เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็พูดกับเย่เฉินโดยจิตสำนึกขึ้นมาทันทีว่า “คุณเย่ ต้องขอโทษจริงๆ ผมติดอยู่ระหว่างทางที่มาไปหลายวัน และก็เลยมาสายไป……”

เซียวชูหรันและเซียวฉางควนและหม่าหลันก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น

ทำไมขงเต๋อหลงคนนี้ต้องขอโทษเย่เฉินด้วยเหรอ? หรือว่าพวกเขาทั้งสองจะรู้จักกันงั้นหรือ?

เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าสมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เย่เฉินก็เกิดความคิดขึ้นมา และยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณชายขงเกรงใจมากเกินไปแล้ว ในเมื่อผมบอกแล้วว่าจะเชิญคุณมาทานข้าว ไม่ว่าคุณจะมาเร็วหรือมาช้าก็ตาม ผมก็จะทำตามสัญญาเช่นกัน”

ขงเต๋อหลงผงะไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจในตอนแรกว่า ทำไมเย่เฉินถึงสุภาพกับตัวเองในทันใด

จากนั้นถึงตระหนักได้ว่า ตัวเองอาจจะพูดอะไรผิดไป

เย่เฉินคงไม่ต้องการให้ทางครอบครัวของเขา รู้เรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งของตัวเองกับเขา

ดังนั้น เขาจึงรีบทำตามคำพูดของเย่เฉิน และพูดต่อไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นก็ขอขอบคุณคุณเย่ล่วงหน้าแล้ว พวกเราค่อยนัดหมายเวลาหลังช่วงปีใหม่กัน”

เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มและพูดกับเซียวชูหรันและพ่อตาแม่ยายของเขาว่า “ตอนที่ผมไปดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นในเย่นจิง ได้พาชูหรันไปอวยพรวันเกิดให้คุณย่าต่งพอดี ก็เลยได้รู้จักกับคุณชายขงอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิด และได้ยินว่าเขาจะมาที่เมืองจินหลิง ผมก็เลยบอกว่ารอให้เขามาแล้วจะเชิญเขาทานข้าวสักมื้อ”

ขงเต๋อหลงก็พยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ใช่ครับ ผมไม่คาดคิดเลยว่าระหว่างทางที่มาจะล่าช้าไปหลายวัน และก็ถูกลากยาวไปจนถึงในช่วงสิ้นปีเลย”

หม่าหลันถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณชายขง คุณมาจากเย่นจิงยังไงเหรอ? ทำไมถึงยังล่าช้าไปหลายวันอยู่ระหว่างทางได้? ช่วงระยะทางนี้ใช้เวลาขับรถเพียงสิบกว่าชั่วโมงในการเดินทางเท่านั้นเอง? ยิ่งนั่งเครื่องบินก็จะเร็วกว่า”

ขงเต๋อหลงกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ผม…..ผมมาที่นี่ด้วยการปั่นจักรยาน…….”

“หา?!” หม่าหลัน เซียวชูหรันและเซียวฉางควนต่างตะลึงไปทั้งหมด

คุณชายผู้สง่างามของตระกูลขง เดินทางมาเมืองจินหลิงจากเย่นจิงด้วยปั่นจักรยานงั้นเหรอ ในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเช่นนี้ เขาทำเพื่ออะไรกันแน่?

ขงเต๋อหลงเห็นว่าทุกคนต่างก็ประหลาดใจมาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันแล้วพูดว่า “เหตุผลที่ปั่นจักรยานมา อันที่จริงก็คืออยากจะฝึกฝนอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองสักหน่อย……”

ทุกคนมองหน้ากัน

ฝึกฝนความรู้สึกงั้นเหรอ? ทายาทเศรษฐีสมัยนี้ไร้สาระมากขนาดนี้เลยเหรอ?

ในเวลานี้ต่งรั่วหลินรีบออกมาบรรเทาความอักอ่วน ยื่นของขวัญที่เตรียมไว้ให้เซียวฉางควนและหม่าหลัน แล้วพูดว่า “คุณลุงคุณป้า นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่เตรียมไว้ให้พวกคุณ โปรดรับไว้ด้วย!”

