สามปีก่อนทั้งเมืองรุ้งขาวมีขุมอำนาจหอวิหคทองแดงควบคุม
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว
ภายในเมือง ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณจรัสเทพยังกล้าส่งเสียงเหิมเกริมอย่างเปิดเผย ออกประกาศจับคนของหอวิหคทองแดงที่หลบอยู่ในเมือง มองเป็นเศษเดน
เพียงคิดก็รู้ว่าในโลกมืดตอนนี้ เกรงว่าสถานการณ์ของหอวิหคทองแดงจะเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีไปนานแล้ว
หลินสวินสบตากับต้าหวงแล้วตามไปอย่างเงียบๆ
ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง
สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่หักพังแถบหนึ่งตั้งอยู่
ในเรือนหนึ่งในนั้นมีพลังผนึกที่ยากจะสังเกตเห็นปกคลุมอยู่
“ใต้เท้า กำลังที่กระจายอยู่ในโลกมืดของพวกเราหอวิหคทองแดง ต่อให้เก็บงำซ่อนตัวมานานแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์ไม่คิดจะเลิกรา สองปีนี้กำลังพลที่ซ่อนตัวเหมือนกับพวกเรา ขอเพียงถูกพบเข้าก็จะถูกโจมตีทำลายล้าง!”
หญิงงามในชุดม่วงคนหนึ่งกังวลใจนัก “อีกทั้งข้าก็ได้ข่าวมาว่าสำนักโบราณจรัสเทพปิดล้อมเมืองรุ้งขาวแล้ว ข้ากังวลว่าอีกไม่นานศัตรูจะมาหาเราถึงที่!”
รอบๆ มีผู้แข็งแกร่งหอวิหคทองแดงยืนอยู่มากมาย ต่างสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่อาจสงบในยามนี้
“ใต้เท้า พวกเราจากไปดีกว่าไหม” หลายคนเอ่ยปากเสนอ สายตามองไปที่คนผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาคร่ำเคร่ง ร่างกายผอมบางคนหนึ่ง มีนามว่าสวินโยว มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิขั้นสาม
หากเป็นแต่ก่อน สวินโยวก็คือเจ้าเมืองเมืองนี้ ครองอำนาจเบ็ดเสร็จ อิทธิพลขจรไกล
แต่สองปีมานี้กลับเหมือนจอกแหนไร้ราก ทำได้เพียงหลบซ่อนเหมือนหนู อกสั่นขวัญแขวน ไม่เป็นอันกินอันนอนทุกวันคืน!
“หนีหรือ โลกมืดที่กว้างใหญ่ ตอนนี้ต่างถูกกำลังพลของสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์ควบคุม ต่อให้พวกเราหนีไปจากที่นี่แล้วจะหนีไปที่ไหนได้”
สวินโยวเสียงขมขื่น ขมวดคิ้วแน่น
ตูม!
ก็ในตอนนี้เองพลันมีเสียงโครมครามดังขึ้น พลังผนึกที่ปกคลุมโดยรอบถูกจู่โจมอย่างรุนแรง สั่นสะเทือนไม่หยุด
ขณะเดียวกันเสียงตวาดหนึ่งก็ดังขึ้น
“เศษเดนของหอวิหคทองแดง พวกเจ้าถูกล้อมแล้ว!”
“รีบออกมารับความตายซะ!”
“เสนอหน้าออกมา!”
……
พวกสวินโยวต่างหน้าเปลี่ยนสี เพียงรู้สึกเหมือนฟ้าถล่ม คิดไม่ถึงว่าภัยพิบัติครั้งนี้จะมาเร็วปานนี้
ยามนี้สวินโยวเหมือนตัดสินใจได้ กัดฟันเอ่ยเสียงเหี้ยมว่า “อีกเดี๋ยวข้าจะเปิดเส้นทางเลือดให้พวกเจ้า หนีได้เท่าไรก็เท่านั้น!”
ทุกคนต่างเศร้าใจและโกรธเคืองอย่างอดไม่ได้
นึกย้อนถึงแต่ก่อน พวกเขาหอวิหคทองแดงมีฐานะเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด จะคิดได้อย่างไรว่าจะถูกปฏิบัติเช่นนี้
“ใต้เท้า พวกเราทนรับวันคืนที่อกสั่นขวัญแขวนเช่นนี้มาพอแล้ว ที่ท่านพูดเมื่อกี้ไม่ผิด ต่อให้หนีไปตอนนี้ แต่จะหนีไปไหนอีกได้ คราวนี้พวกเราก็จะสู้กับพวกเขา!”
