ฟ้าดินปั่นป่วน บรรยากาศกดดัน

พอเสียงหลินสวินเงียบลง ซี จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงต่างสั่งสมพลังไว้รอ ดวงตาจับจ้องที่ลั่วชิงเฟิงที่อยู่ไกลออกไปดุจสายฟ้า

พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าเสือขาว เต่าดำอย่างไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิงก็ระวังเป็นที่สุด กลิ่นอายพวยพุ่ง

ฮูม…

พอแสงเทพระลอกหนึ่งไหลเวียน เศษร่างกายที่เหลือของลั่วซิงเฟิง ครึ่งศีรษะที่ระเบิดไปถึงกับฟื้นคืนดังเก่าในชั่วพริบตา

เพียงแต่สีหน้ากลับซีดขาวถึงที่สุด ไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง บาดแผลตามร่างกายฟื้นฟูได้ แต่อาการบาดเจ็บสาหัสที่ได้รับก่อนหน้านี้รักษาให้หายได้ยาก

ทว่าสีหน้าคืนสู่ความสงบแล้ว เอ่ยว่า “อภินิหารหยุดเวลาขั้นที่สอง อย่างมากก็ใช้ได้เพียงสองครั้ง ถ้าใช้มากไปกว่านี้ก็จะทำร้ายไปถึงรากฐานมหามรรค ถึงขั้นทำลายมรรควิถีของตัวเอง เจ้าคิดว่าจะมีโอกาสโจมตีข้าได้สักกี่ครั้ง”

หลินสวินสีหน้าไร้อารมณ์ “ในเมื่อต้องเอาชีวิตเข้าแลก ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงชีวิต จะสนใจเรื่องการทำลายมรรควิถีเหล่านี้ไปทำไม เจ้าเฒ่า ประวิงเวลาไปก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

ตูม!

เสียงพูดยังไม่จบ ซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงพุ่งออกไป สำแดงการโจมตีดุดันถึงขีดสุด ทั้งสองก็ไม่ยั้งมือเหมือนเอาชีวิตเข้าแลกเช่นกัน

ลั่วซิงเฟิงโกรธเกรี้ยว แสงมรรคน่ากลัวประหนึ่งวังวนฟ้าดาราปะทุออกมา หมุนวนบ้าคลั่ง ปกคลุมฟ้าดินแห่งนี้ให้จมสู่ความบิดเบี้ยวพังพินาศ

กระถางหยกใบหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อเขาอย่างรวดเร็ว ขนาดเท่าหมัด สลักพันโลก รูปจำลองแห่งมารเทพมากมาย สาดประกายไร้สิ้นสุดออกมา น่ากลัวหาใดเทียบ

นี่คือสมบัติบริสุทธิ์ของลั่วซิงเฟิง นามว่า ‘กระถางมารเทพมหาสหัส’ สามารถทำลายโลกแห่งหนึ่ง ซัดจักรวาลฟ้าดาราให้แหลกได้อย่างง่ายดาย!

ขณะนี้เขาปลดปล่อยอานุภาพเหนือธรรมดาออกมาทั้งหมด พลังกฎเกณฑ์ทั้งแดนหงส์เซียนยังสะเทือน สิ่งมีชีวิตมากมายที่กระจายอยู่ในโลกนี้ล้วนหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน ประหวั่นพรั่นพรึง

และระดับบรรพจารย์จักรพรรดิในที่นั้นเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายศัตรูหรือพวกพ้องต่างศีรษะชาหนึบ ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

การโจมตีนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว หมายจะทำลายฟ้าดินแห่งนี้ชัดๆ!

ภาพน่าประหลาดปรากฏขึ้น เมื่อเงาแสงสีขาวโพลนแปลกประหลาดดุจดั่งวงเดือนแผ่กระจาย ทำให้ทุกอย่างนี้ปรากฏลักษณ์แห่งการเงียบสงัดหยุดชะงัก

ราวกับว่าภาพชะงักงันกะทันหัน!

ตูม!

ฟ้าดินแห่งนี้ราวกับระเบิดออก เวิ้งฟ้าพังถล่ม ผืนพสุธาจ่อมจม ห้วงอากาศเปลี่ยนเป็นรอยแยกเรียวยาวแผ่ขยายเหมือนกระจกแตก

พลังทำลายล้างม้วนตลบถั่งโถมนั้นแผ่ขยายไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน!

แม้หลินสวินจะเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว แต่ยังถูกซัดกระเด็นออกไปเหมือนเดิม กระอักเลือดออกมาไม่หยุด หน้าซีดเผือด บนผิวหนังยังมีรอยเลือดแตกระแหงคล้ายใยแมงมุม

แต่เขาไม่มัวสนใจเรื่องพวกนี้ ทันทีที่หยัดร่างมั่นคงก็มองออกไปทันที

ฝุ่นควันถาโถม กลิ่นอายทำลายล้างไหลเวียน มีเสียงร้องดังลั่นเป็นระลอกอยู่ตลอด

ยังไม่ทันมองดีๆ เงาร่างซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงถลาออกมาคว้าหลินสวินออกจากที่เดิม

ตูม!

