ต้าหวงตื่นเต้นนัก แววตาเปี่ยมด้วยความได้ใจและพึงพอใจ ราวกับแม่ทัพที่สู้ชนะพิชิตชัยกลับมา

หลินสวินเดาออกทันทีว่าเจ้าหมานี่จะต้องตักตวงของดีมาได้แน่!

“ต้าหวง เจ้ายังจำได้ไหมว่าตอนที่พวกเราออกเดินทาง ศิษย์พี่รองของข้าสั่งเจ้าไว้ว่าอย่างไร” หลินสวินเอ่ยปากเรื่อยเฉื่อย

ต้าหวงระวังตัวทันที เอ่ยว่า “เจ้าหนู ข้ามอบศุภโชคให้เจ้าเลยนะ เจ้ากลับอ้างชื่อนายท่านมาขู่ขวัญข้า เจตนานี้จะชั่วร้ายไปแล้ว บอกเจ้าให้ว่าข้าไม่ติดกับแน่!”

ในใจมันนึกเสียใจอยู่บ้างว่าทำไมต้องออกตัวกระตือรือร้นมอบสมบัติให้เช่นนี้ ดูตอนนี้สิ กลับถูกเจ้าเด็กนี่จับจ้องแล้ว

หลินสวินยิ้ม “เจ้าเอาศุภโชคชิ้นนั้นมาให้ข้าก็พอ สมบัติอันอื่นข้าไม่ไปแย่งกับเจ้า แน่นอนว่าถ้าเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ หลังจากกลับไปข้าจะต้องคุยกับศิษย์พี่รองดีๆ เสียหน่อย”

ต้าหวงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ไร้มโนธรรม! ไร้มโนธรรมเกินไปแล้ว!”

“จะให้ไหม” หลินสวินไม่เกรงใจสักนิด สีหน้าหนักแน่น

ต้าหวงขบเขี้ยว หมายจะกัดหลินสวินสักครั้ง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจคราหนึ่งแล้วเอาสมบัติอย่างหนึ่งมาให้อย่างว่าง่าย

นี่เป็นขวดหยกโปร่งแสงใบหนึ่ง ในขวดมีเม็ดทรายขาวกระจ่างไหลอยู่ แปลงเป็นภาพปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อย่างจักรวาลฟ้าดารา แสงดาวเปล่งประกาย

ขวดหยกเล็กๆ ใบหนึ่ง กลับเหมือนรองรับจักรวาลฟ้าดาราแห่งหนึ่ง!

“ทรายวิญญาณดาราขุ่นใสหรือ” หลินสวินตกตะลึง

ต้าหวงเอ่ยอย่างลำพองว่า “เป็นสมบัตินี้จริงๆ ถ้าหลอมเข้าไปในศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ได้ อานุภาพก็จะเพิ่มพูนขึ้นเท่าหนึ่งเป็นอย่างน้อย! แน่นอนว่าสมบัตินี้ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบเทพที่จำเป็นในการควบรวมต้นอ่อนต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด…”

มันพูดฉะฉาน เหมือนกำลังอวดความดีความชอบ “ถ้าไม่ใช่ข้าพลิกแดนวังมังกรแห่งนี้ เกรงว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าคงไม่ได้รับสิ่งนี้”

หลินสวินรับขวดหยกนี้มาอย่างแนบเนียน จากนั้นจึงยิ้มเอ่ยว่า “ต้าหวง ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ คราวนี้คงตักตวงสมบัติมาได้ไม่น้อยกระมัง”

ต้าหวงพูดอย่างระมัดระวังว่า “นี่เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าหนู ทรายวิญญาณดาราขุ่นใสก็ให้เจ้าไปแล้วยังไม่รู้จักพอ ข้าจะโกรธแล้วนะ!”

หลินสวินถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มกุมมือเอ่ยว่า “รอข้ากลับไปพบศิษย์พี่รอง จะเอ่ยขอบคุณของขวัญของต้าหวงต่อหน้าเขาเป็นอย่างดี”

นี่มันคำพูดอะไรกัน

เห็นได้ชัดว่าคิดจะฟ้องพฤติกรรมของข้าต้าหวง!

ต้าหวงจะฟังนัยแฝงของหลินสวินไม่ออกได้อย่างไร ในใจเขาพลันระอา แยกเขี้ยวอยู่นานกว่าจะกัดฟันโยนถุงเก็บของออกมาถุงหนึ่ง “ได้ สมบัติพวกนี้มอบให้เจ้า เจ้าหนูอย่างเจ้าจะมาได้คืบจะเอาศอกอีกไม่ได้แล้ว ข้าจะโมโหจริงๆ แล้ว!”

พูดพลางก็ทำหน้าเจ็บปวด

หลินสวินเปิดถุงเก็บของออกดูแล้วสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ ที่อยู่ในถุงเก็บของนั้นต่างเป็นสมบัติชิ้นงามระดับจักรพรรดิขึ้นไป ไม่มีสมบัติธรรมดาสักชิ้น ทั้งยังมีมากมายหลายชนิด ทั้งเจตวัตถุ ทั้งยาลูกกลอน ทั้งของล้ำค่า ทั้งหินแร่…

มูลค่าเช่นนั้นไม่อาจประเมินค่าได้โดยสิ้นเชิงแล้ว!

‘หรือเจ้าต้าหวงนี่จะกวาดคลังสมบัติเผ่าเจินหลงมาจนเกลี้ยง ทำไมถึงตักตวงสมบัติมาได้มากมายขนาดนี้…”

หลินสวินกำลังจะพูดอะไร พอเงยหน้าขึ้นมาเงาร่างของต้าหวงก็หายไปนานแล้ว เห็นได้ชัดว่ากังวลว่าตนจะปอกลอกมันอีก

หลินสวินเก็บถุงเก็บของ ลอบเอ่ยในใจว่าเหลือแค่รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพชางอู๋เท่านั้น ก็จะควบรวมต้นอ่อนของต้นบ่อเกินแรกกำเนิดได้แล้ว!

รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพทั้งสี่ เขาเก็บเจี้ยนมู่ คุนอู๋ และฝูซางมาได้แล้ว

เจตวัตถุที่จำเป็นอย่างดินปราณแรกกำเนิด ดินวิญญาณห้าสี วารีแรกปฐม และทรายวิญญาณดาราขุ่นใสต่างรวบรวมได้ครบแล้ว

ตอนนี้เหลือแค่รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพชางอู๋แล้วจริงๆ

และเมื่อนึกถึงไม้เทพชางอู๋ หลินสวินก็นึกถึงเรื่องในอดีตเรื่องหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ในดินแดนรกร้างโบราณตอนนั้น บนเขาพยับครามเคยมีงานชุมนุมโคมกถามรรคครั้งหนึ่งเปิดฉากขึ้น

ก็เป็นตอนนั้นที่หลินสวินได้เห็นประทับเจตจำนงที่หลี่เสวียนเวยทิ้งไว้ รวมถึงพลังที่ระฆังมหามรรคไร้กฎหลงเหลือเอาไว้

นอกจากนี้ตอนนั้นเขายังหยั่งถึงนัยเร้นลับมหามรรคที่จักรพรรดิสงครามดับดาราทิ้งไว้ในป่าศิลาแห่งหนึ่ง… ดับดารากลืนกิน!

ตอนนั้นผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมโคมกถามรรคมีทั้งอวี่หลิงคงซึ่งครอบครองตำหนักอมตะ มีจี้ซิงเหยา ลั่วเจีย มีจงหลีอู๋จี้ จั๋วข่วงหลัน เหลยเชียนจวิน…

ผ่านไปหลายปี หลินสวินนึกถึงผู้คนกับเรื่องราวในตอนนั้นก็ทอดถอนใจออกมา แต่เขาไม่ได้ลืม

บนเขาพยับครามนั้นมีต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นหนึ่ง มีโอสถราชันกายสิทธิ์ที่เหมือนคนแคระต้นหนึ่ง เรียกตัวเองว่าเป็นรากวิญญาณหนึ่งเดียวของเขาพยับคราม ทั้งยังเรียกตนเองว่า ‘อาจารย์แห่งเหล่าอริยะ’!

