บทที่ 1943
ลูกน้องของหงห้าไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเย่ฉางหมิ่น

รู้เพียงแค่ว่าเป็นผู้หญิงที่ลูกพี่สั่งให้จับตาดูเอาไว้อย่างใกล้ชิด ส่วนเป็นใครมาจากไหน ภูมิหลังเป็นยังไง เขาคนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ดังนั้น ในตอนที่เย่ฉางหมิ่นกระดกระเพียดเพราะเกี๊ยวที่เขาอุตส่ห์หวังดีเอามาให้ เขาจึงเริ่มโมโหขึ้นมาในทันที รู้สึกเหมือนตัวเอง
กำลังให้อาหารหมาบ้าอย่างไรอย่างนั้น

เย่ฉางหมิ่นไม่คิดเลยว่า ลูกน้องของเย่เฉินจะกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเธอ เธอจึงรู้สึกทั้งโกรธทั้งเสียหน้า

เธอชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วด่าทอออกมาเสียงกร้าวว่า “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? กล้าพูดกับฉันอย่างนี้เหรอ?”

อีกฝ่ายกัดฟันโต้ตอบว่า “ฉันต้องสนด้วยเหรอว่าแกเป็นใคร แกดูถูกเกี๊ยวที่แม่ฉันทำ ต่อให้ด่าแกแรงกว่านี้ก็ไม่หายกันหรอก!”

เมื่อเย่ฉางหมิ่นได้ยินเขาเอ่ยถึงเกี๊ยว ก็ยิ่งฟลุก ด่าทอออกมาว่า “แกยังมีหน้ามาพูดเรื่องเกี๊ยวอีกเหรอ ฉันสิต้องถามแก เกี๊ยวเหม็น

เปรี้ยวของแม่แกมันคืออะไร? ผักบ้าอะไรนั่นทั้งเน่าทั้งเหมืน แม่แกยังเอามาทำไส้เกี๊ยวอีกเหรอ บ้าไปแล้วหรือไง? บ้านแกไม่มีจะแดกขนาดนั้น
เลยเหรอ?”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ราวๆร้อยแปดสิบกว่า หน้าแดงเถือกไปด้วยโทสะ เอ่ยพูดอย่างเดือดดาลว่า “แกจะไปเข้าใจอะไร! นั่นเป็นผักดองที่
อร่อยที่สุดแล้ว! กะอิแค่ผักดองทำอย่างกับไม่เคยพบเคยเห็น ยั่งเป็นคนปกติอยู่หรือเปล่า?”

ย่จางหมิ่นเอ่ยพูดอย่างหยิ่งโสว่า “อาหารขยะแบบนี้ มีแต่คนจนๆอย่างพวกแกเท่านั้นแหละที่กระเดือกลงไปได้! ”

พูดจบ เธอก็หยิบเกี๊ยวขึ้นมาปาใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย

ย่ฉางหมิ่นไม่สนใจเกี๊ยวที่หล่นกระจายอยู่เต็มพื้นเลยสันิด เธอจ้องมองผู้ชายร่างใหญ่ตรงหน้า แล้วพูดเสียงเย็นว่า “ฉันไม่กินขยะ
พวกนี้ แกรีบไปหาเกี๊ยวไส้กุ้งมาให้ฉันชะ!”

เมื่ออีกฝ่ายเห็นเกี๊ยวที่แม่ของตัวเองลงทุนทำเองกับมือ ถูกเย่ฉางหมิ่นปาลงบนพื้นทั้งหมดอย่างเหยียดหยาม ก็เดือดพล่านขึ้นมาอย่าง
ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยกมือขึ้นมาสะบัดใส่หน้าของเย่ฉางหมิ่นฉาดใหญ่

เย่ฉางหมิ่นถูกตบจนเซ ตะคอกด่าออกมาอย่างกรุ่นโกรธว่า “แก…แกกล้าตบฉันเหรอ! ฉันเอาแกตายแน่! ”

อีกฝ่ายไม่สนใจเธอ เอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “วันนี้ถือว่าส่งข้าวให้แกแล้ว ถ้าแกไม่อิ่ม ก็รอพรุ่งนี้เอาแล้วกัน”

เย่ฉางหมิ่นหลุดปากพูดออกมาว่า “แกว่าไงนะ?!เกี๊ยวขยะของแกฉันกินไปแค่คำเดียวก็อวกออกมาหมดแล้ว! ”

อีกฝ่ายพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ถึงยังไงฉันก็เอาข้าวมาส่งแกแล้ว กินไม่กินมันก็เรื่องของแก”

เย่ฉางหมิ่นกัดฟันพูดว่า “ฉันไม่กินเกี๊ยวของแก แกสั่งแม็คโดนัลมาให้ฉันเดี๋ยวนี้! ”

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินแบบนี้ ก็ตะคอกออกมาอย่างโมโห “แกนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ! ผักดองแกมองว่าคือขยะ แล้วแม็คโดนัลในสายตาแก
ไม่ใช่ขยะเหรอ? พวกเลียตีนต่างชาติ น่าขายหน้าจริงๆ ตัวอะไรก็ไม่รู้!

พูดจบ ก็ปิดประตูลงทันที พร้อมทั้งลงกลอนจากข้างนอก

นั่นก็เท่ากับว่าเย่ฉางหมิ่นยังไม่ได้กินอะไรสักคำ ดังนั้นจึงหิวจนท้องร้องโครมคราม

เมื่อถึงตอนกลางคืน เย่ฉางหมิ่นก็โทรไปหาผู้เป็นพ่ออย่างเโจงฉวนที่อยู่ไกลถึงเมืองเย่นจิงอย่างทนไม่ไหว เอ่ยฟ้องพร้อมใส่สีตีไข่
สารพัดว่าตัวเองเจออะไรอยู่ที่เมืองจินหลิงบ้าง

จากนั้น เธอก็ขอร้องอ้อนวอนบิดาว่า “พ่อคะ อกดดันอะไรเย่เฉินหน่อยสิ ให้เขารีบปล่อยฉันกลับไปไวๆ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆนะ…
เมื่อเยโจงโฉงได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยพูดนิ่งๆว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ฉันเคยพูดกับแกแล้ว ในเมื่อแกเป็นคนทำผิด ก็ต้องอยู่ที่เมืองจินหลิงให้ครบ
อาทิตย์”

เย่ฉางหมิ่นสะอื้น “พ่อ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ผีห่าซาตานแบบนี้ใครจะไปอยู่ได้! วันนี้ทั้งวันฉันยังไม่ได้กินข้าวแม้แต่คำเดียว ถ้าเป็น
อย่างนี้ต่อไป ฉันต้องบ้าตายแน่ๆ!”