ฟ้าดินแห่งนี้พังพินาศ เหนือเวิ้งฟ้าถึงกับยังมีทิวทัศน์ฟ้าดาราจักรวาล ดวงดารามากมายเผผยออกมา ประหนึ่งว่าเพดานโค้งที่ปกคลุมอยู่เหนือแดนหงส์เซียนนี้ถูกตีทะลวง!

หลินสวินขนลุกเกรียว เมื่อครู่ถ้าไม่ได้ซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงช่วยไว้ เกรงว่าตัวเองจะรอดออกมาจากความพังพินาศนั้นได้ยาก

“ตายแล้วหรือ” หลินสวินถาม

ขณะนี้พวกเขายังคงยืนอยู่เหนือห้วงอากาศสูงไกลลิบ

ซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงที่อยู่ใกล้กันล้วนส่ายหัว แววตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดหาใดเทียบ

กระทั่งผ่านไปสักพักหลินสวินถึงเห็นว่าที่ไกลออกไปอบอวลไปด้วยฝุ่นควัน ประกายแสงไหลเวียน เงาร่างยับเยินร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

กระดูกเขาเผยออก ทั้งร่างพังยับเยินอย่างหนัก ศีรษะยังถูกฟันขาด ถ้าไม่ดูดีๆ หลินสวินแทบมองไม่ออก ว่านี่ก็คือลั่วซิงเฟิงผู้สง่าทรงภูมิสุขุมเยือกเย็นก่อนหน้านี้คนนั้น

น่าอนาถเกินไปแล้ว!

รูปลักษณ์เป็นคนก็ไม่ใช่เป็นผีก็ไม่เชิง คล้ายกับศพโชกเลือดมีรูพรุน แต่เขาไม่ได้ตาย!

เรื่องนี้น่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

นกเสวียนปีกขาวหิมะตัวหนึ่งปรากฏเหนือร่างไร้หัวของเขา ยืนอยู่เช่นนั้น สายตาเจือแววเย้ยหยัน

ภาพนี้พิสดารนัก แต่ที่ทำให้ซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงสีหน้าเคร่งเครียด ก็คือนกเสวียนขาวหิมะที่ดูเหมือนไม่ได้มีอะไรพิเศษตัวนี้

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่านกเสวียนลึกลับตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อไร!

ร่างไร้ศีรษะของลั่วซิงเฟิงเปลี่ยนไปทันตา เลือดลมพวยพุ่ง คืนสู่รูปลักษณ์ในอดีตทีละน้อย เพียงแต่กลิ่นอายเปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิง สีหน้าซีดเผือดเป็นที่สุด

ขณะนี้เขามองดูนกเสวียนขาวโพลนตัวนั้น ในแววตาถึงกับเผยแววหวาดกลัวหาใดเทียบ กระทั่งทำใจเชื่อได้ยาก

“ซิงหลวน เจ้าถึงกับกล้าหนีจากเก้านรกใต้พิภพ! ไม่กลัวหัวหน้าตระกูลรู้เข้าแล้วจะฆ่าเจ้าหรือ!” ลั่วซิงเฟิงถามเสียงแหบแห้ง

“ถ้าหัวหน้าตระกูลพวกเจ้าฆ่าข้าได้ หลายปีมานี้ไยไม่ลงมือ แต่ทำได้เพียงอาศัยพลังของเก้านรกใต้พิภพกำราบข้า”

นกเสวียนที่มีนามว่าซิงหลวนเอ่ยปาก เสียงเผยความเจนโลก “คราวนี้นับว่าต้องขอบคุณเฒ่าสารเลวอย่างเจ้า ถึงทำให้ข้าฉวยโอกาสปะปนเข้าไปในสมบัติเจ้า หนีออกจากเก้านรกใต้พิภพนั่นมาได้”

ขณะที่พูดนกเสวียนก็หัวเราะขึ้นมา แต่เสียงนั้นกลับหดหู่หาใดเทียบ “ผ่านมาเนิ่นนานไม่อาจนับได้แล้วนะ… หัวหน้าตระกูลเจ้าใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก ใช้ทุกวิธีการที่มีเพื่อกำจัดเฒ่าชราอย่างพวกเรา น่าเสียดายคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ไม่มีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน หัวหน้าตระกูลอย่างเขา… ทั้งชาติก็เป็นได้ไม่เต็มภาคภูมิ!”