ตอนที่เขาออกมาจากเขาพยับคราม ก็ได้โอสถราชันกายสิทธิ์นี้ช่วยเอาไว้

ตอนนี้พอนึกถึงเรื่องในอดีต หลินสวินก็พลันนึกขึ้นได้ ว่าเขาพยับครามนั้นจะเกี่ยวข้องกับไม้เทพชางอู๋หรือไม่

‘ภายหน้าหากมีโอกาส จะต้องกลับไปดินแดนรกร้างโบราณสักหน’ หลินสวินครุ่นคิด

……

คู่สามีภรรยาจ้าวหยวนจี๋ใช้เวลาสามวันชำระล้างแดนวังมังกรได้สมบูรณ์

พวกที่เคยสังหารจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวในตอนนั้น ถูกอ๋าวซิงถังสะสางบัญชีแทบทั้งนั้น ส่วนคนในเผ่าที่ยินดีสวามิภักดิ์เหล่านั้นก็ถูกอ๋าวซิงถังรับไว้ใต้อาณัติอย่างปราณี ให้เป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์

จนถึงตอนนี้อำนาจสูงสุดของเผ่าเจินหลงถูกอ๋าวซิงถังควบคุมโดยสมบูรณ์

กระบวนการระหว่างนั้นหลินสวินไม่ได้รู้ชัดนัก

แต่เขารู้ดีว่าสิ่งที่ทิ้งไว้ให้อ๋าวซิงถังจัดการคือความเละเทะ เผ่าเจินหลงคิดจะฟื้นฟูอำนาจและฐานะในอดีต จะต้องผ่านกระบวนการอันยืดยาวหาใดเทียบ

ถึงอย่างไรเฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าเจินหลงที่ตายไปคราวนี้ก็มีมากนัก สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่เหลือมีไม่ถึงสองส่วนของแต่ก่อน!

นี่ไม่ใช่พลังดั้งเดิมเสียหายร้ายแรงแล้ว แต่เป็นรากฐานทั้งเผ่าบาดเจ็บสาหัส!

ในตอนที่สองสามีภรรยาจ้าวหยวนจี๋ยังยุ่งอยู่ หลินสวินก็ออกจากแดนวังมังกรมาเพียงลำพัง

……

เกาะเทพรุ้งมรกต

พอเงาร่างของหลินสวินปรากฏตัว หัวหน้าเผ่าของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ต่างก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว สายตาแต่ละคนเจือแววตั้งตาคอย

“ยินดีด้วยที่สหายยุทธ์หลินเหยียบทำลายวังมังกร อานุภาพข่มเผ่าเจินหลง!”

“หมื่นกาลมานี้ ผู้ที่เอาชนะเผ่าเจินหลงได้มีสหายยุทธ์หลินเป็นคนแรก!”

“ตอนนี้ใต้หล้านี้ใครจะไม่รู้จักความสง่างามอันหาได้ยากยิ่งของสหายยุทธ์หลิน”

….หลินสวินเพิ่งมาถึงก็ได้รับคำแสดงความยินดีต่างๆ สีหน้าหัวหน้าเผ่าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่เอ่อล้นไปด้วยความกระตือรือร้น เคารพและยำเกรง

พวกเขาอาจจะมีส่วนที่พูดเกินจริง แต่ความเคารพและยำเกรงต่อหลินสวินกลับเป็นเรื่องจริง คนผู้หนึ่งสามารถบดขยี้วังมังกร กดข่มเผ่าเจินหลงให้ก้มหัว ล้วนสมควรได้รับความเคารพยำเกรงจากพวกเขาแล้ว!

