บทที่ 1970
ซ่งหวั่นถึงน่าจะพึ่งยาเม็ดนั้นที่ตัวเองให้เธอ ดั่งนั้นเธอจึงสามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้
ดังนั้น เย่เฉินรีบถามอีกครั้ง:”นานาโกะ คนของคุณหาตัวซ่งหวั่นถึงเจอหรือยัง?”
อิโตะนานโกะส่ายหัวและพูด:”ตอนนี้พวกเขากำลังติดตามคุณซ่งจากร่องรอยที่เธอทิ้งไว้ แต่พวกเขายังไม่พบตัวเธอเลย แต่ฉันเชื่อว่าถ้า
เธอยังมีชีวิตอยู่และพวกเราจะหาเธอเจออย่างแน่นอน”
ขณะพูด อิโตะนานโกะก็พูดอีกครั้ง:”เย่เฉินซัง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากจากกรมตำรวจนครบาล ได้ไปที่เขตนิชิทามะโตเกียวเพื่อ
ค้นหาเบาะแส ฉันเชื่อว่าพวกเขาก็ไปค้นหาตัวคุณซ่งเหมือนกัน และพวกเขามีเฮลิคอปเตอร์จำนวนมาก เหมาะกับการค้นหาเป็นวงกว้างและช่วย
เหลือ ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะหาคุณซ่งเจอในไม่ช้า”
เย่เฉินส่ายหัวและพูดอย่างเคร่งขรึม:”สาเหตุที่หวั่นถิงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ในความคิดของฉันน่าจะมีคนต้องการสังหารเธอ ถ้ากรม
ตำรวจนครบาลโตเกียวหาตัวเธอเจอ เรื่องนี้ก็จะปิดบังคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ ฉันเกรงว่าอีกฝ่ายคงจะคิดสังหารเธออีก”
เมื่อพูดจบ เย่เฉินรีบถามเธอทันที:”นานาโกะ คุณได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้หรือยัง?”
อิโตะนานาโกะพยักหน้าและพูด:”มันจอดอยู่บนลานจอดเฮลิคอปเตอร์ พร้อมเดินทางได้ทุกเมื่อ!”
“ดีเลย งั้นรีบออกเดินทางกันเถอะ!”
เฮลิคอปเตอร์บินออกจากสนามบินเฉิงเถียนอย่างรวดเร็ว บินผ่านครึ่งเมืองของโตเกียวและมุ่งหน้าไปที่เขตนิชิทามะโตเกียว
ในเวลานี้ เขตนิชิทามะโตเกียวที่เคยเงียบสงบ จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนับพันนายจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว และหน่วยรบพิเศษมาถึงที่นี่ มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำเปิดไฟสปอตไลท์
ขนาดใหญ่บินไปทั่วบริเวณกูเขาเพื่อค้นหา
ในที่มืด นินจาของตระกูลอิโตะแอบอยู่ในหุบเขาและติดตามจากร่องรอยที่ซ่งหวั่นถึงทิ้งไว้
ซ่งหวั่นถิไม่ได้เป็นนักต่อสู้ และไม่ได้เป็นยอดฝืมือ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถซ่อนร่องรอยของตัวเองได้
นินจาที่ป็นหัวหน้านั้นฉลาดมากๆ เขาตามร่องรอยที่ซ่งหวั่นถิงทิ้งเอาไร้ และบอกให้นินจาคนอื่นๆลบร่องรอยที่ซ่งหวั่นถึงทิ้งไว้ด้วย
เมื่อทำแบบนี้ ก็ไม่มีใครสามารถหาร่องรอยที่ซ่งหวั่นถึงทิ้งไว้ได้อีก
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจของกรมตำรวจนครบาลโตเกียวจะพบรถตู้ที่เสียหายอย่างหนักจากที่เกิดเหตุ แต่ก็หาร่องรอยที่ซ่งหวั่นถึงมีชีวิต
รอดและจากไปไม่เจอ
ถ้าทำแบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ซ่งหวั่นถึงจะไม่ถูกคนอื่นหาเจอ
เจ้าหน้าที่ของกรมตำรวจนครบาลโตเกี้ยวเยอะมากๆ และพวกเขาก็มีเฮลิคอปเตอร์ตำรวจกำลังคันหาจากบนท้องฟ้า ดังนั้น พวกเขาใช้
เวลาไม่นาน ก็พบรถตู้คันที่เกิดเหตุของซ่งหวั่นถิง
หลังจากนั้น เฮลิคอปเตอร์หลายลำก็บินไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที และมีหน่วยรบพิเศษยี่สิบกว่าคนพร้อมกระสุนจริงลงมาจาก
เฮลิคอปเตอร์
เมื่อหน่วยรบพิเศษเหล่านี้ลงมา พวกเขาก็รีบปกป้องสถานที่เกิดเหตุไว้ทันที
พวกเขาตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที และยืนยันว่าภายในรถตู้มีผู้เสียชีวิตสองคน หลังจากนั้นพวกเขาก็ค้นหาจากตำแหน่งของรถตู้ขึ้นไปที่
หน้าผา และพบศพเลขาของซ่งหวั่นถึงที่อยู่กลางหน้าผา
ดังนั้นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ก็รายงานไปยังกรมตำรวจผ่านเครื่องวิทยุสื่อสารทันที:”พวกเราเจอสถานที่เกิดเหตุแล้ว รถตู้ที่เกิดเหตุตรงกับ
รถตู้ที่ได้จากกล้องวงจรปิด พวกเราพบศพสามศพในสถานที่เกิดเหตุ หนึ่งในนั้นได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้หญิงแซ่เฉินที่อยู่ข้างๆซ่งหวั่นถึง ส่วน
สองศพโดนไฟหม้จนกลายป็นเถ้ากระดูก พวกเรายืนยันได้แค่ว่าเป็นผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคน แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้
เป็นใคร”
ผู้บัญชาการรีบถามผ่านวิทยุทันที: “ในสถานที่เกิดเหตุมีเบาะแสอื่นๆอีกไหม? ตอนนี้พวกคุณพบศพแค่สามศพ แต่พวกเราได้ภาพจาก
กล้องวงจรปิด ขณะที่รถตู้ออกจากโรงแรม ภายในรถมีทั้งหมดสี่คน หนึ่งในนั้นเป็นคนขับ อีกสามคนแบ่งเป็น คนแรกคือซ่งหวั่นถึงและอีกสอง
คนคือเฉินย่าน และจางเสี่ยวฮุ่ย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีแค่สามศพ!”
ผู้รับผิดชอบของหน่วยรบพิเศษพูด:”สถานที่เกิดเหตุพบเพียงแค่สามศพเท่นั้น และโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นมันรุนแรงมากๆ เป็นไปไม่
ได้ที่จะมีผู้รอดชีวิต และในสถานที่เกิดเหตุก็ไม่พบร่องรอยของผู้รอดชีวิตเลย”
ผู้บัญชาการพูดด้วยน้ำเสียงงุนงง:”เรื่องนี้ ผิดปกติมากๆ! มีคนสี่คนขึ้นรถ แต่เมื่อเกิดเหตุกลับเหลือแค่สามคน อีกคนหนึ่งหายไปไหน
แล้ว?”