ลั่วซิงเฟิงกล่าวเสียงแหบ “เจ้าหนีออกมาจากเก้านรกใต้พิภพเอง แต่รู้ไหมว่าทันทีที่ถูกพบเข้าจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลี คิดจะทำอะไรกันแน่”

สายตานกเสวียนเผยแววชิงชังเข้ากระดูกดำ “ทำอะไรหรือ แน่นอนว่าแก้แค้นให้นายท่านของข้า ชิงเอาสิ่งที่เป็นของนายท่านของข้ากลับมา… เพื่อทายาทของนายท่าน!”

ปึง!

ปีกขาวโพลนของมันไหววูบ ร่างกายที่เดิมฟื้นตัวขึ้นมาของลั่วซิงเฟิงระเบิดออกทันที ฝนเลือดยังถูกแสงมรรคสีขาวโพลนทำให้ระเหยไป

และพร้อมๆ กับที่มันอ้าปากสูบ วิญญาณดั้งเดิมของลั่วซิงเฟิงก็ถูกกลืนกินจนสิ้น!

ภาพนี้ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปมองเห็นแล้วต่างตื่นตะลึงไม่หยุด ลั่วซิงเฟิงเป็นบุคคลกร้าวแกร่งน่ากลัวปานไหน กลับถูกกำราบตายเช่นนี้หรือ

นกเสวียนนามว่าซิงหลวนนั่นเป็นอริยะเทพจากไหนกันแน่

หลินสวิน ซี และจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่อยู่

แต่กลับพบว่านกเสวียนนั้นกระอักเลือดในทันใด ปีกสีขาวโพลนยังมีรอยเลือดเล็กละเอียดแตกออกชั้นหนึ่ง แต่มันเหมือนไม่สนใจ ดวงตามองไปยังหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป เผยแววประหลาดอันบ้าคลั่งก่อนถอนใจยาวเอ่ยว่า

“หุบเหวกลืนกิน… ฮ่าๆๆ สวรรค์มีตา ทำให้ในที่สุดพรสวรรค์นี้ก็สืบทอดต่อไป!”

ขณะที่พูดดวงตาของมันถึงกับมีน้ำตาหลั่งรินคล้ายร้องไห้เพราะยินดีถึงขีดสุด ทั้งคล้ายประทับใจ เผยความปรีดาที่อธิบายไม่ถูกอย่างหนึ่ง

ทุกคนจิตใจไหวกระเพื่อมไม่อาจสงบได้

ใครต่างก็ดูออกว่านกเสวียนนี้คงรู้ทุกเรื่องของตระกูลลั่วเป็นอย่างดี กระทั่งมีความรู้สึกพิเศษกับผู้ที่ครอบครอง ‘หุบเหวกลืนกิน’

และในขณะเดียวกัน เสียงอันเจนโลกของนกเสวียนก็ดังขึ้นในใจหลินสวิน

‘เจ้าหนู จำไว้ ข้ามีนามว่าซิงหลวน นานมาแล้วเคยติดตามใต้เท้าทงเทียนกรำศึกทั่วหล้าร่วมกัน ภายหลังถ้าเจ้าได้พบมารดาของเจ้า จะต้องบอกนางว่าเฒ่าชราพวกนั้นในตอนนั้นต่างตั้งตาคอยให้นางกลับมา!’

หลินสวินพลันไหวหวั่น นัยน์ตาเบิกกว้าง เคยติดตามเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ไปกรำศึกทั่วหล้าหรือ!

‘ภายในร่างข้ามีโซ่ตรวนระเบียบเก้านรกใต้พิภพผนึกอยู่ ตอนนี้เผยตัวที่นี่ เกรงว่าอีกไม่นานก็จะถูกพบแล้ว เช่นนั้นผลลัพธ์… เฮอะ ช่างมันเถอะ’

ซิงหลวนเสียงต่ำลึก ‘ขอเพียงเจ้าจำไว้ว่า ถ้าสักวันหนึ่งเจ้ามีโอกาสไปยังโลกฟากฝั่ง ตอนที่ยังไม่ได้ปลุกอภินิหารพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินขั้นสามให้ตื่นขึ้น อย่าเปิดเผยพรสวรรค์นี้เด็ดขาด’

‘อภินิหารขั้นที่สามหรือ’ หลินสวินสั่นสะท้านในใจ

พอเขากำลังจะถาม ก็พบว่าปีกของซิงหลวนนั้นมีลำแสงระเบียบพิบัติเคราะห์ลึกล้ำคลุมเครือเป็นริ้วๆ ปรากฏขึ้นมา มันเหมือนได้รับความทรมานและทารุณที่น่าสะพรึงถึงขีดสุด เปล่งเสียงคำรามเจ็บปวดอันหดหู่หาใดเทียบ

ตูม!

ชั่วพริบตาร่างซิงหลวนกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อนเต็มฟ้าเหมือนถูกเผา

“เจ้าหนู จำไว้ จะต้องกำจัดวิญญาณดั้งเดิมของลั่วเฉินนั่นทันที หาไม่พวกเขาจะตามติดเจ้าเป็นวิญญาณร้ายไม่เลิกรา!”