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยว่า “ทุกท่านวางใจได้ เรื่องที่รับปากไว้ก่อนหน้านี้ ข้าคนแซ่หลินย่อมไม่คืนคำ มรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ข้าจะมอบให้ทุกท่าน”

ได้ยินดังนั้นเหล่าหัวหน้าเผ่าต่างลอบถอนหายใจโล่งอก ยิ้มอย่างยินดี

เพียงแต่ครู่ต่อมาหลินสวินก็เปลี่ยนเรื่อง พูดว่า “แต่มีเรื่องหนึ่งข้าคนแซ่หลินต้องเตือนทุกท่าน”

บรรยากาศในโถงพลันเงียบสงัด หัวหน้าเผ่าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่เหล่านั้นมีแววฉงนฉายวาบในดวงตา

หลินสวินไม่ได้ปิดบัง เอ่ยอย่างจริงใจว่า “ภายหน้าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ไม่ต้องรับคำสั่งอยู่ใต้อาณัติเผ่าเจินหลงก็ได้ แต่ถ้าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่กล้าถือโอกาสตอนที่เผ่าเจินหลงเกิดความวุ่นวายภายในตีชิงตามไฟ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าคนแซ่หลินไม่เกรงใจ”

เหล่าหัวหน้าเผ่าของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ต่างตกตะลึง มองหน้ากันไปมา

ก่อนหน้านี้พวกเขาพอจะคาดเดาออกเป็นส่วนใหญ่ ว่าหลังจากผ่านความโกลาหลและเข่นฆ่าครั้งนี้ไป อิทธิพลของเผ่าเจินหลงจะต้องตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะฉกชิงอาณาเขตของเผ่าเจินหลงอย่างไม่ต้องสงสัย

กระทั่งพวกเขายังหารือกันลับๆ ว่าจะใช้วิธีต่างๆ ออกเคลื่อนไหว!

แต่คำพูดนี้ของหลินสวินกลับเหมือนน้ำเย็นที่ราดลงบนหัวพวกเขา ทำให้พวกเขาถึงกับยากจะเชื่อ

“สหายยุทธ์หลิน เจ้าคงไม่ได้อยากกินเรียบอยู่คนเดียวกระมัง คราวนี้ถ้าไม่ได้เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ของพวกเราช่วย เกรงว่าเผ่าเจินหลงคงไม่มีทางแพ้ง่ายๆ เช่นนี้!”

มีคนนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ เอ่ยปากเตือนหลินสวินว่าจะอย่าทำตัวน่าเกลียดเกินไป

หลินสวินชำเลืองมองอีกฝ่ายคราหนึ่ง จำได้ว่าเป็นหัวหน้าเผ่าเผ่าจักรพรรดิซวนหนีก็ยิ้มขึ้นอย่างอดไม่อยู่ “เจ้าพูดถูก ถ้าไม่ได้พวกเจ้าช่วย เผ่าเจินหลงคงไม่แพ้เร็วขนาดนี้จริงๆ แต่พวกเจ้ารู้ดียิ่งกว่าว่าถ้าไม่มีข้าคนแซ่หลิน พวกเจ้า รวมถึงเผ่าเบื้องหลังพวกเจ้าจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาของเผ่าได้อย่างไร”

หัวหน้าเผ่าซวนหนีสีหน้าไม่น่ามอง “สหายยุทธ์หลิน อาณาเขตที่เผ่าเจินหลงครอบครองรวมถึงทั้งแดนเจินหลง แค่เจ้าคนเดียว… เกรงว่าจะรับไม่ไหว”

สายตาคนอื่นก็มองมาที่หลินสวิน

ตามที่ตกลงกันไว้ตอนแรก หลังจากพวกเขาช่วยหลินสวินแล้ว สิ่งที่แลกเปลี่ยนจะมีเพียงมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ไม่ได้รวมถึงการแบ่งอาณาเขตของเผ่าเจินหลงด้วย

