แย่แล้ว!
ไป๋หลิงเจินสีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเริ่มการต่อสู้เท่านั้น ชั่วพริบตาเดียวสถานการณ์กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจเช่นนี้
หนึ่งกระบี่สังหารระดับจักรพรรดิขั้นแปด เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับมหาจักรพรรดิหนุ่มระดับจักรพรรดิขั้นสามคหนึ่ง เหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกหวงชางเทียนก็ล้วนตะลึง ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นเพียงความสามารถในการหลอมอาวุธที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาของหลินสวิน ไม่คิดว่าเขาจะถึงกับแข็งแกร่งขนาดนี้
ระหว่างระดับจักรพรรดิขั้นสามและระดับจักรพรรดิขั้นแปด ต่างกันไม่ใช่แค่ขั้นเดียว!
เขาทำได้อย่างไร
ภายใต้อาทิตย์อัสดงดั่งสีเลือด หลินสวินยืนอยู่เพียงลำพัง ผมยาวดกหนาพลิ้วไหว อานุภาพรอบตัวดุจดั่งหุบเหวว่างเปล่า มีอานุภาพราวกับหนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นทหารมิอาจกล้ำกราย
ชิ้ง!
กระบี่มรรคครวญใส ย้อนกลับในเตาหลอมตรงหน้าหลินสวิน และทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหมดสังเกตเห็นศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ชิ้นนี้
เพียงแวบเดียวสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นต่างเผยสีหน้าตะลึงอย่างอดไม่ได้
นี่มันเตาอะไร
แสงมรรคคละคลุ้ง ไพศาลไม่เสื่อมสูญ ราวกับสามารถกำราบทั่วหล้า แผ่กลิ่นอายที่ทำให้คนหวาดหวั่นออกมา
มันพิเศษเกินไป แม้ลอยอยู่ตรงนั้น กลับเหมือนนายเหนือหัวแห่งศาสตราจักรพรรดิ พรั่งพรูอานุภาพเรืองรองที่สามารถสั่นคลอนนิรันดร์กาลได้ออกมา!
ทุกคนนึกถึงปรากฏการณ์ประหลาดสะดุดตาที่สะท้อนอยู่บนเวิ้งฟ้าเมื่อไม่นานมานี้ขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย นึกถึงเตาหลอมใหญ่ที่ถูกแสงมงคลมหามรรคมากมายล้อมพิทักษ์ กดดันฟ้าดาราทั่วหล้า!
ที่แท้ ถึงกับเป็นสมบัติชิ้นนี้!
ทุกคนพลันเข้าใจ ตระหนักได้ว่านี่คือศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่หลินสวินหลอมขึ้น และปรากฏการณ์ที่สะท้อนบนเวิ้งฟ้าเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดจากศาสตราจักรพรรดินี้
เฒ่าดึกดำบรรพ์จำนวนไม่น้อยของเผ่าเสือขาวและเต่าดำอดหวั่นไหวไม่ได้ สายตาก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อน
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เรียกได้ว่ายากจะมีตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันอย่างแน่นอน!
“สมบัติดี!”
นัยน์ตาไป๋หลิงเจินเผยประกายน่ากลัว สีหน้าเยียบเย็น “ดูออกว่าเพราะยืมอานุภาพของสมบัตินี้ จึงทำให้พลังต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมา แต่คนอย่างเจ้าคู่ควรกับยอดสมบัติเช่นนี้หรือ”
“ผู้อาวุโสสาม ขอท่านไปจับเจ้าหนุ่มนั่น จำไว้ว่าอย่าทำอันตรายจนถึงชีวิตเด็ดขาด หลินเต้ายวนคนนี้เป็นถึงมหาปฐมาจารย์หลอมอาวุธที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเชียว”
พอสิ้นเสียง ชายชุดเขียวที่เดิมทีขับเคี่ยวอยู่กับเฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าหงส์เซียนคนหนึ่งปลีกตัวออกมาโดยพลัน
เขาเงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงยาว เอ่ยว่า “มหาปฐมาจารย์หลอมอาวุธหรือ เผ่าเสือขาวของเราขาดคนทำเรื่องจุกจิกเช่นนี้อยู่พอดี!”
