สีราตรีดุจหมึก
หลังจากสองจักรพรรดิสงครามชื่อเหิงและเฟยหลิงเดินพ้นประตูภูเขา จู่ๆ ชื่อเหิงก็ถอนใจยาว “เฟยหลิง เจ้าสำนักตายแล้ว ผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิเจ็ดคนที่เหลือก็ประสบเคราะห์กันหมด ลำพังแค่เรื่องนี้ ก็ทำให้สำนักของพวกเราสูญเสียระดับจักรพรรดิไปสี่ส่วนแล้ว…”
เฟยหลิงสายตาวาบวาว “พี่ชื่อเหิงอยากพูดอะไร”
ชื่อเหิงกล่าวใคร่ครวญ “สำนักโบราณจรัสเทพในตอนนี้เหมือนมังกรไร้หัว ตอนนี้ถึงจะมีผู้อาวุโสชั้นสูงควบคุมสถานการณ์ แต่รอหลังจากจัดการหลินเต้ายวนนี่เสร็จ ช้าเร็วก็ต้องแต่งตั้งเจ้าสำนักคนใหม่”
“เจ้าอยากเป็นเจ้าสำนักหรือ” เฟยหลิงนัยน์ตาหดรัด
ชื่อเหิงหัวเราะเบาๆ กลาวว่า “ข้าคุณสมบัติไม่ถึงหรอก ช่างเถอะ รอจัดการเจ้าสวะหลินเต้ายวนนี่ค่อยหารือเรื่องนี้ก็ไม่สาย”
เฟยหลิงกล่าวทอดถอนใจ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดว่าตำแหน่งเจ้าสำนักจะตกเป็นของใครจริงๆ แต่เป็น…”
“แต่เป็นอะไร”
“การต่อสู้ที่เขาหุบเหวโลหิตทำให้สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราการโจมตีรุนแรง พี่ชื่อเหิงคิดจริงๆ หรือว่าหลินเต้ายวนนั่นจะเป็นพวกจัดการง่ายๆ ขนาดนั้น”
“มีพวกผู้อาวุโสชั้นสูงคอยชักใบนำทาง จะฆ่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้เลยเชียวหรือ”
“บางที… อาจฆ่าตายได้ แต่คิดอยากกำจัดมกุฎมหาจักรพรรดิเช่นนี้ สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราเกรงว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่อาจรับไหวเป็นแน่…”
เมื่อชื่อเหิงได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาครู่หนึ่ง เนิ่นนานกว่าจะฝืนยิ้มกล่าวว่า “อย่ากังวลเกินกว่าเหตุ ต่อให้หลินเต้ายวนนั่นจะแข็งแกร่งแค่ไหน จะสามารถทำลายสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราได้เชียวหรือ”
ขณะพูดเขาสูดหายใจลึก สายตากวาดมองรอบบริเวณ กล่าวว่า “ต่อให้ถอยหมื่นก้าว เมื่อถึงคราววิกฤตคับขันจริงๆ พวกเราแค่ต้องหลบอยู่ในสำนัก ก็พอรับประกันได้ว่าชีวิตจะไร้อันตราย!”
“ใช่หรือ”
จู่ๆ เสียงเย็นเยียบสายหนึ่งก็ดังขึ้น
ชื่อเหิงและเฟยหลิงสั่นเทิ้มทั้งตัว หมายจะตอบสนองทันทีแต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
ตอนที่เสียงนั้นดังขึ้น กรงเล็บสุนัขข้างหนึ่งก็ตะปบเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง
ปึง! ปึง!
เสียงหนักทึบดังขึ้นสองครั้ง ชื่อเหิงและเฟยหลิงเกร็งไปทั้งตัวก่อนหมดสติไป เมื่อเห็นว่าร่างจะร่วงลงจากฟากฟ้าก็ถูกต้าหวงใช้กรงเล็บคว้าไว้คนละข้าง หิ้วขึ้นมาก่อนพากลับไปด้วย
“นั่นคืออะไร”
ในประตูภูเขาจู่ๆ เสียงตกใจแกมสงสัยสายหนึ่งก็ดังขึ้น ก็เห็นเงาร่างสองสายโฉบพรวด จากนั้นแสงมรรคเจิดจ้าตามมาติดๆ ดุจคบเพลิงลุกโหมกลางราตรีมืด
ต้าหวงหรี่ตาลง เคลื่อนตัวพุ่งตัวออกไปฉับพลัน
ทว่าในความมืดยังมีเงาร่างสายหนึ่งตอบสนองไวกว่าเขา ลงมือทันทีที่เงาร่างสองสายนั่นเดินออกมาแล้ว
ปึง! ปึง!
