ถึงแม้ต้าหวงจะใจร้อน แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ารอ

ช่วยไม่ได้ หากไม่มีเสี่ยวอู่ควบคุมกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ คิดอยากบุกโจมตีขุมอำนาจใหญ่รากฐานพลังเก่าแก่อย่างสำนักโบราณจรัสเทพ แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

จู่ๆ เสียงระลอกคลื่นอากาศก็ดังขึ้นเงียบๆ ก็เห็นเงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้นกลางอากาศ โรยตัวมาเยือน

“จัดการแล้วหรือ”

ต้าหวงเอ่ยถามขึ้นทันที

หลินสวินพยักหน้าเบาๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนยอดเขาหุบเหวโลหิตให้ฟังคร่าวๆ

ต้าหวงทอดถอนใจทันที “อวี้คุนจื่อนี่เป็นพวกน่าทึ่งคนหนึ่ง นายท่านเคยบอกว่าหากคนผู้นี้เหยียบย่างระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ความสำเร็จในอนาคตไม่อาจประเมินค่าได้ คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันก้าวสู่ขั้นบรรพจารย์จักรพรรดิ กลับถูกเจ้าฆ่าตายเสียก่อน”

“เจ้ากำลังเสียดายแทนเขารึ”

หลินสวินกล่าวผ่านๆ เขากวาดสายตามองรอบบริเวณ สุดท้ายมองไปทางยอดเขาจรัสนภาที่อยู่ไกลๆ ก็ระบุได้ทันทีว่านี่น่าจะเป็นประตูภูเขาที่เข้าสู่สำนักโบราณจรัสเทพ

“ซะที่ไหน เจ้าดูไม่ออกหรือว่าข้ากำลังมีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น” ต้าหวงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

หลินสวินมองทางเสี่ยวอู่แล้วกล่าวว่า “เมื่อไหร่ถึงจะฟื้นกลับมา”

เสี่ยวอู่ที่แต่เดิมเหนื่อยจนหอบหายใจถี่ ยามเผชิญหน้าหลินสวินพลันเปลี่ยนเป็นเชื่อฟังและว่าง่ายหาใดเปรียบ กล่าวโดยไม่หยุดคิด “สามชั่วยาม”

หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ กล่าวด้วยสายตาลุ่มลึก “ครั้งนี้ต่อให้ไม่สามารถถอนรากถอนโคนสำนักโบราณจรัสเทพได้ ก็ต้องทำให้พวกเขาจ่ายค่าตอบแทนที่รับไม่ไหวออกมาให้ได้!”

ต้าหวงฮึกเหิมใจ กล่าวด้วยไอสังหารพลุ่งพล่าน “ใช่ เอาแบบนี้แหละ”

เวลาเคลื่อนคล้อย ยามราตรีมาเยือน

“แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

จู่ๆ เสียงร้องแตกตื่นก็ดังขึ้นจากไกลๆ ก็เห็นเงาร่างกลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาทางยอดเขาจรัสนภา

ผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่เฝ้าอยู่พื้นที่ใกล้เคียงต่างพากันเดินออกมา จำได้ว่าเงาร่างที่ทะยานมาอย่างเร่งด่วนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งในสำนักที่ประจำการอยู่ในโลกมืด

เพียงแต่เหล่าผู้แข็งแกร่งที่รีบมารายงานในเวลานี้ ไม่ว่าปราณสูงหรือต่ำล้วนสีหน้าแตกตื่นและกระวนกระวาย

หลังสอบถามคร่าวๆ ผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่เฝ้าประตูภูเขาเหล่านี้ต่างหน้าถอดสี เริ่มกระจายข่าวกันจ้าละหวั่น

“จักรพรรดิเต้ายวนมาตามนัดคนเดียว เจ้าสำนักอวี้คุนจื่อร่วงหล่นบนยอดเขาหุบเหวโลหิต!”

“ผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิเจ็ดคนที่ติดตามไปด้วยล้วนถูกสังหาร!”

ข่าวร้ายเช่นนี้ดุจดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ไม่นานนักก็กระจายไปทั้งสำนักโบราณจรัสเทพ เรียกความแตกตื่นระลอกหนึ่ง

“เรื่องอะไรกัน”

“รีบพูดมาเร็ว!”

“เชิญผู้อาวุโสชั้นสูงออกมาเร็วเข้า!”