เสียงประหนึ่งฟ้าร้อง กลิ่นอายระดับบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งร่างอบอวลฟ้าดิน น่ากลัวไร้ยิ่งยวด
ตูม!
ชายชุดเขียวลงมืออย่างเหี้ยมหาญ คว้ามือออกไป มือใหญ่ยักษ์ที่บังฟ้าคลุมตะวันควบรวมกลางอากาศ ปกคลุมลงมายังหลินสวิน
ซี ต้าหวง ซย่าจื้อที่กำลังต่อสู้ดุเดือดกับบรรพจารย์จักรพรรดิกลุ่มหนึ่งนัยน์ตาหดรัด
พวกหวงชางเทียนก็หน้าเปลี่ยนสีไป
บรรพจารย์จักรพรรดิลงมือ จะปกติได้อย่างไร
วู้ม!
กลับเห็นตรงหน้าหลินสวิน เตากระบี่หนึ่งเดียวส่งเสียงกึกก้อง ปลดปล่อยแสงมรรคเต็มฟ้า พุ่งชนมือยักษ์ที่ปกคลุมลงมานั้น เสียงปะทะดังสนั่นดั่งอสนีบาต บริเวณที่เข้าปะทะกันเกิดประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นชั้นๆ ทำเอาห้วงอากาศรอบๆ พังทลายโครมคราม
ที่น่าเหลือเชื่อคือ หนึ่งฝ่ามือนั้นของชายชุดเขียว กลับถูกเตากระบี่หนึ่งเดียวสลายไป!
ทั้งที่นั้นล้วนตาค้าง ไหวหวั่นกับเรื่องนี้
อานุภาพแห่งบรรพจารย์จักรพรรดิสามารถกำราบระดับจักรพรรดิทั้งปวงได้ เรียกได้ว่าเป็นพวกชั้นยอดบนเส้นทางมรรคจักรพรรดิ สามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘ยักษ์ใหญ่เทียมฟ้า’ ที่เหยียดหยันทั่วหล้าอย่างแท้จริง!
หนึ่งการโจมตีของคนระดับนี้ กลับถูกศาสตราจักรพรรดิในมือมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่งขวางไว้ นี่พาให้คนสะท้านไหวยิ่ง
แม้แต่ชายชุดเขียวยังอึ้งงัน ยากจะเชื่อ
อันที่จริงสิ่งที่เตากระบี่หนึ่งเดียวสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ คือแก่นอัศจรรย์ของเกราะไร้บกพร่อง ป้องกันได้อย่างไร้ที่เปรียบ ไม่อาจสั่นคลอน มหัศจรรย์อย่างที่สุด
และหลินสวินในตอนนี้เลือดลมรอบตัวก็พลิกม้วนไประลอกหนึ่ง ในใจจำต้องยอมรับว่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิน่ากลัวยิ่งยวดจริงๆ ยากจะเอาชนะ
ควรรู้ว่าพลังปราณของเขาตอนนี้เป็นระดับจักรพรรดิขั้นสามขั้นสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งยังครอบครองอาวุธสังหารอย่างเตากระบี่หนึ่งเดียว ทว่าในการปะทะซึ่งหน้ากลับยังคงรู้สึกถึงแรงกดดันยิ่งยวด แค่คิดก็รู้ว่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิวิปริตเพียงใด
แค่คำว่าบรรพจารย์ กลับคล้ายห่างกันยาวไกลยากจะก้าวผ่านได้
ทว่าหลินสวินมาคราวนี้ ไม่มีความคิดที่จะปะทะกับบรรพจารย์จักรพรรดิ
“เฒ่าสารเลว เจ้าก็รับข้าหนึ่งกระบวนท่า!”