หญิงชุดม่วงแววตาคลุ้มคลั่ง คล้ายหมายจะพุ่งออดไป
คนอื่นๆ ก็พากันพยักหน้า
ในเมื่อหนีไม่ได้ ก็ขอตายจากการสู้สุดชีวิตดีกว่า!
วันคืนที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องหลบหนีไปทั่วเช่นนี้พวกเขาทนมาพอแล้ว!
สวินโยวกำหมดทั้งสองแน่น ความอัดอั้นและคับแค้นอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจ กำลังจะพูดอะไร
ตูม!
กระบวนผนึกที่ปกคลุมรอบเรือนพังสะเทือนเลื่อนลั่นแล้ว
ห้วงอากาศทั้งบนล่างนอกเรือนมีเงาร่างท่าทางฮึกเหิมมากมายยืนอยู่ ต่างเป็นผู้สืบทอดที่มาจากสำนักโบราณจรัสเทพ
เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งหอวิหคทองแดงหลายสิบคนอย่างพวกสวินโยว เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียวก็ดังขึ้นทันที แววตาเผยความโหดร้ายอำมหิต
ประหนึ่งจับเหยื่อได้ฝูงหนึ่ง!
ชายชุดดำรูปร่างบึกบึนที่เป็นหัวหน้าโบกมือตะโกนว่า “จำไว้ ปล่อยไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย บั่นหัวมันให้หมด เอาศพแขวนไว้เหนือประตูเมืองให้เป็นตัวอย่าง!”
พวกสวินโยวล้วนเดือดดาล หลังจากตัดหัวยังจะเอาศพไปแขวนไว้เหนือประตูเมืองอีกหรือ
นี่เป็นการลบหลู่พวกเขาคนของหอวิหคทองแดงโดยสมบูรณ์!
“ฆ่า!”
ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณจรัสเทพที่ฮึกเหิมยิ่งเหล่านั้นร้องตะโกน พากันออกเคลื่อนไหว พุ่งเข้าไปในเรือนเหมือนตาข่ายบังฟ้า
“ไปสู้กับพวกมันเลย!”
สวินโยวคำราม ดวงตาลุกวาว
แต่ก็ในตอนที่พวกเขาคิดจะลงมือ กลับมีเสียงแค่นหัวเราะหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
จากนั้น…
ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณจรัสเทพที่พุ่งโจมตีมาเหล่านั้นต่างตัวแข็งทื่อ เงาร่างระเบิดกลางห้วงอากาศกระจายทั้งหมด ฝนเลือดสาดกระเซ็นดุจน้ำพุ
แดงฉานน่าหวาดหวั่น
พวกสวินโยวล้วนตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง เสียงแค่นหัวเราะครั้งเดียวเท่านั้น แต่กลับสังหารผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพเกือบสามสิบคนได้!
ไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำ ล้วนตายคาที่ตรงนั้น!
ภาพนองเลือดเช่นนี้ทำให้พวกสวินโยวยังรู้สึกเหนือจริง ราวกับฝันไป
“ใคร!?”
ชายร่างกำยำชุดดำซึ่งเป็ผู้นำคล้านถูกกระตุ้นอย่างแรงกล้า ตกตะลึงตวาดเสียงแหบแห้ง “ใครกล้าเป็นศัตรูกับสำนักโบราณจรัสเทพของข้า ไม่กลัวจะติดร่างแหไปด้วยหรือ”
เขายกสำนักโบราณจรัสเทพมาเพื่อข่มขู่ ความจริงล้วนแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ในใจประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด
มือใหญ่มือหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ บีบคอของชายชุดดำร่างกำยำเอาไว้ เจ้าของมือใหญ่สวมชุดขาวพระจันทร์ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาละโลกีย์ มีลักษณะของเซียนจุติลงมาอยู่กลายๆ
เป็นหลินสวิน
ข้างกายเขาต้าหวงสีหน้าอึมครึมไม่น่ามองอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเย็นชาลุ่มลึกน่าสะพรึง เอ่ยว่า “ทำไมไม่ให้ข้าลงมือ”
หลินสวินถอนใจเบาๆ “ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้น ถ้าเจ้าลงมือก็ไม่มีใครเหลือรอดแล้ว”
ต้าหวงโกรธเคืองนัก หรือพูดได้ว่าตั้งแต่หลังจากได้ยินเรื่องของศิษย์พี่รองจ้งชิว มันก็มีท่าทางเหมือนพร้อมระเบิดอยู่ทุกเมื่อ
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินไม่กล้าให้ต้าหวงเคลื่อนไหวตามใจ
ขณะพูดหลินสวินก็ลงมือค้นวิญญาณแล้ว
เวลาเดียวกันพวกสวินโยวก็ได้สติจากความสะท้านสะเทือน ดูคล้ายจำฐานะต้าหวงได้ เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ท่าน… ท่านคือจักรพรรดิสงครามคำรน!”
