กระบี่มรรคอึงอล เคลื่อนไหวดุจอสนี ปราณกระบี่ดุดันฉีกกระชากห้วงอากาศเป็นแนวยาว
ระดับจักรพรรดิเจ็ดคนรับศึกอย่างเร่งรีบ ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกทันที
พรูด!
เพียงพริบตาก็มีระดับจักรพรรดิคนหนึ่งถูกตัดหัว ปราณกระบี่ไพศาลไร้ใดเปรียบปิดคลุมฟ้าดิน ทำลายศพกลายเป็นขี้เถ้าปลิวหาย
ปัง!
ไม่นานมีทวนสีเขียวถูกฟันหักเป็นสองท่อน คิ้วของเจ้าของทวนถูกแทงทะลุ ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธอย่างไม่จำยอม ตายคาที่
…และในการเข่นฆ่าที่บดขยี้โดยสมบูรณ์เช่นนี้ หลินสวินเองก็รับรู้ได้ถึงอานุภาพแท้จริงของเตากระบี่หนึ่งเดียวแล้ว
คำเดียว แข็งแกร่ง!
ใช้สมบัตินี้ต่อสู้ ไม่เพียงทำให้มรรควิถีทั้งกายของเขาได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด และพลังต่อสู้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ก็เห็นได้ชัดว่าพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในใจหลินสวินพลันกระเพื่อมไหว ใช้เตากระบี่หนึ่งเดียวสำแดงมรดกคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน
ตูม โครม!
ก็เห็นบนกระบี่มรรคหนึ่งเดียวนั่นปลดปล่อยปราณกระบี่ไร้จำกัด กลายเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่ กำราบด้วยอานุภาพปิดคลุมฟ้าดิน
ทันใดนั้นเสียงสะเทือนฟ้าดินกึกก้อง ตอนที่หมอกแสงและฝุ่นควันทั้งหมดสลายไป ระดับจักรพรรดิห้าคนที่เหลืออยู่ในที่นั้นตอนแรก สามคนถูกสังหารคาที่ มีเพียงแค่สองคนที่ยังยืนอยู่ แต่ก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว!
เมื่อหนึ่งกระบี่ไหวเคลื่อนฟันออกไป ระดับจักรพรรดิสองคนที่เหลืออยู่นี้ก็ถูกสังหารเช่นกัน
‘หากใช้มรดกมรรคกระบี่ด้วยกระบี่มรรคหนึ่งเดียว อานุภาพสามารถเพิ่มขึ้นจากปกติเท่าตัว!’
ได้ข้อสรุปนี้ทำให้หลินสวินเองก็อดสูดหายใจสะท้านด้วยความตกใจไม่ได้
ไม่นานเขาก็เดาเหตุผลภายในออกแล้ว เตากระบี่หนึ่งเดียวหลอมจากเจตวัตถุอย่างพวกเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน
นี่ก็ทำให้ชั่วขณะที่เตากระบี่หนึ่งเดียวถือกำเนิดขึ้น ก็มีความมหัศจรรย์ที่แตกต่างกันของเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนแล้ว
อย่างเช่นขวดไร้ขอบเขต ก็สามารถทำให้อานุภาพการโจมตีเพิ่มขึ้น!
คิดถึงตรงนี้ หลินสวินเองยังอดตื่นเต้นไม่ได้
‘ก็ไม่รู้ว่าเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงในตอนนี้พังไปอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือยัง พวกซี ซย่าจื้อ… จะเป็นอย่างไรบ้าง’
หลินสวินไม่กล้าล่าช้าอีก ใคร่ครวญคร่าวๆ และเดินออกนอกแดนลับไป
ตูมโครม…
ทันทีที่เดินออกจากแดนลับ เสียงกึกก้องสะเทือนหูดังมาระลอกหนึ่ง เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย กลิ่นอายทำลายล้างปั่นป่วน
เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ออก ก็เห็นเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงที่กว้างใหญ่โอ่อ่าถึงกับพังทลายทั้งหมดแล้ว เต็มไปด้วยซากหักพัง
ถนนกว้างที่ปกติเป็นระเบียบเรียงรายเหมือนใยแมงมุม สิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่โออ่าที่หนาแน่น… ถูกทำลายไปตั้งนานแล้ว
เขม่าควันม้วนตัว เมืองใหญ่โตแห่งหนึ่งถึงกับไม่มีส่วนที่สมบูรณ์อีก!