หลินสวินส่งเสียงคำราม กระบี่มรรคหนึ่งเดียวพุ่งออกมา ปรากฏปราณกระบี่ไร้สิ้นสุด สำแดงมรดกมรรคกระบี่ของจักรพรรดิกระบี่จูคง
ฉัวะ!
ปราณกระบี่พริบไหว สามชุ่นสงัดนิรันดร์!
และเมื่อสำแดงผ่านกระบี่มรรคหนึ่งเดียว อานุภาพของกระบี่นี้จึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทันที สิ่งนี้เกิดจากความมหัศจรรย์ของขวดไร้ขอบเขต
“หึ!”
ชายชุดเขียวสะบัดมือ กฎเกณฑ์ราวกับกระแสน้ำโจมตีกระบี่นี้จนยับเยิน “เจ้าตัวจ้อย ด้วยพลังของเจ้าคู่ควรให้ประมือกับข้าด้วยหรือ มานี่ซะดีๆ!”
เขาก้าวเดินกลางความว่างเปล่า เสื้อผ้าพลิ้วไหว ห้านิ้วยื่นออกไป ห้วงอากาศล้วนฉีกออก คว้าไปทางหลินสวินผ่านอากาศ กระแสพลังฝ่ามือที่ไร้เทียมทาน เหมือนภูเขาถล่มมหาสมุทรซัดสาดพลุ่งพล่าน
ดวงตาดำของหลินสวินนิ่งสงบ สำแดงมรดกมรรคกระบี่แห่งตนออกมาเต็มกำลัง
อย่างเช่นมรรคชักกระบี่ มรรคคุมกระบี่ มรรคกระบี่ดั่งใจของจักรพรรดิกระบี่จูคง
อย่างเช่นคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน
อย่างเช่นกระบี่พิฆาตมรรคชั่วพริบตา
อย่างเช่นไปไร้หวน
มรดกมรรคกระบี่ทุกประเภทหลอมเข้าไปในมรรควิถีทั้งกายของหลินสวินนานแล้ว เมื่อหลินสวินสำแดงและปลดปล่อยเต็มที่ยามนี้จึงปรากฏอานุภาพที่แตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง
ชั่วขณะเดียวก็เห็นเจตกระบี่เรืองรอง กึกก้องฟ้าดิน ทำให้ฟ้าดินล้วนถูกแสงมรรคที่พร่างพราวสะดุดตานั้นส่องสว่างทั่วทิศ
ในฐานะบรรพจารย์จักรพรรดิ แม้ชายชุดเขียวไม่กลัว แต่ในชั่วขณะหนึ่งกลับถูกการจู่โจมที่ราวกับพายุคลั่งนี้สกัดกั้น ทำได้เพียงสลายอย่างต่อเนื่อง
และการโจมตีของเขาล้วนถูกเตากระบี่หนึ่งเดียวขวางไว้ทุกครั้ง อย่าว่าแต่กำราบและจับหลินสวิน กระทั่งเข้าใกล้ยังเป็นไปไม่ได้
“นี่…” ไป๋หลิงเจินตาค้างยากจะเชื่อ
ไม่เพียงแค่เขา พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่รอบๆ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือพวกพ้อง ยามเห็นเหตุการณ์นี้ก็ล้วนอดประหลาดใจไม่ได้
และทั้งหมดนี้สำหรับชายชุดเขียวแล้ว กลับทำให้ใบหน้าชราของเขาหม่นแสง
เป็นถึงบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ในชั่วขณะกลับไม่อาจทำอะไรระดับจักรพรรดิขั้นสามได้ หากกระจายออกไปจะต้องเป็นรอยด่างทั้งชีวิตของเขาอย่างแน่นอน
กลับเห็นว่าจู่ๆ หลินสวินที่อยู่ในสนามรบสะบัดแขนเสื้อ เรียกธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมา กล่าวในใจว่า ‘เลี้ยงเจ้ามานานขนาดนี้ ก็ควรจะแสดงความขอบคุณให้ดีๆ’
ตูม!