จักรพรรดิสงครามคำรน!
หาเรื่องพญายมได้ แต่อย่าหาเรื่องต้าหวง!
ในอดีตที่ผ่านมา กิตติศัพท์ของต้าหวงย่อมสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามล้วนหวาดหวั่น ถูกมองเป็นพวกดุร้ายอันดับหนึ่งภายใต้เจ้าหอวิหคทองแดง!
“พวกเจ้า… ต้องอดสูแล้ว…” ตอนนี้เห็นพวกสวินโยวท่าทางตื่นเต้น ต้าหวงกลับแสบจมูกอยู่บ้าง แต่ก่อนตอนนายท่านควบคุมโลกมืด คนหอวิหคทองแดงเคยถูกรังแกเช่นนี้เสียที่ไหน
ไม่เคย!
พวกสวินโยวต่างปั่นป่วนใจ เป็นจักรพรรดิสงครามคำรนจริงๆ! สำหรับพวกเขาแล้วนี่ก็เหมือนหาเสาหลักเจอ!
ต้าหวงเอ่ยเสียงเข้มทรงพลัง “พวกเจ้าวางใจได้ ภายหน้ามีข้าอยู่ จะไม่ยอมให้คนหอวิหคทองแดงคนไหนได้รับความอัปยศอีก!”
“ต้าหวง ถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับหอวิหคทองแดงในสองปีนี้จากพวกเขาที ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
ยามนี้หลินสวินค้นวิญญาณเสร็จแล้ว ชายกำยำชุดดำในมือคนนั้นกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน
“ได้” ต้าหวงพยักหน้า
เวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป
หลินสวินกับต้าหวงได้รู้เรื่องที่อยากรู้แล้ว
หลังจากจักรพรรดิสวรรค์ดำรงกับเจ้าหอวิหคทองแดงหายไปในแหล่งสถานคุนหลุนด้วยกัน ขุมอำนาจที่มีสองยักษ์ใหญ่อย่างสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์เป็นผู้นำก็ร่วมมือกัน เข้าล้อมกำราบหอวิหคทองแดงทั่วทั้งโลกมืด
สองปีมานี้อาณาเขตและเมืองที่เดิมทีมีขุมอำนาจของหอวิหคทองแดงควบคุมต่างถูกช่วงชิงและยึดครองทั้งหมด ผู้แข็งแกร่งหอวิหคทองแดงที่เก็บงำซ่อนตัวเหล่านั้นต่างถูกโจมตีชนิดทำลายล้าง หากถูกพบก็จะถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี เลือดนองถ้วนทั่ว
ผ่านมาจนถึงตอนนี้ในโลกมืดอันกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องที่เอ่ยถึงหอวิหคทองแดงแทบจะเกี่ยวข้องกับความพินาศ นองเลือด และเข่นฆ่าสังหารทั้งนั้น
และหอวิหคทองแดงก็ถูกลบชื่อออกจากสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดโดยสมบูรณ์ โลกมืดในตอนนี้มีสำนักโบราณจรัสเทพและแดนกษิติครรภ์เป็นผู้อยู่สูงสุด!
เมื่อได้รู้เรื่องพวกนี้ต้าหวงก็โกรธจนตาแดงก่ำ กัดฟันกรอด ความแค้นเต็มอกไม่มีที่ระบาย
หลินสวินยังนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ เมื่อนานมาแล้วเขาก็เคยผูกแค้นกับแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพ มีความแค้นฝังลึกระหว่างกัน
ตอนนี้หลังจากรู้สิ่งที่หอวิหคทองแดงประสบแล้ว ทำให้ในใจหลินสวินก็โกรธเกรี้ยวเช่นกัน ยิ่งชิงชังและรู้สึกเป็นปฏิปักษ์
“ต้าหวง กลับแดนอำพรางก่อน”
ในที่สุดหลินสวินก็ตัดสินใจ เขากังวลว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่แดนอำพรางจะเกิดเรื่องเช่นกัน
ต้าหวงก็คิดถึงจุดนี้อย่างเห็นได้ชัด รับปากโดยไม่ลังเล
……
แคว้นพาดประจิมเป็นหนึ่งในสามสิบสามแคว้นของโลกมืด มีหอวิหคทองแดงซึ่งเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดควบคุม
ในอาณาเขตแคว้นพาดประจิมมีมหาสมุทรโหมคลั่งสีเลือดแห่งหนึ่งนามว่า ‘มหาสมุทรเลือดไร้สงบ’ ถูกคนท้องที่ขนานนามให้เป็น ‘แดนมรณะ’ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งที่เขามาในมหาสมุทรนี้แทบจะไปไร้หวน มีแต่ตายไม่เหลือรอด!