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ห่างออกไปไกลเสียงเข่นฆ่าที่ราวกับเทพมารคำรามดังมา แสงมรรคและศาสตราจักรพรรดิน่าตกตะลึงอึงอลอยู่ตรงนั้น ปั่นป่วนท้องฟ้า สะเทือนทั่วทิศ
นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งมากมายของเผ่าเต่าดำและเสือดาวโจมตีรุกล้ำเข้ามาในเมืองปานกระแสน้ำหลาก กำลังตามฆ่าผู้แข็งแกร่งในเมือง
ภาพเช่นนี้ประหนึ่งวันโลกาวินาศ เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง นองเลือด และโหดร้าย
ทันใดนั้นหัวใจของหลินสวินขมวดเกร็งขึ้นมา
“เร็ว ฆ่าพวกเขา! อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
ห่างออกไปเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าเสือขาวรวมตัวกัน อานุภาพล้นฟ้า กำลังตามฆ่าคนของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ ถึงขั้นที่หลินสวินยังมองเห็นเงาร่างของพวกเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนเฟยเจี่ยด้วย
“บ้าคลั่งจริงๆ…”
สายตาของหลินสวินเย็นชา เงาร่างทะยานขึ้นโดยพลัน ปราณกระบี่ไท่เสวียนทะยานออกจากจุดชีพจรรอบตัวเขา ปกคลุมไปทางนั้น
ตูม โครม!
ปราณกระบี่ไพศาลราวกับมหาสมุทร ปรากฏอานุภาพไร้เทียมทาน
ชั่วพริบตาเท่านั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิเสือขาวหลายสิบคนก็ถูกปราณกระบี่แผ่กว้างสังหารจนหมด เผด็จการหาใดเปรียบ
พวกเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนเฟยเจี่ยต่างอึ้งงัน พลันเผยสีหน้าดีใจออกมา เพิ่งจะตระหนักได้ว่าหลินสวินช่วยพวกเขาเอาไว้
“ต้องทำให้ทุกท่านลำบากสักหน่อยแล้ว”
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ไม่รอพวกเลี่ยนหงซิ่วตอบรับก็เก็บพวกเขาใส่เข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุดทั้งหมด
เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงในตอนนี้ไม่มีที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยแล้ว หลินสวินเองก็ทำได้เพียงจัดแจงพวกเขาเช่นนี้ชั่วคราว
จากนั้นเขาพุ่งไปทางนอกเมือง
ระหว่างทางสามารถเห็นผู้แข็งแกร่งเผ่าเสือขาวและเต่าดำได้ทุกที่ บุคคลที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิส่วนใหญ่ล้วนเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม กำลังล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เซียนและเผ่าจักรพรรดิช่างเทพในเมือง
สำหรับเรื่องนี้หลินสวินย่อมไม่เกรงใจ ศัตรูทุกคนที่ถูกเขาพบเห็นล้วนถูกเขาสังหารทันที ไม่ปรานีเลยสักนิด
มองลงมาจากท้องฟ้าจะพบว่าทิศทางที่หลินสวินเคลื่อนไหวเป็นเส้นสายหนึ่ง ทุกที่ที่ผ่านบริเวณรอบๆ ล้วนย้อมสีเลือดเข้มข้น
นั่นเป็นเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาหลังจากศัตรูร่วงหล่น
และมีระดับจักรพรรดิรับรู้ได้ถึงตัวตนของหลินสวิน โจมตีมาจากระยะไกล เพียงแต่นี่ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย ถูกหลินสวินสังหารอย่างเด็ดขาดทั้งหมด
ระหว่างทางหลินสวินไม่ได้เสียเวลา เขารู้ดีว่าฆ่าคนที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิมากเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์
เรื่องด่วนตอนนี้คือการสังหาร ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำ!
……
นอกเมือง
การต่อสู้ดุเดือด สนามรบกระจายเป็นอาณาเขตหลายหมื่นลี้ ฟ้าดินทั้งแถบจมสู่สภาพล่มสลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นี่เป็นการต่อสู้ของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ตอนที่พลังอันสูงส่งไร้เทียมทานนั่นม้วนพัด ฟ้าดินเปลี่ยนสี สรรพสิ่งแหลกละเอียด น่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้
ไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิงนทัพเหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิ และคว้าความได้เปรียบในการต่อสู้อย่างมั่นคง อีกทั้งเมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ความได้เปรียบเช่นนี้ก็ยิ่งเห็นได้ชัด
จุดสำคัญอยู่ที่ว่าด้านจำนวนคนของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ซี ต้าหวงรวมกับพวกหวงชางเทียนก็แปดคนเท่านั้น
ทว่าอีกฝ่ายกลับมีบรรพจารย์จักรพรรดิสิบเก้าคน!
