ในเนตรกระจ่างของซย่าจื้อมีแต่ความจริงจังและหนักแน่น

หลินสวินจิตใจปั่นป่วน ความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นมา เอ่ยว่า “ได้ ข้ารับปากเจ้า”

เนตรกระจ่างของซย่าจื้อหลุบลงเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า “ถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะโกรธมาก”

ก่อนหน้านี้ยามนางเผชิญหน้ากับการคุกคามถึงชีวิตจากเหยี่ยนซิง เป็นหลินสวินมาขวางหน้า ยอมได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ยอมถอยไปสักก้าว

ภาพเช่นนั้นทำให้นางโกรธมาก โกรธว่าทำไมหลินสวินต้องเช่นนี้โดยไม่สนใจสิ่งใด หรือเขาไม่รู้ว่าเขาสำคัญกับตนขนาดไหน

และนางก็โกรธตัวเองที่ไร้ประโยชน์นัก ถึงกับทำให้หลินสวินมาช่วยตนกำบังอันตราย…

แต่ความคิดเหล่านี้นางไม่ได้พูดออกไป

จ้าวหยวนจี๋ที่อยู่ไม่ไกลมองดูหลินสวิน แล้วก็มองดูซย่าจื้อ รำพึงในใจอย่างไร้สาเหตุ เขาอาบน้ำร้อนมาก่อน จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าความสัมพันธ์ของหลินสวินกับซย่าจื้อไม่ธรรมดา

ทว่าเรื่องความรู้สึกเช่นนี้เขาพูดไปก็ไม่ดี

ช่วยไม่ได้ คิดถึงสมัยที่อยู่จักรวรรดิจื่อเย่า เขาก็เป็นบุรุษที่มีสามวังหกตำหนักเช่นกัน…

สายตาจ้าวหยวนจี๋มองที่อ๋าวซิงถัง เอ่ยเตือนว่า “ซิงถัง ตอนนี้แดนวังมังกรแห่งนี้วุ่นวายโกลาหล เรื่องสำคัญตอนนี้คือต้องทำให้สถานการณ์สงบ ปรับเปลี่ยนทั้งเผ่า”

อ๋าวซิงถังพยักหน้า “เป็นเช่นนี้จริง” นางเอ่ยกับหลินสวินว่า “เจ้าบาดเจ็บสาหัสนัก รักษาแผลอยู่ที่นี่เถอะ”

“ท่านป้า ให้ต้าหวงไปกับพวกท่านด้วย” หลินสวินรีบเอ่ย ขณะที่พูดขาข้างหนึ่งก็เตะไปที่ต้าหวงที่นอนแกล้งตายอยู่กับพื้นด้านหนึ่ง

ต้าหวงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “เจ้าหนู เจ้าใช้ข้าจนติดเป็นนิสัยแล้วใช่ไหม”

ไม่ทันรอให้หลินสวินเอ่ยปาก อ๋าวซิงถังก็ยิ้มเอ่ยแล้วว่า “ถ้าสหายยุทธ์ช่วยเหลือ ทรัพย์หลังศึกที่เก็บได้ตลอดทางนี้จะให้ท่านเลือกได้ตามใจ เผ่าเจินหลงของข้าอะไรก็ขาดหมด มีเพียงสมบัติเท่านั้นที่ไม่ขาด”

เผ่าเจินหลงชอบเก็บสมบัติเป็นที่สุด นี่เป็นเรื่องที่ทั่วหล้าต่างรู้กัน

ต้าหวงดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที กระแอมครั้งหนึ่ง แสร้งพูดเสียงเข้มว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้ามาเชิญอย่างจริงใจ เช่นนั้นข้าก็จะฝืนใจไปสักหน”

ทุกคนต่างยิ้มอย่างอดไม่ได้

“ถือธงกระบวนพวกนี้ไว้ สามารถเปิดผนึกศิลามรรคค้ำสมุทรได้อีกครั้ง เช่นนี้แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกศัตรูภายนอกบุกเข้ามา”

หลินสวินพลิกมือดึงเอาธงกระบวนสี่สิบเก้าเล่มออกมา “อีกอย่าง ต้าหวงเจ้าช่วยข้าส่งข่าวให้เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ที บอกให้พวกเขาถอนกำลัง อีกสักพักข้าจะไปเยี่ยมเยียนพวกเขาเอง”

“ข้าเป็นถึงจักรพรรดิสงครามคำรน กลับต้องมาวิ่งส่งข่าวให้เจ้าหนูอย่างเจ้า” ต้าหวงบ่น แต่ก็ยังรับปาก