…ภายในสำนักโบราณจรัสเทพวุ่นวายไปหมด ผู้คนจิตใจหวาดผวา ล้วนพรั่นพรึง ดุจดั่งฝูงมังกรไร้หัว ถูกข่าวร้ายนี้ทำให้ตกใจ

จนกระทั่งผู้อาวุโสชั้นสูง ‘บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉง’ ออกจากการปิดด่านหลายปี จึงสยบบรรยากาศปั่นป่วนวุ่นวายภายในสำนักลงได้

คืนนั้น

โถงใหญ่จรัสเทพ

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉง ผู้อาวุโสชั้นสูงเรียกรวมคนใหญ่คนโตทั้งสำนัก หารือเรื่องที่พวกอวี้คุนจื่อร่วงหล่น

“แน่ใจได้ว่าในมือหลินเต้ายวนนี่ต้องมีสมบัติลับที่สามารถต้านพลังระเบียบได้แน่นอน ถึงได้ไม่เกรงกลัวการผนึกของพลังเขาหุบเหวโลหิต”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงที่รูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่มหล่อเหลา สวมชุดสีดำนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งประธานตรงกลาง แววตาเรียบเฉยและเย็นชา เสียงก้องกระหึ่มดุจสายฟ้า ดังกึกก้องทั่วโถงใหญ่

“ขณะเดียวกันข้างกายเจ้าหมอนี่ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีรากฐานพลังที่สามารถสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิ นี่ถึงทำให้พวกอวี้คุนจื่อ รวมถึงพวกบรรพจารย์จักรพรรดิขู่เซิงแห่งแดนกษิติครรภ์ประสบเคราะห์”

บรรยากาศในโถงใหญ่กดดันจนทำให้คนหายใจไม่ทั่วท้อง

สีหน้าคนใหญ่คนโตสำนักโบราณจรัสเทพทั้งหมดล้วนอึมครึมไม่น่าดู การต่อสู้ใหญ่ครั้งหนึ่งกลับทำให้เจ้าสำนักร่วงหล่น แรงโจมตีนี้หนักหน่วงเกินไป

“พวกเจ้าทั้งหมดคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไร” บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงเอ่ยถามเสียงเข้ม

“แน่นอนว่าต้องแก้แค้น!”

“ใช่ ต้องสังหารเจ้าหลินเต้ายวนนี่ให้ได้!”

“แค้นนี้หากไม่ชำระ พวกอวี้คุนจื่อจะไม่ตายเปล่าหรือ แล้วทุกชีวิตน้อยใหญ่ในโลกมืดแห่งนี้จะมองสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราอย่างไรเล่า”

สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มเอ่ยปากเซ็งแซ่ ล้วนไอสังหารพลุ่งพล่าน ไม่ปกปิดความแค้นแต่อย่างใด

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ พวกเขาสำนักโบราณจรัสเทพยืนตระหง่านในโลกมืด เคยพบเจอความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้เสียเมื่อไหร่

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงสายตาลุ่มลึก กล่าวว่า “หลินเต้ายวนกับผู้หญิงคนนั้นร่วมเดินทางด้วยกัน พวกเจ้าคิดว่า… สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราควรส่งกองกำลังระดับไหนถึงจะสังหารพวกเขาได้”

ทุกคนต่างเบื้อใบ้ มองหน้ากันไปมา สีหน้าล้วนเปลี่ยนไปมา

จวบจนตอนนี้พวกเขาถึงจำต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่ง ว่าตอนนี้หลินเต้ายวนนั่นมีรากฐานพลังที่สามารถคุกคามสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเขาได้!

นี่ทำให้คนยากจะยอมรับในทันที

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ ในสายตาพวกเขาหลินสวินยังเป็น ‘เจ้าตัวจ้อย’ คนหนึ่งเท่านั้น

แต่ตอนนี้เขาเป็นจักรพรรดิเต้ายวนที่ชื่อเสียงเลื่องระบือทั่วหล้าฟ้าดารา! เป็นตำนานผู้บรรลุมกุฎจักรพรรดิคนแรกในรอบเกือบแสนปีที่ผ่านมา!

“พวกเจ้าล้วนตระหนักได้แล้ว ว่านอกจากให้ข้าลงมือเองแล้วพาระดับบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างน้อยสองคนไปด้วย ถึงจะมีโอกาสไปสังหารหลินเต้ายวนและหญิงคนนั้นได้”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงเสียงขุ่นเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาราวเด็กหนุ่มเปี่ยมแววเย็นเยียบ “แต่พวกเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากอีกฝ่ายมีใจหมายจะหนี ทั่วหล้าทั้งบนล่างนี้… ใครจะขวางพวกเขาได้อีก”

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปมา ล้วนเบื้อใบ้ไร้คำพูด ทำเอาบรรยากาศในโถงใหญ่ยิ่งกดดันขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนหายใจไม่ทั่วท้อง

“ยิ่งกว่านั้น พวกคนเก่าแก่ของหอวิหคทองแดง รวมถึงจักรพรรดิสงครามคำรนซึ่งเป็นกำลังชั้นเลิศของเจ้าหอวิหคทองแดงล้วนยังไม่เคยลงมือ…”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงถอนใจยาว

ความร้ายแรงของเรื่องนี้ทำให้เขาก็รู้สึกรับมือยากอยู่บ้าง

“ผู้อาวุโสชั้นสูง สำนักพวกเราประสบเคราะห์ใหญ่เช่นนี้ แม้แต่เจ้าสำนักยังสิ้นชีพถูกศัตรูทำร้าย พวกเราจะไม่ทำอะไรเลยหรือ”

มีคนเอ่ยปากเสียงอัดอั้น ทำลายความเงียบ

“ไม่มีทางแน่นอน!”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงเด็ดขาดหนักแน่น สายตาวาบประกายชวนสยอง “หลินเต้ายวนออกหน้าเพื่อหอวิหคทองแดง เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มแก้แค้นจากหอวิหคทองแดง”

ทุกคนอึ้งไปก่อน จากนั้นล้วนกระจ่างแจ้งขึ้นมา

ตอนนี้ใครก็ไม่รู้ว่าหลินเต้ายวนอยู่ที่ไหน หากเป็นฝ่ายออกไปตามหา เกรงว่าคงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร

เช่นนั้นควรบีบให้เขาปรากฏตัวอย่างไร

คำตอบง่ายมาก นั่นคือจัดการหอวิหคทองแดง!

“ขอเพียงบีบให้เขาปรากฏตัว ก็สามารถวางแหฟ้าตาข่ายดินตัดทางหนีของเขาได้แล้ว ถึงตอนนั้นให้ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิในสำนักพวกเราลงมือพร้อมกัน ก็สามารถยุติแค้นนี้ได้แล้ว”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงแววตาเหี้ยมโหด “แต่ว่า เรื่องนี้จะให้แค่สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราเคลื่อนไหวทั้งหมดไม่ได้”

“ใช่ ต้องร่วมมือกับแดนกษิติครรภ์!”

มีคนกล่าวอย่างฮึกเหิม “พวกบรรพจารย์จักรพรรดิขู่เซิงล้วนร่วงหล่นบนเขาหุบเหวโลหิตกันหมด เจ้าเฒ่าแดนกษิติครรภ์พวกนั้นมีหรือจะนิ่งดูดาย”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงออกคำสั่งทันที “ชื่อเหิง เฟยหลิง”

พลันมีระดับจักรพรรดิสองคนก้าวออกมา เป็นจักรพรรดิสงครามชื่อเหิงระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด และจักรพรรดิสงครามเฟยหลิงระดับจักรพรรดิขั้นห้า

“พวกเจ้ามุ่งหน้าไปในอาณาเขตที่สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราครอบครอง สั่งการออกไป ระดมกำลังทั้งหมดไปกำจัดขุมอำนาจของหอวิหคทองแดง กระจายข่าวให้ทั่ว ภายในสิบวันหากหลินเต้ายวนไม่มาขอรับผิดที่สำนักโบราณจรัสเทพ จะถอนรากถอนโคนหอวิหคทองแดงแน่นอน!”

“ขอรับ!”

จักรพรรดิสงครามทั้งสองรับคำสั่ง

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงหันมองอีกสองคน กล่าวว่า “ชิงฉวี เจิ้งป๋อ พวกเจ้าสองคนมุ่งหน้าไปแดนกษิติครรภ์ด้วยกัน ถ่ายทอดคำสั่งของข้า บอกว่าภายในสิบวันขอให้ส่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิมาที่สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเรา ร่วมกันสังหารหลินเต้ายวน”

“ขอรับ!”

“คนอื่นๆ ที่เหลือล้วนรอข่าวอยู่ที่นี่ ทันทีที่เริ่มเคลื่อนไหวต้องลงมือในทันที ใครกล้าอืดอาดลงโทษสถานเดียว!”

“ขอรับ!”

ทุกคนขานรับเสียงกึกก้อง บรรยากาศกดดันในโถงหายเป็นปลิดทิ้ง ทุกคนล้วนเหมือนหาแกนหลักพบ ฮึกเหิมเต็มเปี่ยม

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงมองเห็นทั้งหมดนี้ในสายตา ในใจกลับทอดถอนใจ หากการต่อสู้ปะทุขึ้นจริงๆ คิดอยากสังหารหลินเต้ายวนและหญิงคนนั้น… จะยากเย็นขนาดไหน!

สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ หลินเต้ายวนในตอนนี้เป็นคนที่ทุกคนสนใจที่สุดในใต้หล้า ฐานะมกุฎมหาจักรพรรดิสามารถทำให้ขุมอำนาจเก่าแก่ใดๆ ล้วนกลัวเกรง!