เป็นเสียงหนักทึบสองสายอีกครา ระดับจักรพรรดิสองคนที่เพิ่งเดินออกมานั่นก็ถูกฟาดสลบตรงๆ เหมือนกัน
คนที่ลงมือก็คือหลินสวิน
เขาโยนเหยื่อยัดเข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุดลวกๆ คราวนี้จึงถลึงตามองต้าหวงปราดหนึ่ง “ตอนซุ่มรอจะส่งเสียงได้อย่างไร”
ต้าหวงอึกอักทันที “คราวหน้ารับรองว่าจะไม่ทำอีกแล้ว!”
ทว่าการเคลื่อนไหวเช่นนี้ยังคงทำให้ผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่เฝ้าระวังอยู่พื้นที่ใกล้เคียงตกใจ พากันเอ่ยปากถามขึ้น
“เป็นใต้เท้าท่านไหนเคลื่อนไหว”
นี่คือประตูภูเขาสถานที่สำคัญของสำนักโบราณจรัสเทพ ปกคลุมด้วยพลังผนึกและด่านตรวจที่เรียกได้ว่าถี่ยิบ ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีศัตรูใดกล้าเข้ามารุกราน
ฉะนั้นเมื่อสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวแปลกๆ ปฏิกิริยาแรกของผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพเหล่านั้นกลับไม่ใช่แตกตื่น แต่เป็นสงสัย
“ข้าจะเคลื่อนไหว ยังต้องรายงานพวกเจ้าด้วยหรือ”
ก็เห็นรูปร่างหน้าตาหลินสวินเปลี่ยนไปเงียบๆ กลายสภาพเป็นระดับจักรพรรดิคนหนึ่งที่ถูกจับตัว แม้แต่เสียงก็ยังเหมือนตัวจริง เผยอานุภาพสูงส่ง
“ที่แท้เป็นผู้อาวุโสชิงฉวีนี่เอง พวกข้าไม่ทราบต้องขออภัยด้วย!” ผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่เร่งเข้ามาเหล่านั้น เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาหลินสวินก็เผยท่าทีเคารพนบนอบทันที
“ถอยไปเถอะ” หลินสวินโบกมือแล้วออกไปอย่างผ่าเผย
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เห็นพิรุธใดๆ
จนกระทั่งกลับมาถึงหน้ากระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญที่เสี่ยวอู่วางไว้ หลินสวินและต้าหวงต่างปล่อยเชลยที่ถูกจับออกมา
โดยต้าหวงลงมือไต่สวนด้วยตัวเอง ไม่ทันไรก็ได้ข้อมูลบางส่วนจากปากพวกชื่อเหิง เฟยหลิงสี่คน
“ยังคิดจะใช้วิธีทำลายหอวิหคทองแดงมาบีบให้เจ้าปรากฏตัวที่นี่ วิธีการของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงนี่ช่างเหี้ยมจริงๆ!”
ต้าหวงสายตาเย็นเยียบ “เจ้าหนู เจ้าว่าต่อไปพวกเราควรทำอย่างไร”
หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เฝ้ารอต่อไป อีกอย่าง จะส่งข่าวไปให้แดนกษิติครรภ์ด้วยก็ได้ ทำตามที่บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงบอก ทำให้พวกเขาส่งคนระดับบรรพจารย์จักรพรรดิบางส่วนมาได้จะดีที่สุด”
“ได้!”
ต้าหวงสายตาทอประกาย
โจมตีสำนักโบราณจรัสเทพครั้งนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรต้องสะเทือนแดนกษิติครรภ์ทันทีแน่นอน และจะทำให้อีกฝ่ายเริ่มระวังรอบด้านอีกด้วย
แต่หากอาศัยโอกาสนี้ล่อคนใหญ่คนโตบางส่วนของแดนกษิติครรภ์มาสำนักโบราณจรัสเทพได้ ก็สามารถกำจัดไปพร้อมกันได้!
“ต้าหวงเจ้ามาจัดการเรื่องนี้ จำไว้อย่าเผยฐานะเด็ดขาด”
หลินสวินกล่าวกำชับ
ต้าหวงตอบรับว่องไวและเริ่มเคลื่อนไหวในคืนวันนั้น
…
เวลาเคลื่อนคล้อย สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในสองวันนี้การต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนยอดเขาหุบเหวโลหิตแพร่สะพัดไปทั่วทุกมุมในโลกมืดนานแล้ว เรียกความโกลาหลครั้งใหญ่!
ตั้งแต่หอวิหคทองแดงเสื่อมโทรม สำนักโบราณจรัสเทพและแดนกษิติครรภ์ก็ดุจดั่งนายเหนือหัวสูงสุด อานุภาพปิดคลุมทั่วโลกมืด
ทว่าการต่อสู้บนเขาหุบเหวโลหิตก็เหมือนฟ้าถูกเจาะขาดเป็นรู ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะเทือน!