นี่เป็นเสียงสุดท้ายที่ซิงหลวนทิ้งเอาไว้ เผยความรีบร้อนหาใดเทียบ

หลินสวินอึ้งไป สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

การปรากฏตัวของซิงหลวนกะทันหันเกินไป ใครก็คิดไม่ถึงว่านกเสวียนอันลึกลับเช่นนี้จะปรากฏตัวในช่วงคับขันในตอนท้ายสุด ทั้งยังสังหารลั่วซิงเฟิงให้สิ้นซากด้วย

เช่นเดียวกัน ไม่มีใครคาดคิดว่ามันเพิ่งปรากฏตัวครู่เดียวก็มลายหายไปเป็นเถ้าธุลีเต็มฟ้าอย่างรวดเร็ว เหมือนประสบพิบัติเคราะห์

หลินสวินนึกถึงคำพูดที่ซิงหลวนเอ่ยเหล่านั้น ในใจก็ไม่อาจสงบได้ครู่หนึ่ง

สิ่งเดียวที่เขากล้ามั่นใจก็คือใน ‘เก้านรกใต้พิภพ’ ของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งแห่งนั้นจะต้องมี ‘เฒ่าชรา’ อย่างซิงหลวนถูกขังอยู่แน่

ในกาลเวลานับไม่ถ้วนที่ผ่านมานี้ เฒ่าชราพวกนี้รอคอยการกลับมาของมารดาตนมาตลอด!

“ไม่… นี่เป็นไปได้อย่างไร ใต้เท้าลั่วซิงเฟิง… จะมาตายแบบนี้ได้อย่างไร”

เสียงร้องดังลั่นเผยความโกรธเกรี้ยวและไม่ยินยอมดังขึ้นไกลออกไป

พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าเสือขาวและเต่าดำอย่างไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงต่างสีหน้าคล้ำเขียว ไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้

พวกเขาไม่ได้เศร้าโศกกับการจากไปของลั่วซิงเฟิง แต่เป็นเพราะหลังจากลั่วซิงเฟิงตาย จะทำให้พวกเขาไม่มีที่พึ่งพิงอีก การไปโจมตีเผ่าหงส์เซียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง!

“เสี่ยวอู่ ควบคุมกระบวนค่ายกลสังหารพวกเขา!” ทันใดนั้นหลินสวินก็ตะโกนออกมา

ตอนนี้ลั่วซิงเฟิงตายไปแล้ว เท่ากับภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง ที่เหลือก็มีแต่ไปรับมือพวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงแล้ว

“ทะยาน!”

เสี่ยวอู่โคจรกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ คลื่นผนึกไร้สิ้นสุดซัดขึ้นประหนึ่งมหาสมุทรม้วนตลบกราดเกรี้ยว บุกโจมตีพวกไป๋หลิงเจินที่อยู่ไกลออกไป

ในขณะเดียวกันเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างหวงชางเทียนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลต่างก็ออกเคลื่อนไหวอย่างอุกอาจ ก่อนหน้านี้พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้มาตลอด ตอนนี้ไฟโทสะและความชิงชังที่กดข่มมานานปะทุออกมาโดยสมบูรณ์แล้ว

พวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงหน้าเปลี่ยนสี จะยังกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร หันกายจะหนี

ไม้ล้มวานรเตลิด เมื่อลั่วซิงเฟิงตายไป จิตต่อสู้ของพวกไป๋หลิงเจินก็เหมือนพังทลาย แม้ไม่ยินยอมยิ่งยวด ทว่าตอนนี้ก็ทำได้แค่เลือกหลบหนี

หลินสวินมองดูอยู่ไกลๆ ครู่หนึ่งก็กลับเข้าไปในร้านช่างเทพ ทันทีที่นั่งลงกับพื้น อาการบาดเจ็บทั้งร่างรวมถึงความเหนื่อยล้าอ่อนแรงหาใดเทียบก็ผุดขึ้นมาทั่วร่าง

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เขาใช้อภินิหารหยุดเวลาไปสองครั้ง ทั้งยังได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตี แม้ขณะนี้อยากจะไปสู้ก็ไร้แรง

ทว่าก่อนรักษาบาดแผล หลินสวินเรียกเตากระบี่ออกมาทันที แววเย็นชาไหววูบในดวงตา ใช้พลังเฮือกสุดท้ายทั้งร่างกายกระตุ้นเตากระบี่

ตูม!

วิญญาณดั้งเดิมของลั่วเฉินที่ถูกกำราบในเตากระบี่ถูกสังหารในชั่วพริบตา หายลับไปโดยสมบูรณ์ในส่วนลึกของเตา

——