จากนั้นอ๋าวซิงถัง จ้าวหยวนจี๋ และต้าหวงก็ออกไปจากเขาบรรพชนมังกรด้วยกัน

ก่อนจากไปยังพาเหล่าองค์ชายและองหญิงที่ตกใจจนสลบไปตั้งแต่การต่อสู้ก่อนหน้านี้เหล่านั้นไปด้วย

“ข้าก็จะไปดูหน่อย” ซีพูดพลางหันตัวจากไป

ริมบ่อมังกรจึงเหลือเพียงหลินสวินกับซย่าจื้อ

หลินสวินบาดเจ็บสาหัสนัก นั่งขัดสมาธิลงกับพื้น เอาโอสถเทพทั้งหลายมารักษาบาดแผลพลางถามซย่าจื้อว่า “ก่อหน้านี้เหยี่ยนซิงผู้นั้นอยากฆ่าเจ้าโดยไม่สนใจสิ่งใด เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร”

ซย่าจื้อนั่งอยู่ข้างๆ มือเรียวยาวขาวสะอาดทั้งสองกอดเข่า ส่ายหัวพูดว่า “ไม่รู้”

หลินสวินครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้นางบอกว่าบนตัวเจ้ามีพลังระเบียบโชคชะตา ข้าสงสัยว่าที่นางรีบร้อนอยากฆ่าเจ้าขนาดนั้น คงเกี่ยวกับพลังนี้ เจ้าไม่สังเกตหรือ”

จากพลังต่อสู้ที่เหยี่ยนซิงสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ ถ้าคิดจะหนี เกรงว่าใครก็คงรั้งไว้ไม่ได้

แต่นางกลับไม่สนว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกสังหารก็ต้องฆ่าซย่าจื้อให้ได้ นี่จะผิดปกติไปแล้ว!

ซย่าจื้อนิ่วหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่แดนมรณะเสื่อมโทรม เคยมีคนพูดว่าในต้นกำเนิดชีวิตที่อยู่ในร่างข้ามีพลังลึกลับปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่งเหมือนพันธนาการ เป็นเพราะพลังลึกลับนี้ ถึงทำให้ข้านิพพานจุติท่ามกลางความพังพินาศถึงขีดสุด แปรสภาพภายใต้ความเป็นความตายได้…”

“สำหรับข้าแล้ว พลังลึกลับราวกับพันธนาการนั้นก็เหมือนคลังสมบัติแห่งหนึ่ง ทำให้พลังของข้าแปรสภาพได้”

ซย่าจื้อหยุดไปแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนี้ดูท่า นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ตอนข้าฝึกปราณถึงชอบจุติเกิดใหม่และแปรสภาพท่ามกลางการดับสลายกระมัง”

หลินสวินฟังแล้วนัยน์ตาหดรัด ต้นกำเนิดชีวิตถูกพลังลึกลับพันธนาการชั้นหนึ่ง หรือนั่นก็คือ ‘พลังระเบียบโชคชะตา’ ที่เหยี่ยนซิงพูดถึง

“คนที่บอกเรื่องพวกนี้กับเจ้าคือใคร” เขาถามอย่างอดไม่ได้

“เฉินหลินคง” ซย่าจื้อครุ่นคิดพักใหญ่ถึงนึกชื่อนี้ออก “เขายังบอกด้วยว่าคนบนโลกนี้ต่างเรียกเขาว่าเซียนผลาญ”

หลินสวินสั่นสะท้านในใจ จะลืมบุคคลในตำนานอันลึกลับผู้นี้ได้อย่างไร

สมัยอยู่ในแดนลับเซียนผลาญในแดนมกุฎ เขาเคยได้เห็นประทับเจตจำนงที่อีกฝ่ายเหลือไว้กับตา

ตามที่เจ้าคางคกพูด บรรพชนเผ่าคางคกทองสามขาก็เป็นเพียงหนึ่งในแม่ทัพหนึ่งร้อยแปดคนใต้อาณัติของเฉินหลินคงเท่านั้น!

“เขายังพูดอะไรอีกไหม” หลินสวินเอ่ย

ซย่าจื้อส่ายหัว นอกจากหลินสวินแล้ว เรื่องคนอื่นบนโลกนี้นางไม่เคยสนใจ

หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด เช่นนี้ดูท่าพลังลึกลับเหมือนพันธนาการที่อยู่ในร่างซย่าจื้อนั้นต้องเกี่ยวข้องกับระเบียบโชคชะตาแน่ ถึงทำให้เหยี่ยนซิงคลั่งได้ขนาดนั้น

และพอคิดถึงคำว่าโชคชะตานี้ ในใจหลินสวินก็ปั่นป่วน เขาที่ในตอนนี้มีพลังมกุฎมรรคาระดับจักรพรรดิขั้นสามแล้ว จะไม่เข้าใจถึงความลึกลับและน่ากลัวของคำนี้ได้อย่างไร