จักรพรรดิเต้ายวน!
บุคคลที่เสมือนตำนานคนหนึ่ง อาศัยพลังตัวคนเดียวสั่นคลอนสองยักษ์ใหญ่!
การร่วงหล่นของอวี้คุนจื่อเจ้าสำนักสำนักโบราณจรัสเทพยิ่งเพิ่มอานุภาพให้หลินสวิน ทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ต่างใจสะท้านเพราะเรื่องนี้
เมฆลมแปรปรวน ทั่วหล้าปั่นป่วนสุดขีด สายตานับไม่ถ้วนล้วนจับจ้องไปทางแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพ
พบเจอการโจมตีหนักหน่วงเช่นนี้ สองยักษ์ใหญ่มีหรือจะไม่เคลื่อนไหวล้างแค้น
ไม่นานก็มีข่าวแพร่ออกมา…
“ผู้อาวุโสชั้นสูงสำนักโบราณจรัสเทพสั่งการมาว่า ภายในสิบวันหากจักรพรรดิเต้ายวนไม่มารับผิดที่สำนักโบราณจรัสเทพ จะโค่นหอวิหคทองแดงให้สิ้นซาก!”
“สำนักโบราณจรัสเทพเชิญผู้แข็งแกร่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิของแดนกษิติครรภ์ มุ่งหน้ามาเขาบรรพชนจรัสเทพเพื่อหารือเรื่องกำจัดจักรพรรดิเต้ายวนด้วยกัน!”
ข่าวทั้งสองสะเทือนทั่วหล้า ทำให้ทั่วหล้ายิ่งโกลาหลกว่าเดิม
สิบวัน!
นี่เป็นการยื่นคำขาดให้จักรพรรดิเต้ายวนหรือ
ทุกคนต่างสังหรณ์ใจ ว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่จ้องเล่นงานจักรพรรดิเต้ายวนเกรงว่าจะเปิดฉากขึ้นหน้าสำนักโบราณจรัสเทพในอีกสิบวันให้หลังแล้ว!
ไม่นานนักแดนกษิติครรภ์ก็ส่งข่าวออกมา ว่าจะส่งคนใหญ่คนโตระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนมุ่งหน้ามาเป็นแขกที่สำนักโบราณจรัสเทพ
บอกว่าเป็นแขก แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่านี่เป็นการไปเสริมทัพ!
ไม่นานฐานะของคนใหญ่คนโตระดับบรรพจารย์จักรพรรดิจากแดนกษิติครรภ์ก็ถูกล่วงรู้
แบ่งเป็น ‘บรรพจารย์จักรพรรดิต้าซวี’ ‘บรรพจารย์จักรพรรดิคูหมิง’ ‘บรรพจารย์จักรพรรดิตู้เฉิน’
แต่ละคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิต ควบคุมดูแลแดนกษิติครรภ์ตั้งแต่สมัยบรรพกาล ถึงแม้กาลเวลาไร้สิ้นสุดผ่านไป แต่ข่าวลือเกี่ยวกับพวกเขา ล้วนเคลือบแฝงอํานาจสูงสุดที่เพียงพอจะทําให้สรรพสัตว์เกรงกลัว
และในสองวันนี้ หลินสวินที่ซ่อนตัวอยู่แถวเขาจรัสเทพมาตลอดก็เห็นผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพเยอะแยะมากมายนำข่าวต่างๆ จากทั่วสารทิศกลับมายังสำนัก
และได้เห็นผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณจรัสเทพมากมายเดินออกจากประตูภูเขา
ทว่า กลับไม่เห็นคนระดับจักรพรรดิแม้แต่คนเดียว
นี่ทำให้หลินสวินที่เฝ้าตอรอกระต่ายมาตลอดอดเสียดายอยู่บ้างไม่ได้ ตอนนี้คนที่ถูกเขามองในสายตาจริงๆ ก็มีเพียงคนระดับจักรพรรดิพวกนั้นเท่านั้น
“มาแล้ว!”