นอกจากนี้คนอย่างพวกไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิง แม้ไม่ใช่ระดับจักรพรรดิขั้นเก้า แต่ก็เป็นระดับจักรพรรดิขั้นแปดที่เหี้ยมหาญอย่างที่สุด สร้างัยคุกคามได้อย่างดี
แม้พลังต่อสู้ของซีไร้ใดเปรียบ คนเดียวรับการโจมตีของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้หลายคน แต่ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ที่อันตรายขึ้นเรื่อยๆ นี้ได้
อย่างตอนนี้หวงชางเทียนร่างกายย้อมเลือดไปนานแล้ว ร่างกายบาดเจ็บหนัก นอกจากนี้ยังมีบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ตอนนี้คนที่ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้อยู่หน้าสุดมีเพียงซี ต้าหวง รวมถึงพวกระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสามคน
ย้อนมองอีกฝ่าย บรรพจารย์จักรพรรดิสิบเก้าคน แม้บาดเจ็บเช่นกันแต่ไม่ถึงกับรุนแรง ดูเหมือนได้เปรียบอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
เห็นเช่นนี้ไป๋หลิงเจินแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “หวงชางเทียน ให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้ายรีบให้จับแต่โดยดีซะ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าเหยียบทำลายที่นี่ ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด!”
เสียงดังกังวาน สะเทือนทั่วทิศ แผ่ระหว่างฟ้าดิน
ได้ยินเช่นนี้พวกหวงชางเทียนสีหน้าไม่น่าดูอย่างที่สุด สถานการณ์ตอนนี้ปรากฏท่าทีพังทลายพ่ายแพ้แล้วจริงๆ
สิ่งที่ทำให้พวกเขากังวลกว่าคือ กำลังคนของอีกฝ่ายล้วนโจมตีไปยังร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในนั้นจะเป็นอย่างไร
“เจ้าแมวน้อย พูดพล่ามบ้าอะไร เดี๋ยวข้าจะถอดเอ็นถลกหนังเจ้าเอามาเคี่ยวน้ำแกงเนื้อกิน” ต้าหวงหัวเราะเยาะ
มันกำลังเผชิญการล้อมโจมตีของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสามคน แม้อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นผู้ถูกกระทำ ดูสะบักสะบอมอยู่บ้าง ทว่าอานุภาพยังคงอหังการอย่างที่สุด
“เจ้าหมาบ้า ยังจะกล้าไร้มารยาท ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
ไป๋หลิงเจินสีหน้ามืดทะมึน ด่าว่าเสียงเย็น ในขณะเดียวกันก็สั่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสองคน “ไป สังหารสุนัขสารเลวนี่ก่อน!”
ต้าหวงสูดหายใจเย็นเยียบ กล่าวว่า “แม้งเอ๊ย ไม่ขายหน้าหรือไร”
ถูกบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนล้อมโจมตี ทำให้มันรู้สึกกินแรงแล้ว หากเพิ่มมาอีกสอนคน… จะไหวได้หรือ
ก็ตอนนี้เอง…
“เจ้าว่าใครไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง?!”
ทันใดนั้นเสียงที่เย็นเยียบดังขึ้นกะทันหัน กึกก้องในเมือง เหมือนอสนีสะเทือนอย่างไรอย่างนั้น
หลินสวิน!
พวกซี ต้าหวง ซย่าจื้อ หวงชางเทียนและคนอื่นๆ ที่กำลังเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือดล้วนรู้สึกประหลาดใจ ช่วงเวลาที่สำคัญอย่างที่สุดเช่นนี้ เขาไม่เฝ้าอยู่ที่แดนลับ เหตุใดจึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้
สวบ!