พลังแห่งชีวิตลึกลับและคลุมเครือเป็นที่สุด สามารถแบกรับน้ำหนักแห่งมหามรรคได้ ทำให้ผู้ฝึกปราณแปรสภาพได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

เนื้อแท้แห่งชีวิตถูกเรียกว่าชะตา ทั้งยังถูกมองว่าเป็นชะตาชีวิตและโชคชะตา

การทำนายดวงที่เอ่ยถึงกัน ก็คือการคาดเดาชะตา มองทะลุชะตาชีวิต มองหาชะตากรรมของชีวิตนี้จากจุดนั้น

ทว่าศาสตร์การทำนายดวงนี้เป็นเรื่องสำหรับปุถุชนเท่านั้น

ในสายตาผู้ฝึกปราณแล้ว พลังแห่งชะตาชีวิตคลุมเครือและลึกลับเป็นที่สุด ประหนึ่งมรรคสวรรค์ การแปรสภาพและทะลวงระดับที่ผู้ฝึกปราณแสวงหา แท้จริงแล้วต่างเป็นการแปรสภาพและยกระดับชะตาชีวิต

เป็นเพราะมีการแปรสภาพ จึงทำให้ชะตาชีวิตของผู้ฝึกปราณเต็มไปด้วยตัวแปร คิดจะคาดเดาดวงชะตาของผู้ฝึกปราณ มองทะลุชะตาชีวิตของพวกเขา แทบจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

พูดง่ายๆ ก็คือความเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ล้วนเรียกได้ว่าเป็นมรรคแห่ง ‘โชคชะตา’

ในสายตาของผู้ฝึกปราณแล้ว มหามรรคโชคชะตาก็เหมือนกับมหามรรคกาลเวลา ล้วนเรียกได้ว่าเป็นยอดมหามรรคที่ลึกลับและไม่อาจทำความเข้าใจได้มากที่สุดในโลก!

และภายในร่างซย่าจื้อ กลับคล้ายจะมีพลังของระเบียบโชคชะตาผนึกอยู่ นี่ก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ตัวหลินสวินเองก็ครอบครองอภินิหารพรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา ดังนั้นจึงรู้ชัดว่าถ้าให้คนอื่นรู้ว่าในร่างซย่าจื้อมีพลังลึกลับนั้นอยู่ จะต้องดึงดูดความวุ่นวายและคลื่นลมไม่รู้จบมาให้เป็นแน่

คิดถึงตรงนี้หลินสวินมองไปที่ซย่าจื้อ กำชับอย่างจริงจังว่า “ตั้งแต่นี้ไปเรื่องนี้ห้ามเจ้าบอกใครอีก”

ซย่าจื้อพยักหน้า

หลินสวินถึงเหมือนโล่งอกในยามนี้ เริ่มจดจ่อกับการฟื้นฟูบาดแผล

ด้านแดนวังมังกร อ๋าวซิงถังก็ทำการเคลื่อนไหว สะสางครั้งใหญ่!

นางที่ครอบครองมุกสยบหล้าสามารถควบคุมและใช้พลังต้นกำเนิดของแดนวังมังกรได้ ต่อให้พลังปราณสู้พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าเจินหลงบางคนไม่ได้ แต่ด้วยอาศัยมุกสยบหล้ากลับสามารถกำราบเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นได้ทุกคน

ส่วนต้าหวงก็พุ่งออกจากแดนวังมังกร หลังจากถ่ายทอดถ้อยคำของหลินสวินให้เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่จนหมดก็หมุนตัวจากไป และไม่สนใจว่ากองทัพพันธมิตรเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่จะรับคำสั่งถอนกำลังหรือไม่

ไม่นานนักต้าหวงก็โบกธงกระบวน เปิดคลื่นผนึกศิลามรรคค้ำสมุทร เส้นทางสู่แดนวังมังกรก็ถูกผนึกลงอีกครั้ง

“หลินสวินสั่งให้พวกเราถอนกำลัง พูดแบบนี้รังของเผ่าเจินหลงถูกเขาเหยียบย่ำทำลายแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

นอกแดนวังมังกรอึกทึกครึกโครม เสียงอื้ออึงนับไม่ถ้วนดังขึ้น ต่อให้เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นยังสีหน้าตื่นตะลึงไปหมด

“ต้องเป็นเช่นนี้แน่! ฮ่าๆๆ เผ่าเจินหลงของพวกเขาก็มีวันนี้หรือ”

มีคนดีใจ แหงนหน้าหัวเราะร่า

“นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกินขึ้นมาก่อนในอดีตกาล ใครจะกล้าเชื่อว่าเผ่าเจินหลงที่สูงส่ง ควบคุมเหนือหมื่นเผ่า กลับถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเหยียบย่ำรังเสียนี่”

มีคนสั่นสะท้าน หายใจถี่กระชั้น

“ฮือๆๆ บรรพบุรุษยุคก่อนที่อยู่บนสวรรค์มีตา ในที่สุดก็ทำให้โอกาสเปลี่ยนโชคชะตาของเผ่ามาเยือนพวกเรา!”