บนธนูที่ประกอบจากกระดูกขาวหยาบหนาป่าเถื่อนปรากฏกลิ่นอายดุร้ายที่น่ากลัวยิ่งยวด วิญญาณอาวุธอู้เชวียซึ่งเก็บตัวอยู่ในธนูวิญญาณไร้แก่นสารตื่นขึ้นมาในชั่วขณะนี้ แปลงเป็นรูปลักษณเด็กหนุ่มผมเทา ปรากฏตัวกลางอากาศ
อู้เชวียถือธนูวิญญาณไร้แก่นสาร หลังสะพายศรเทพทั้งสี่อย่างศรนภาคราม ศรนิรันดร์ ศรแสงโชค เสี้ยวปีก กลิ่นอายดุดันรอบตัวราวกับจับต้องได้ ประหนึ่งเทพองค์หนึ่ง
เฒ่าดึกดำบรรพ์จำนวนไม่น้อยอดหันมองไม่ได้ อานุภาพดุร้ายยิ่ง!
“ไปช่วยซย่าจื้อ” หลินสวินเอ่ยปาก
อู้เชวียกวาดสายตา ก็เห็นว่างห่างออกไปหลายพันลี้ ซย่าจื้อและต้าหวงกำลังต่อสู้กับระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสามคน
เขาพุ่งไปอย่างไม่ลังเล คนยังไปไม่ถึง ศรนภาครามก็ถูกเขาใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารยิงออกไปแล้ว
ตูม!
ห้วงอากาศเหมือนถูกฉีกกระชาก เสียงฟ้าร้องก้องสะท้อน ราวกับเทพมารร่ำไห้ก้องกังวานอยู่รางๆ
ศรนี้รุนแรงหาใดเปรียบ อานุภาพราวกับอสนี!
ในเวลาเดียวกันหลินสวินสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ดาบหักปรากฏตัว พุ่งทะยานเข้าทางซย่าจื้อและต้าหวงพร้อมกับอู้เชวีย
‘ดาบหัก เจ้ามีวิญญาณอาวุธแล้วก็ควรจะต่อสู้เอง อย่าทำให้ข้าผิดหวัง…’ หลินสวินลอบกล่าวในใจ
สวบ!
ดาบหักที่มืดมนไร้แสงปลดปล่อยประกายเจิดจ้าท่วมฟ้า ไอดุร้ายทะยานสู่ฟ้า เงาร่างน่ากลัวที่หลับใหลอยู่ในส่วนลึกของดาบหักก็ตื่นขึ้นในตอนนี้
สวบ!
ชั่วพริบตาดาบหักกลายเป็นลำแสงหนึ่ง พุ่งโจมตีไปในสนามรบ
ก่อนหน้านี้ต้าหวงและซย่าจื้อร่วมมือกัน ก็ทำได้เพียงต้านการโจมตีของบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนไว้เท่านั้น สถานการณ์เป็นรองและทุลักทุเลอย่างมาก
ทว่าพออู้เชวียและดาบหักเข้าร่วม สถานการณ์ก็เกิดกาเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
อู้เชวียมือกระชับธนูวิญญาณไร้แก่นสาร อยู่ห่างไกล ใช้ศรเทพทั้งสี่อย่างนภาคราม นิรันดร์ แสงโชค เสี้ยวปีกลอบโจมตีระยะไกล จู่โจมฉับพลัน ทั้งยังเผด็จการรุนแรง มรรคธนูถึงขั้นที่ตะลึงโลกโดยแท้
ศรเทพเหล่านั้นทำให้สถานการณ์การต่อสู้อลหม่านทันที บรรพจารย์จักรพรรดิทั้งสามแม้พลังวิชาไร้ขอบเขต แต่ก็ถูกขัดจังหวะการต่อสู้
นี่ทำให้สีหน้าของพวกเขาต่างไม่น่าดูขึ้นมา
บรรพจารย์จักรพรรดิหนึ่งในนั้นยิ่งเดือดดาล เคลื่อนย้ายผ่านอากาศหมายจะไปสังหารอู้เชวีย ทว่าเพิ่งอยู่กลางทางก็ถูกดาบหักซึ่งพุ่งโจมตีมาขวางไว้
ตูม!