แต่ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้ ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น เผ่าเจินหลงในปัจจุบันเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด เหมือนดั่งเหยื่ออวบอ้วนที่จะฆ่าแกงอย่างไรก็ได้ตัวหนึ่ง พวกเขาเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร

กลับเห็นว่าหลินสวินจ้องหัวหน้าเผ่าซวนหนีอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหายไปตอนนี้จะดีที่สุด”

ใบหน้าหัวหน้าเผ่าซวนหนีแดงก่ำ เส้นเลือดขมับปูดโปน พูดเสียงต่ำลึกว่า “สหายยุทธ์หลิน นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร หรือก่อนหน้านี้ข้าพูดอะไรผิดไป”

“ไสหัวไป!”

ดวงตาดำหลินสวินเย็นชาลุ่มลึก ทันทีที่ลุกขึ้น ไอสังหารน่าสะพรึงมืดฟ้ามัวดินก็แผ่กระจายออกไป กระแทกตัวหัวหน้าเผ่าซวนหนีอย่างแรงราวกับพายุ

ร่างหัวหน้าเผ่าซวนหนีสั่นโคลง หน้าเปลี่ยนสีทันตา พลันโคจรพลังปราณเข้าต้าน “หลินสวิน นี่เจ้าจะกลับคำหรือ!”

ตูม!

หลินสวินตบออกไปกลางอากาศคราหนึ่ง ด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ สามารถสังหารระดับจักรพรรดิขั้นแปด ทัดเทียมกับระดับจักรพรรดิขั้นเก้าแล้ว หัวหน้าเผ่าซวนหนีผู้นี้มีพลังปราณแค่ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด จะต้านไว้ได้อย่างไร

ก็ได้ยินเสียงปึงดังขึ้น หัวหน้าเผ่าซวนหนีถูกหวดกระเด็นออกไป ล้มลงอยู่นอกโถง

ภาพนี้น่าตกตะลึงจนทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

“จำไว้ เป็นข้าหลินสวินให้โอกาสพวกเจ้าได้เปลี่ยนโชคชะตาของเผ่า ข้าไม่ขอให้พวกเจ้าขอบคุณ แต่พวกเจ้าคนไหนกล้าได้คืบจะเอาศอก แตะต้องในสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง ข้าก็ไม่ถือที่จะไปเยือนเผ่าพวกเจ้าสักรอบ”

“เผ่าเจินหลงยังขวางข้าไม่ได้ พวกเจ้า… จะทำได้หรือ”

หลินสวินพูดจบก็ทิ้งม้วนหยกที่บันทึกมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรไว้แล้วจากไปทันที

ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไม่ว่างเว้น ในใจยังหลงเหลือความกลัวและโกรธเกรี้ยว แต่สุดท้ายต่างเลิกล้มความคิดที่แบ่งชิงอาณาเขตของเผ่าเจินหลง

เผ่าเจินหลงซึ่งเป็นดั่งนายเหนือหัวยังถูกหลินสวินกำราบ เผ่าอื่นๆ อย่างพวกเขาจะไปรับไฟโทสะของหลินสวินได้หรือ

นอกโถงหัวหน้าเผ่าซวนหนีดิ้นรนลุกขึ้น สีหน้าไม่น่าดู ไม่อาจเชิดหน้าได้ เขาตื่นเต็มตาแล้ว กระทั่งไม่อาจมีความคิดไปงัดข้อกับหลินสวินอีก

“ทุกท่านก็เอาตามนี้เถอะ หลินสวินนั่นน่ากลัวกว่าเผ่าเจินหลงเสียอีก ต่อให้พวกเราเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่รวมตัวกัน… ก็ยังไม่อาจล่วงเกินเขาได้!”

มีคนถอนใจยาวราวกับยอมรับชะตากรรมโดยสมบูรณ์

คนอื่นๆ ต่างล้วนหวาดหวั่นใจ

——