และในวันนี้เอง ต้าหวงเร่งรีบกลับมา แจ้งข่าวล่าสุดที่สืบได้ บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนอย่างต้าซวี คูหมิง ตู้เฉินจากแดนกษิติครรภ์จะมาสำนักโบราณจรัสเทพในวันนี้
“แค่สามคน?” หลินสวินขมวดคิ้ว
ต้าหวงกล่าวว่า “ไม่น้อยนะ ในสามยักษ์ใหญ่โลกมืด คนระดับบรรพจารย์จักรพรรดิเดิมก็น้อยจนนับนิ้วได้ ครั้งนี้แดนกษิติครรภ์ส่งบรรพจารย์จักรพรรดิออกมาได้สามคน ก็เป็นการกระทำที่ใหญ่โตแล้ว”
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ
ลองคิดดูก็จริง สำนักโบราณอย่างสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ อาจเรียกว่าเป็นนายเหนือหัวจอมเผด็จการในโลกมืดได้
แต่เมื่อเทียบกับรากฐานพลังของสี่เผ่าวิญญาณฟ้าประทานอย่างหงส์เซียน เจินหลง เสือขาว และเต่าดำสุดท้ายก็ยังห่างกันโข วัดจากจำนวนผู้แข็งแกร่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่มีอยู่ทั้งหมดก็สามารถเปรียบเทียบความห่างชั้นได้แล้ว
“ต่อไปจะทำอย่างไร” ต้าหวงถูไม้ถูมือ
หลินสวินสายตาลุ่มลึก กล่าวว่า “ต้าหวง เจ้าว่ากำจัดบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนนี้ระหว่างทางเป็นอย่างไร”
ต้าหวงกล่าว “หากข้าลงมือแค่คนเดียว เกรงว่าคงเอาลาหัวโล้นสามคนไม่อยู่…”
“ให้ซีไปกับเจ้าด้วย” หลินสวินกล่าวตัดบท
ต้าหวงอ้าปากหัวเราะขึ้นมาทันที ใช้กรงเล็บตบหน้าขาหนึ่งฉาด “งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว!”
“ดี เอาแบบนี้แหละ”
หลินสวินทำการตัดสินใจ
จากนั้น ต้าหวงและซีก็ออกไปพร้อมกันเงียบๆ
…
สำนักโบราณจรัสเทพ
“เหตุใดผ่านไปสองวันแล้วยังไม่เห็นพวกชื่อเหิง เฟยหลิงสองคนส่งข่าวกลับมาเลย” ภายในโถงใหญ่สำนัก บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงที่เหมือนเด็กหนุ่มก็ขมวดคิ้วเอ่ยปากขึ้น
ภายในโถงใหญ่ คนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มสบตากัน ล้วนสงสัยกันเป็นแถบเช่นกัน
มีคนกล่าวครุ่นคิด “บางที ผู้อาวุโสสองคนล้วนกำลังยุ่งกับเรื่องจัดการหอวิหคทองแดงเต็มกำลังอยู่กระมัง”
“แต่ตอนนี้ ก็ไม่มีข่าวว่าจะจัดการหอวิหคทองแดงส่งกลับมาเหมือนกัน”
บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงสายตาเย็นเยียบ “ส่งคนไปสืบทีว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรกันแน่”
จากนั้นก็มีคนรับคำสั่งออกไปทันที
บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงกล่าวต่อไปว่า “หากไม่ผิดคาด วันนี้บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนอย่างต้าซวี คูหมิง ตู้เฉินจากแดนกษิติครรภ์ก็จะมาถึง เมื่อเป็นเช่นนี้ การจัดการหลินเต้ายวนนั่นก็ยิ่งลอยลำกว่าเดิม”
กล่าวถึงตอนท้าย เขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
เหล่าคนใหญ่คนโตในที่นี้ต่างก็ฮึกเหิมกันใหญ่
บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงก็หัวเราะเช่นกัน แต่ในใจเขารู้ดียิ่งว่าปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือหลังจากได้รู้ข่าวเหล่านี้ หลินเต้ายวนนี่จะมาหรือไม่มากันแน่!
และนี่ก็หมายความว่าต่อให้พวกเขาเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ แต่ตราบใดที่ศัตรูไม่มา การเตรียมพร้อมทั้งหมดนี้ล้วนจะไหลหายไปตามกระแสน้ำเช่นกัน
จนกระทั่งยามดึกสงัด บรรพจารย์จักรพรรดิจากแดนกษิติครรภ์สามคนอย่างต้าซวี คูหมิง ตู้เฉิน ถึงกับยังมาไม่ถึงสำนักโบราณจรัสเทพ
นี่ทำให้พวกบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงที่รอคอยมาตลอดล้วนอดขมวดคิ้วไม่ได้ สามบรรพจารย์จักรพรรดิปรากฏตัวพร้อมกัน อิงจากความเร็วของพวกเขา น่าจะมาถึงนานแล้ว
หรือว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรระหว่างทาง
เวลาเคลื่อนคล้อยทีละนิด เมื่อแสงรุ่งอรุณพรากสีราตรี เช้าวันใหม่มาเยือน หว่างคิ้วของพวกบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงก็เผยแววอึมครึม
ในใจพวกเขาล้วนผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น
ดังคาด ในวันนั้นข่าวร้ายข่าวหนึ่งส่งเข้ามา…
สามบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างต้าซวี คูหมิง ตู้เฉิน ถูกดักสังหารระหว่างทางมุ่งหน้ามาสำนักโบราณจรัสเทพ ล้วนไม่รอดสักคน ร่วงหล่น ณ ที่นั้น!
……………………..