แต่คำพูดเหล่านี้บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงไม่อาจพูด หาไม่จะเท่ากับเพิ่มความน่าเกรงขามให้ผู้อื่นทำลายขวัญของตน จะส่งผลกระทบและสั่นคลอนจิตใจทั้งสำนัก

“รีบเคลื่อนไหวเถิด”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงโบกมือ

เขาเริ่มใคร่ครวญแล้วว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนมากขนาดไหนถึงจะกำจัดมหันตภัยร้ายแรงเช่นนี้ได้สิ้นซาก

สีราตรีดุจหมึก

เสี่ยวอู่ฟื้นขึ้นมาแล้ว กระปรี้กระเปร่าเต็มที่ สายตามองหลินสวินพลางกล่าวว่า “เมื่อไหร่จะลงมือ”

หลินสวินดีดหน้าผากเขาดังเปาะคราหนึ่ง “ต่อไปเวลาพูดกับข้า จำไว้ว่าต้องเรียกข้าว่าพี่ใหญ่!”

“พี่ใหญ่?” เสี่ยวอู่อึ้งไป ไม่ได้ต่อต้านหรือขัดขืนอย่างเหนือคาด ตรงข้ามกลับเผยรอยยิ้มเบิกบานหาใดเปรียบ “หลินสวิน เจ้ายินยอม… ให้ข้าเรียกเจ้าเป็นพี่ใหญ่จริงๆ หรือ”

หลินสวินตอบโดยไม่ต้องคิด “แน่นอน มีปัญหาหรือ”

“ไม่มี!” เสี่ยวอู่รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน ยิ้มเบิกบานยิ่งกว่าเก่า

ต้าหวงแค่นหัวเราะ “อยู่มาไม่รู้กี่ปียังยกคนอื่นเป็นพี่ใหญ่ ไม่รู้สึกเสียเกียรติบ้างรึ”

เสี่ยวอู่กลอกตาใส่ “เจ้าจะเข้าใจอะไร นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับพี่ใหญ่”

เสี่ยวอู่เป็นวิญญาณค่ายกล ตอนถูกหลินสวินกำราบแรกสุดในใจเขาก็ขัดขืนและต่อต้าน สิ่งที่กังวลมากที่สุดก็คือหลินสวินจะบังคับให้เขายอมรับเป็นเจ้านาย

แต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงเป็นอันขาดคือ หลินสวินถึงกับปฏิบัติต่อเขาด้วยน้ำใจฉันพี่น้อง นี่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง หากบอกว่าไม่ยินดีและซาบซึ้ง นั่นคงโกหกแล้ว

และในเวลานี้ความกังวลและต่อต้านในใจเสี่ยวอู่หายไปสิ้น ไม่ผลักไสอีกต่อไป และคอยติดตามทำงานอยู่ข้างกายร่วมกับหลินสวิน

“พี่ใหญ่ เมื่อไหร่จะลงมือ”

เสี่ยวอู่เงยใบหน้าน้อยขึ้น ถูไม้ถูมือ เขาตัดสินใจจะอาศัยโอกาสนี้แสดงฝีมือของตนให้ดีๆ สักหน่อย

“รออีกหน่อย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดใช้งานกระบวนค่ายกล”

หลินสวินสายตาลุ่มลึก ทอดมองยอดเขาจรัสนภาภายใต้ม่านราตรี พวกคนที่กลับมารายงานสำนักโบราณจรัสเทพก่อนหน้านี้ ถูกเขามองเห็นแต่แรกแล้ว

จากที่เขาคาดเดา หลังจากเฒ่าดึกดำบรรพ์ในสำนักโบราณจรัสเทพเหล่านั้นรู้ข่าวที่อวี้คุนจื่อร่วงหล่น ต้องนั่งไม่ติดเป็นแน่!

“ต้องรออีกนานแค่ไหน”

เสี่ยวอู่ยังไม่ทันใจร้อน ต้าหวงกลับรีบขึ้นมาก่อน

หลินสวินกำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ก็คล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ศึกใหญ่เช่นนี้จะโยนไพ่ตายออกมาปุบปับได้อย่างไร ค่อยเป็นค่อยไปก็พอ ต้าหวง มีปลาหลายตัวโผล่เหนือผิวน้ำแล้ว”

ขณะพูดเงาร่างเขาขยับไหว เหินขึ้นอากาศเงียบๆ

ต้าหวงอึ้งไป จากนั้นนัยน์ตาวาววับ กระโจนขึ้นไปดังผึง ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงแน่นเต็มปาก “แม่งเอ๊ย ขืนยังไม่ออกมาอีกข้าคงหงุดหงิดตายแล้ว บอกไว้ก่อน เหยื่อพวกนั้นล้วนเป็นของข้า เจ้าอย่าแย่งแม้แต่ตัวเดียว!”

——