มีคนดีใจจนร้องไห้ เสียงพูดสะอึกสะอื้น น้ำตาหลั่งริน

“ไป รีบไป! กระจายข่าวนี้ออกไป!”

ทั้งยังมีคนจำนวนมากที่เหิมฮึก ตื่นเต้นและปรีดา วาดหวังถึงอนาคตอันงดงาม

หนึ่งวันผ่านไป พร้อมๆ กับการกระจายข่าวอย่างรวดเร็วของกองทัพพันธมิตรเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ สร้างความสะเทือนเลื่อนลั่นในฟ้าดินทันที ก่อเกิดคลื่นใหญ่รุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ปฏิกิริยาแรกของทุกสิ่งมีชีวิตก็คือ

เรื่องนี้ต้องโกหกกันแน่!

เผ่าเจินหลงเป็นดั่งนายเหนือหัวทั่วหล้า หมื่นกาลมานี้ไม่มีใครสั่นคลอนได้

ตอนนี้จะมาถูกผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งบดขยี้ลงได้อย่างไร

นี่เป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!

แต่พอข่าวยิ่งกระจายมากขึ้น ในที่สุดฟ้าดินแห่งนั้นถึงเปลี่ยนจากไม่เชื่อเป็นเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง จนกระทั่งต่อมาถึงกล้ายอมรับความจริงอันสะท้านนิรันดร์กาลเช่นนี้

สั่นสะท้าน ตื่นเต้น ดีใจ… เสียงสนทนาต่างๆ ก็เหมือนภูเขาไฟปะทุ โหมขึ้นในแต่ละพื้นที่ทั่วแดนเจินหลง

แต่เชื่อก็ส่วนเชื่อ กลับไม่มีใครกล้าถือโอกาสที่เผ่าเจินหลงเกิดคลื่นลมก่อเรื่อง ยิ่งไม่มีใครกล้าถือโอกาสนี้ชิงตีตามไฟ ปล้นทรัพย์กินอาณาเขตที่เผ่าเจินหลงครอบครอง

ถึงอย่างไรเผ่าเจินหลงก็ปกครองดินแดนนี้มานานปี ในใจของหมื่นเผ่าต่างเหมือนนายเหนือหัว ไม่กล้าล่วงเกิน ความเคารพยำเกรงเผ่าเจินหลงเช่นนั้นซึมเข้ากระดูก ประทับอยู่ในใจไปนานแล้ว

เพียงชั่วขณะหนึ่ง ความเคารพที่หยั่งรากลึกเช่นนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว

และพร้อมๆ กับเสียงถกที่แผ่ขยายออกไปไม่หยุด ชื่อของหลินสวินก็กระจายไปทั่วทุกหัวระแหงในดินแดนนี้เหมือนสุริยันกลางฟากฟ้า

“สิ่งมีชีวิตแรกที่พิชิตเจินหลงได้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด กลับมาจากเผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อยที่สุดเสียนี่!”

“ต่อให้ไม่อยากยอมรับ สถานะของเผ่ามนุษย์ก็ถูกกำหนดให้เปลี่ยนไปตั้งแต่วันนี้!”

“เร็วเข้า ไปปล่อยทาสเผ่ามนุษย์พวกนั้นออกมาให้หมด ตอนนี้หลินสวินนั่นเป็นดั่งนายเหนือหัวแล้ว เกิดเขาต้องการระบายแค้นให้เผ่ามนุษย์พวกนั้น เช่นนั้นผลลัพธ์ก็ร้ายแรงเกินไปแล้ว…”

เผ่าเก่าแก่บางเผ่าต่างตัดสินใจทันที

“หลินสวิน… หลินสวิน… เผ่ามนุษย์ของเราโชคดีแค่ไหนกัน ในที่สุดก็มีหวังแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ ฟ้าเบื้องบนมีตา ในที่สุดก็นำพาโอกาสพลิกสถานการณ์มาให้เผ่ามนุษย์ของเรา!”

และในอาณาเขตที่มีเผ่ามนุษย์บางส่วนกระจายตัวอยู่ หลังจากได้รู้ข่าวพวกนี้แล้ว ไม่ว่าจะหญิงชายแก่เด็ก ต่างน้ำตาคลอเบ้า ตื่นเต้นอย่างที่สุด

เกือบแสนปีมานี้เผ่ามนุษย์เป็นทาส กฎเหล็กที่ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากชั่วนิรันดร์นี้ ในที่สุดก็ถูกทำลายแล้ว!

——