ห้วงอากาศปั่นป่วน รุ้งยาวสายหนึ่งทะลวงอากาศ หลินสวินเท้าเหยียบรุ้งเทพเข้ามา ดวงตาดำลึกล้ำมีประกายดุจสายฟ้า เหมือนหมายจะทะลวงความลึกลับของเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
“ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วง พวกเฒ่าชราที่บุกเข้าไปในร้านช่างเทพล้วนถูกข้าคนแซ่หลินฆ่าแล้ว”
คำพูดนี้ของหลินสวินดังออกมา พวกหวงชางเทียนล้วนตื่นเต้นขึ้นมา เหมือนยกภูเขาออกจากอก กวาดความอึมครึมก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด
ย้อนมองเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิง ล้วนนัยน์ตาหดรัดเหมือนยากจะเชื่อ
ชายหนุ่มระดับจักรพรรดิขั้นสาม เหตุใดจึงกล้าคุยโวเช่นนี้
แต่ถ้าอีกฝ่ายโกหก เหตุใดจึงสามารถเดินออกมาจากแดนลับได้อย่างปลอดภัย
ชั่วขณะหนึ่งพวกเขาล้วนอดประหลาดใจไม่ได้
“เจ้าหนุ่ม อย่างเจ้านับเป็นตัวอะไร กล้าพูดจาส่งเดชเช่นนี้ เบื่อชีวิตแล้วหรือไร”
ไป๋หลิงเจินพูดอย่างเย็นชา ในคำพูดเต็มไปด้วยความดูถูก
ว่าแล้วเขาก็โบกมือ “ผู้เฒ่าเจ็ด ไปจับเจ้าเด็กนั่นซะ”
เฒ่าชราชุดเทาคนหนึ่งปลีกตัวออกจากการต่อสู้ สายตาจับจ้องหลินสวินที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตาเย็นชา ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายของระดับจักรพรรดิขั้นแปด
“หลินสวินรีบถอยเร็ว!” ต้าหวงสีหน้าเปลี่ยนไป
กลับเห็นหลินสวินยิ้มเยาะพูด “เดรัจฉานเฒ่าตัวหนึ่งเท่านั้น ดีดนิ้วก็ฆ่าได้แล้ว”
คำพูดนี้ดังออกมา ทำเอาสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าเสือขาวและเต่าดำโกรธจัดจนแทบหัวเราะออกมา เจ้าหนุ่มนี่โอ้อวดเกินไปจริงๆ!
พลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสามเท่านั้น กลับกล้าไม่เห็นพวกเขาในสายตา เห็นได้ชัดว่ารนหาที่ตายเอง!
พวกหวงชางเทียนในใจกระตุกวูบ ทั้งตกใจในความกล้าหาญของหลินสวิน และอดกังวลแทนเขาไม่ได้
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คนมากพลังมาก ได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงมีเพียงแค่ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิเท่านั้นที่สอดมือ
แต่หลินสวิน… อย่างไรก็เป็นระดับจักรพรรดิขั้นสามเท่านั้น…
สำหรับทั้งหมดนี้หลินสวินเหมือนไม่รับรู้ สีหน้านิ่งสงบและเฉยเมย ในปากพ่นประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ “วันนี้ข้าคนแซ่หลินอยากเห็นสักหน่อย ว่าพลังของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิแข็งแกร่งเพียงใด”
“เจ้าสวะ! เป็นแค่ระดับจักรพรรดิขั้นสามเท่านั้น กล้าบ้าระห่ำเช่นนี้ เสียสติไปแล้วหรือไร รีบมาตายซะ!”
ผู้เฒ่าเจ็ดที่มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นแปดสีหน้าอึมครึม ลงมือโดยพลัน ในฝ่ามือปรากฏดาบศึกที่อสนีสีม่วงพันรอบฟันผ่าลงกะทันหัน
ตูมโครม!
แสงดาบราวกับธารดาราสายฟ้าลู่ลง มาพร้อมกับอานุภาพที่รุนแรงยิ่งยวด กำราบสังหารไปทางหลินสวิน
หลินสวินพูดอย่างเฉยเมย “ข้าบอกแล้ว จัดการเจ้า ดีดนิ้วก็สามารถฆ่าได้แล้ว”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง
ชิ้ง!
เสียงครวญใสสะเทือนฟ้าดังก้อง กระบี่มรรคเล่มหนึ่งปรากฏกลางอากาศ เข้ารับประกายดาบสีม่วงนั่น การปะทะของทั้งสองประหนึ่งมหาดาราระเบิดออก ฟ้าดินกึกก้อง ห้วงอากาศระเบิดออกปั่นป่วนโกลาหล
ตูม!
ชั่วพริบตาเท่านั้นก็เห็นดาบศึกสายฟ้าสีม่วงระเบิดออก ประหนึ่งทำจากกระดาษเปื่อย
ที่ตามมาติดๆ คือเงาร่างของผู้เฒ่าเจ็ดยังไม่ทันหลบ ก็ถูกกระบี่มรรคที่ฟันมาอย่างรุนแรงผ่าแหวกทั้งเป็น!
——