ลือกันว่าส่วนลึกของมหาสมุทรเลือดไร้สงบมี ‘วิญญาณร้ายดึกดำบรรพ์’ ที่น่าสะพรึงยิ่งยวดจำศีลอยู่ กล่าวกันว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่แปลงมาจากไอแค้นหลังจากที่ระดับจักรพรรดิร่วงหล่น ผ่านการแปรสภาพมาไม่รู้กี่วันคืน วิญญาณร้ายดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต่างแปรเปลี่ยนเป็นน่าครั่นคร้ามถึงที่สุด
แดนอำพรางที่ถูกมองว่าเป็นแดนต้นกำเนิดของเรือนเร้นหมอก ก็ตั้งอยู่ในแดนลับที่อยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรเลือดไร้สงบแห่งนั้น
สองวันผ่านไป
หลินสวินกับต้าหวงมาถึงริมฝั่งมหาสมุทรเลือดไร้สงบ
คลื่นทะเลถาโถม ซัดฟองคลื่นสีเลือดเป็นระลอก เวิ้งฟ้าล้วนถูกย้อมด้วยสีแดงดั่งโลหิต ดูแปลกประหลาดน่าครั่นคร้าม ลมทะเลน่าหวาดหวั่นพัดมา ปะปนไปกับไอพิฆาตดุร้ายเป็นสายๆ
ตอนนั้นยามมายังแดนอำพรางเป็นครั้งแรก หลินสวินก็ได้พบจักรพรรดิยุทธ์เมี่ยฉยงผีขี้เหล้ากับต้าหวงที่นั่งเรือลำน้อยมาที่นี่
“หืม?”
ทันทีที่มาถึงริมฝั่งมหาสมุทรเลือดไร้สงบแห่งนี้ หลินสวินกับต้าหวงก็สังเกตได้ทันทีว่าริมฝั่งแห่งนี้มีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิที่แข็งแกร่งยิ่งมากมายซุ่มอยู่!
กลิ่นอายระดับจักรพรรดิเหล่านี้กระจายอยู่ตามบริเวณต่างๆ ปกคลุมฟ้าดินแห่งนี้ไว้โดยสมบูรณ์ราวกับแหฟ้าตาข่ายดิน
ไม่ว่าใครปรากฏตัวที่นี่ก็จะถูกพวกเขาสังเกตเห็นทันที!
“เป็นสวะเฒ่าแดนกษิติครรภ์กับสำนักโบราณจรัสเทพ!” ต้าหวงสีหน้าอึมครึมหาใดเทียบ สังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจ
ศัตรูปักหลักอยู่ใกล้ทางเข้าแดนอำพรางแล้ว เช่นนี้ในแดนอำพรางตอนนี้จะถูกโจมตีเช่นไร
“พวกเขาปักหลักอยู่ที่นี่ พิสูจน์ได้เพียงว่าด้วยกำลังของพวกเขายังไม่อาจพิชิตแดนอำพรางได้โดยสมบูรณ์ นี่ก็ถือเป็นข่าวที่ไม่เลวนัก”
หลินสวินรีบเอ่ย
“จักรพรรดิสงครามคำรน!?”
“หมาชั่วตัวนี้ปรากฏตัวแล้ว!”
“เจ้าคนที่อยู่ข้างหมาชั่วนั่นเหมือนจะเป็น… หลินเต้ายวนหรือ”
เสียงเซ็งแซ่ระลอกหนึ่งดังขึ้น ที่ตามมาติดๆ คือระดับจักรพรรดิซึ่งซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียงเหล่านั้นต่างกระโจนออกมา มีถึงสิบกว่าคน กลิ่นอายน่ากลัวคับฟ้าอบอวลไปทั้งร่าง
ฟ้าดินแห่งนี้สั่นระรัว สิบทิศต่างหวาดหวั่น บรรยากาศกดดัน
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่มาจากแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพต่างสังเกตหลินสวินกับต้าหวงอย่างฉงน คล้ายคิดไม่ถึงว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ อีกฝ่ายจะถึงกับใจกล้ามาปรากฏตัวที่นี่!
…………………………