เซียวฉางควนกล่าวด้วยความเกรงใจว่า “โอ๊ยรั่วหลิน เจ้าเด็กคนนี้ มาก็มา ทำไมยังซื้อของอะไรมามากมาย ทำให้คุณเสียเงินแล้ว…..”

หม่าหลันก็พูดตามเสียงไปว่า “ใช่แล้วรั่วหลิน มาที่บ้านของคุณป้า ก็เหมือนมาที่บ้านตัวเองเลย ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก”

แม้ว่าหม่าหลันจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ยื่นมือออกไปขณะพูด และรับของขวัญที่พวกเขานำมา จากในมือของต่งรั่วหลินและขงเต๋อหลง

เมื่อเห็นว่าขาของหม่าหลันยังคงเข้าเฝือกอยู่ ต่งรั่วหลินก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณป้า ขาของคุณยังไม่หายอีกเหรอ? ”

หม่าหลันถอนหายใจ “เฮ้ หายไปแล้ว แต่สองสามวันก็เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยอีกครั้งไม่ใช่เหรอ? ไม่ทันได้ระวังก็เลยหักไปอีกครั้ง”

ต่งรั่วหลินรีบถามว่า “คุณหมอพูดว่ายังไง? อาการหนักไหมคะ?”

หม่าหลันโบกมือ “เฮ้! ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก ก็เมือนกับคราวที่แล้ว พักฟื้นสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”

ต่งรั่วหลินพยักหน้า และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้คุณป้าหายไวไวนะคะ!”

หม่าหลันยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณมากรั่วหลิน!”

เซียวชูหรันรู้สึกอยู่ในใจว่า เพื่อนสนิทของเธอนำของขวัญมากมายมาที่บ้าน แต่ตัวเองไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรตอบแทนเลย เธอจึงรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยจริงๆ และก็รีบกล่าวว่า “รั่วหลิน ดูสิคุณบอกจะมาเยี่ยมบ้านอย่างกะทันหัน โดยไม่ได้ทักทายกับฉันล่วงหน้าเลย คุณได้เตรียมของขวัญมากมายมาที่บ้านฉัน และฉันยังไม่ทันได้มีเวลาในการเตรียมของขวัญให้คุณนำกลับไปที่เย่นจิงเลย นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอายเกินไป…….”

ต่งรั่วหลินหัวเราะและพูดว่า “คุณจะเกรงใจกับฉันขนาดนี้ทำไม! ไว้โอกาสหน้าคุณก็ไปที่เย่นจิง ไปเยี่ยมที่บ้านของฉันอีกครั้งก็โอเคแล้วไหม?”

ขณะที่เธอกล่าวว่า สายตาของเธอก็เหลือบมองไปที่เย่เฉิน และพูดกับเซียวชูหรันว่า “ชูหรัน ถ้าคุณมีเวลาว่างหลังปีใหม่ ก็ไปเที่ยวที่เย่นจิงสองสามวันกับเย่เฉิน ถึงเวลานั้นก็ไปพักที่บ้านฉัน! รอให้ถึงวันที่เจ็ดของปีใหม่ พวกเราค่อยกลับมาพร้อมกัน!”

เซียวชูหรันหัวเราะและพูดว่า “นี่ ฉันจะขอดูอีกครั้งนะ ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันเวลาได้”

ในเวลานี้ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นมา

เซียวฉางควนก็รีบลุกขึ้นและเดินไป ผ่านหน้าจอวิดีโออินเตอร์คอม เขาก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูนั้น เป็นผู้หญิงที่สวยงามที่มีการแต่งตัวดูเป็นผู้ใหญ่ และก็มีความเซ็กซี่อยู่เล็กน้อยคนหนึ่ง

เซียวฉางควนถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า “สวัสดี ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครเหรอครับ?”

อีกฝ่ายถามอย่างสุภาพว่า “สวัสดี ไม่ทราบว่านี่คือบ้านของคุณเซียวชูหรันหรือไม่? ฉันคือหวังตงเสวี่ยนที่มาจากตี้เหากรุ๊ป มาเยี่ยมที่บ้านโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ขออภัยด้วยค่ะ!”