประหนึ่งมีพลังอันล้ำเลิศปลุกให้ตื่น ทำให้พวกเขาเกิดความเคารพยำเกรงที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ!

สุดท้ายหลังจากละอองแสงกับแสงโลหิตเต็มฟ้านั้นหายลับไป รังมังกรสีทองในบ่อมังกรถึงกับเปลี่ยนเป็นสีแดงสดงดงาม มีจังหวะชีวิตอันไพศาลกล้าแข็งแผ่ออกมาจากด้านใน

หลินสวินตาเป็นประกายทันที เขาสังเกตได้ในทันใดว่ากลิ่นอายชีวิตของจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ในรังมังกรนั้นเปลี่ยนเป็นแกร่งกล้า!

แต่จ้าวจิ่งเซวียนกลับไม่ได้มีมีท่าว่าจะตื่นขึ้นจากการหลับใหล กระทั่งลูกที่อยู่ในท้องนางก็ยังไม่ถือกำเนิด

อ๋าวซิงถังสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กดกลั้นความเศร้าในใจไว้แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกังวล คราวนี้จิ่งเซวียนคงได้โชคในคราวเคราะห์ ได้เลือดบรรพชนต้นกำเนิดของบรรพชนเผ่าเราไป ยามนางตื่นขึ้นมาก็จะเป็นวันเกิดของเด็กในท้อง”

นางเป็นลูกหลานเจินหลง จึงเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีที่สุด

หลินสวินพลันเหมือนยกภูเขาออกจากอก เอ่ยว่า “ท่านป้า ตอนออกจากแดนเจินหลง ข้าอยากเอารังมังกรนี้ไปด้วย”

อ๋าวซิงถังอึ้งไป เงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าเอ่ย “ได้”

พอได้รับคำตอบหลินสวินก็ยิ่งผ่อนคลาย เขากวาดสายตาไป กลับพบว่าซย่าจื้อยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เงียบเชียบไม่เอ่ยคำ ในใจก็อดบีบเกร็งไม่ได้ เดินไปหาทันที

“เป็นอะไรไปหรือ” หลินสวินถาม

ซย่าจื้อช้อนตางดงามแจ่มกระจ่างดุจดวงดาราทั้งสองจ้องมองหลินสวิน “ภายหน้าถ้าเจออันตรายอีก อย่ามาขวางหน้าข้าได้ไหม”