ดาบหักซัดพลังเข่นฆ่าที่รุนแรงดุเดือด ภายใต้การฟันเดียว ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดินั่นอดหวาดหวั่นไม่ได้ เผยสีหน้าตกใจ
และจากโอกาสนี้ ต้าหวงและซย่าจื้อล้วนหลุดจากสถานการณ์เป็นฝ่ายถูกกระทำ เปิดฉากโจมตี!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแทบจะในชั่วพริบตา แต่ทุกคนล้วนมองเห็นว่าเมื่ออู้เชวียและดาบหักเข้าร่วม สถานการณ์ของฝั่งต้าหวงและซย่าจื้อก็เปลี่ยนแปลงแล้ว!
ทว่านี่ยังไม่นับว่าจบ เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ กล่องกระบี่เกิดใหม่ที่เก่าแก่ปรากฏ
ครั้งนี้ไม่รอหลินสวินกำชับ วิญญาณกระบี่เย่จื่อก็ปรากฏตัว กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “หลินสวินเจ้าวางใจได้ ข้าจะสู้สุดกำลัง”
หลินสวินพยักหน้า ชี้พวกหวงชางเทียนที่อยู่ห่างออกไป “เย่จื่อ เจ้าไปช่วยพวกเขา”
“ได้!”
เสียงยังคงดังก้องอยู่ เงาร่างของเย่จื่อกลับทะยานเข้าไปในสนามรบนานแล้ว
เห็นเช่นนี้ในใจหลินสวินยิ่งนิ่งสงบ
หลายปีมานี้ระหว่างที่ส่งศาสตราจักรพรรดิต่างๆ เป็นอาหารอย่างต่อเนื่อง อู้เชวีย วิญญาณแห่งดาบหัก และเย่จื่อล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในระหว่างการหลอมแก่นพลัง
ตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะให้พวกเขาลงมือ สำแดงความสามารถแล้ว!
หลินสวินมองสถานการณ์การต่อสู้ฝั่งซีอีกครั้งแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้
ซีในตอนนี้กำลังถูกล้อมโจมตีจากบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคน การต่อสู้ดุเดือดหาใดเปรียบ สถานการณ์ไม่ถึงกับอันตราย แต่ก็ไม่ได้ดีนัก
“เจ้าสวะน้อย ถึงขั้นกล้ามองข้ามข้า!”
ทันใดนั้นเสียงตวาดที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้น
ก็เห็นชายชุดเขียวที่อยู่ห่างออกไปสีหน้ามืดทะมึน เส้นเลือดตรงหน้าผากนูนขึ้นมาเหมือนเดือดดาลอย่างที่สุด
ความจริงเขาโกรธจนปอดแทบระเบิดแล้ว ระหว่างที่หลินสวินต่อสู้กับเขา กลับยังแบ่งสมาธิไปมองการต่อสู้ของที่อื่นๆ และส่งความช่วยเหลือไปมากมาย…
นี่ไม่เห็นบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเขาอยู่ในสายตาชัดๆ!
สิ่งที่ทำให้ชายชุดเขียวโกรธที่สุดคือ ตนซึ่งเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ไม่ว่าจะลงมือและกดดันอย่างไร จนถึงตอนนี้กลับยังไม่สามารถโจมตีเตากระบี่ที่ป้องกันอยู่ตรงหน้าหลินสวินได้…
นี่น่าขายหน้าเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
หากแพร่ออกไปจะต้องกลายเป็นตัวตลกอย่างแน่นอน!
——