เย่เฉินรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของเซียวชูหรัน

เขาก็รู้สึกกลัวจริงๆ ว่าแม่ยายและภรรยาของเขาจะทำการสันนิษฐานในยามว่างอยู่ที่นี่ แล้วสันนิษฐานไปมาจนได้ความเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของตัวเองขึ้นมาเกือบทั้งหมด

ดังนั้น เย่เฉินจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อตอนที่เขาได้ยินเซียวชูหรันตั้งคำถามมาที่เขาโดยตรง

ในเวลานี้ หม่าหลันกลับโบกมือ และมองไปที่เย่เฉิน และพูดด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอว่า “ชูหรันเอ๊ย สิ่งที่คุณพูดนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้หรอก แม้ว่าลูกเขยแสนดีของฉันจะสุดยอดมากในตอนนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่นานมานี้ ตอนที่ต่งรั่วหลินมาในเมืองจินหลิง ลูกเขยแสนดียังไม่ได้เป็นมังกรชูหัวเลย คุณลืมไปแล้วหรือในเวลานั้น ไอ้เด็กปัญญาอ่อนอย่างเซียวไห่หลงนั่นยังกล้าที่จะหาเรื่องกับลูกเขยแสนดีของฉันอยู่เลย”

เซียวชูหรันหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จริงๆ แล้วว่า สมบัติล้ำค่าที่คุณพูดถึงนั้นคืออะไร”

หม่าหลันหัวเราะ “อันที่จริงไม่สำคัญหรอกว่ามันคืออะไร และก็ไม่เกี่ยวอะไรกับครอบครัวเรา ที่ฉันพูดมามากขนาดนี้ เพียงแค่อยากจะบอกคุณว่า เพื่อนสนิทของคุณคนนี้ไม่ง่ายเลยนะ และในใจของเธอจะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน”

เซียวชูหรันกล่าวว่า “ปล่อยเธอไป แม้ว่าเธอจะซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ มันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลย และฉันก็ไม่อยากจะสอดแนมความเป็นส่วนตัวของเธอ”

ขณะที่พูด เซียวชูหรันก็เตือนก่อนว่า “อีกสักครู่ถ้ารั่วหลินมาแล้ว คุณแม่ก็อย่าถามไปทั่วนะ อย่าทำเหมือนว่าพวกเราเป็นคนที่ชอบซุบซิบเรื่องชาวบ้าน”

หม่าหลันพยักหน้า “โอเค ถึงเวลานั้นฉันจะไม่พูดมากเลย”

เย่เฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกไป

เมื่อลงไปที่ชั้นล่าง เซียวฉางควนก็ได้นั่งอยู่ในห้องอาหารและกำลังกินบะหมี่อยู่แล้ว

เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสามลงมา ก็เอ่ยปากถามว่า “พวกคุณสามคนไปดูเรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไรมาเหรอ? แม่ผมเอะอะโวยวายอะไรอยู่ข้างนอก ตั้งแต่เช้าแบบนี้เหรอ? ”

หม่าหลันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอ๊ยเซียวฉางควน แม่ของคุณช่างสุดยอดมากเลยตอนนี้ และกล้าที่จะตะโกนด่าต่อสาธารณชนอยู่บนระเบียงแล้ว ดูเหมือนจะบอกว่าเฉียนหงเย่นได้ขโมยเงินที่หามาอย่างยากลำบากของเธอไป แม่ของคุณกำลังตะโกนด่าไปด้วย และจะโทรแจ้งตำรวจจับเธอด้วย!”

เซียวฉางควนบ่นไปคำหนึ่ง “ความสามารถที่แม่ของผมตะโกนด่าลั่นอยู่บนระเบียง มันก็ยังเบากว่าที่คุณตะโกนด่ากับคนในชุมชนทั้งหมดบนระเบียงก่อนหน้านี้มาก”

หม่าหลันตบโต๊ะทันที “เซียวฉางควน คุณพูดว่าอะไรนะ!”

เซียวฉางควนโบกมืออย่างรวดเร็ว “ผมไม่ได้พูดอะไรเลย”

หลังจากนั้น เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า “เฉียนหงเย่นจะขโมยเงินของแม่ไปทำอะไร? นี่พวกเขากำลังเล่นละครเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ? ”

เมื่อเห็นว่าเซียวฉางควนเปลี่ยนเรื่องในทันที หม่าหลันก็ไม่ได้ถามเขาต่อ หลังจากจ้องมองมาที่เขาแล้ว หม่าหลันก็พูดต่อไปว่า “พวกเขาจะเล่นละครเรื่องอะไร ฉันก็ไม่รู้แล้วเหมือนกัน”

เซียวฉางควนถอนหายใจ “แต่เดิมชีวิตมันก็ดีอยู่แล้ว ทำไมแต่ละวันจึงต้องหาแต่เรื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ตอนนี้ดีแล้ว ธุรกิจทางครอบครัวที่พ่อของผมสร้างขึ้นมาทั้งหมด ได้พังทลายลงทั้งหมดเพราะพวกเขาไปแล้ว”

หม่าหลันเม้มริมฝีปาก “พวกเขาจะทำให้ธุรกิจของครอบครัวพังทลายไปทั้งหมดก็ไม่เป็นอะไรเหรอ มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย เพียงแต่ว่าอย่าหน้าด้านมาหาพวกเราก็พอแล้ว!”

เซียวฉางควนพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน และไม่พูดอะไรอีกเลย

หลังจากที่ทั้งสามรับประทานอาหารเช้า ต่งรั่วหลินและขงเต๋อหลงก็ได้มาถึงแล้ว

ทั้งสองมาเยี่ยมที่บ้านพร้อมกับถุงของขวัญมากมาย ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าประตู ต่งรั่วหลินก็พูดกับเซียวฉางควนและหม่าหลันอย่างกระตือรือร้นว่า “สวัสดีปีใหม่คะคุณลุงคุณป้า! ฉันมาอวยพรปีใหม่ล่วงหน้าให้พวกคุณทั้งสองแล้ว!”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เซียวชูหรันและเย่เฉิน “ชูหรัน เย่เฉิน สวัสดีปีใหม่!”

เซียวชูหรันและเย่เฉินกล่าวด้วยเสียงเดียวกันว่า “สวัสดีปีใหม่”

ขงเต๋อหลงเดิมตามหลังของต่งรั่วหลิน ซึ่งดูเหมือนไก่อ่อนตัวเล็กที่ขี้กลัว และเมื่อเขาเห็นเย่เฉิน เขาก็ตกใจจนตัวสั่นขึ้นมา

ต่งรั่วหลินชี้ไปที่ขงเต๋อหลงที่อยู่ด้านข้างของเธอ และเอ่ยปากพูดว่า “คนนี้คือพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของฉัน ขงเต๋อหลง พี่ คุณรีบทักทายกับทุกคนเร็วเข้า”

ทันทีที่พูดจบ ขงเต๋อหลงก็กล่าวอย่างตัวสั่นทันทีว่า “สวัสดีปีใหม่คุณลุงคุณป้า สวัสดีปีใหม่คุณหนูเซียว สวัสดีปีใหม่คุณเย่”

หลังพูดจบ ก็โค้งคำนับลงเก้าสิบองศา

หม่าหลันตะลึงไปเลย

แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักขงเต๋อหลง แต่เธอก็เคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อน และรู้ว่าคุณป้าของต่งรั่วหลินแต่งงานไปที่ตระกูลขงในเย่นจิง และก็รู้ว่าตระกูลขงก็เป็นตระกูลที่มีความสามารถไม่ธรรมดาเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ขงเต๋อหลงในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลขง จะสุภาพและมีมารยาทขนาดนี้ แม้กระทั่งสุภาพจนเกินเหตุไปหน่อย และเธอก็แอบคิดอยู่ในใจตัวเองว่า “โอ๊ยพระเจ้า การสั่งสอนของตระกูลขงจะดีขนาดนี้เลยเหรอ? คุณชายใหญ่ออกมาเยี่ยมครอบครัวขนาดเล็กอย่างพวกเราในที่เล็กๆ แบบนี้ ยังโค้งคำนับเก้าสิบองศาทันทีที่เขามาถึง นี่มันยิ่งใหญ่เกินไปหรือเปล่า?”

เธอไม่รู้เลยว่า ขงเต๋อหลงคนเดิมเป็นหนึ่งในกลุ่มทายาทเศรษฐีที่หยิ่งผยองและครอบงำที่สุดใช้เป็นแต่เงินและทำอะไรไม่เป็น เหตุผลที่ว่าทำไมตอนนี้เขาถึงเป็นเหมือนนกน้อยที่เชื่อฟัง ก็เพราะเขาถูกเย่เฉินรังแกจนกลัวไปหมดแล้ว

ขงเต๋อหลงปั่นจักรยานมาที่เมืองจินหลิงจากเย่นจิง เย่เฉินกำหนดว่าเขาจะต้องมาถึงภายในสิบห้าวัน แต่เขาใช้เวลาไปเกือบยี่สิบวัน

ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าเย่เฉินจะคิดบัญชีกับตัวเอง หากว่าเขาไม่มีความสุขขึ้นมา และให้ตัวเองอยู่ในเมืองจินหลิงต่อไปอีกหนึ่งปี งั้นตัวเองก็ต้องเสียใจอย่างมากแน่นอน?