ชั่วพริบตาเท่านั้นห้วงอากาศปั่นป่วน ปรากฏเงาร่างสามร่าง
ผู้นำคือเฒ่าชราชุดดำคนหนึ่ง เท้าเหยียบเมฆมงคล เงาร่างสูงโปร่ง ดวงตาทั้งคู่วาบประกายศักดิ์สิทธิ์อสนีที่น่ากลัว
สองฝั่งของเขา คนหนึ่งเป็นชายตัวสูงใหญ่เครางอที่สวมเกราะสีดำ อีกคนคือหญิงรูปลักษณ์งดงามในชุดแดงเพลิง สวมเกี้ยวประดับขนนกบนศีรษะ
สามคนนี้เหยียบย่างฟ้าดารา ยามเคลื่อนย้ายชักนำแสงมรรคเป็นคลื่น มีอานุภาพยิ่งใหญ่สูงส่งของระดับจักรพรรดิ
เมื่อเห็นยานขนส่งอวกาศ รวมถึงหลินสวินและต้าหวงที่อยู่บนนั้น ชายเครางออดพูดอึ้งงันไม่ได้ “พาหมาบ้านขนเหลืองตัวหนึ่งบินข้ามฟ้าดารา นี่เห็นได้น้อยนัก”
ดวงตาของหญิงชุดแดงราวกับคมดาบ กวาดมองหลินสวินและต้าหวงคราหนึ่งก็เก็บกลับไป “ไปเถอะ เร่งเดินทางสำคัญกว่า ได้ยินว่าพวกเฒ่าชราของสามเรือนมรรคใหญ่อย่างดึกดำบรรพ์ จักรวาล โลกาสวรรค์เริ่มเคลื่อนไหวก่อนพวกเราแล้ว”
หลินสวินในตอนนี้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปนานแล้ว เก็บกลิ่นอายเช่นเดียวกับต้าหวง ทั้งยังนั่งยานขนส่งอวกาศ หากไม่ใช้จิตรับรู้มองทะลุพลังรอบตัวเขา ย่อมถูกมองข้ามได้ง่ายมาก
อันที่จริงการข้ามฟ้าดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ คิดจะเจอใครสักคนก็เหมือนปาฏิหาริย์ เลือนรางอย่างที่สุด
ที่ชายเครางอคนนั้นถูกดึงดูด ก็เพราะพวกเขาตะบึงมาหลายวันแล้ว ระหว่างทางนี้เพิ่งจะเจอหนึ่งยาน หนึ่งคน และหนึ่งสุนัขเช่นนี้จึงอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
“ก็ถูก เร่งเดินทางสำคัญกว่า แม่น้ำเซียนเหินที่มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนถึงกับปรากฏบนโลกอีกครั้งอย่างยากจะเห็น โอกาสเช่นนี้มีค่ามากเกินไปแล้ว”
ชายเครางอพยักหน้า
“เจ้าพูดผิดแล้ว”
เฒ่าชราชุดดำที่เป็นผู้นำพูดแก้ให้ถูก “นี่คือทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุนที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงใช้พลังระเบียบต้องห้ามฝืนเปิดเอาไว้ เพื่อให้เราเข้าไปภายใน ไป…”
พูดถึงตรงนี้ เขาเหลือบมองหลินสวินและต้าหวงแวบหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงโบกมือพูด “ไปเถอะ”
ทั้งสามไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เห็นหลินสวินและต้าหวงที่บังเอิญพบกันอยู่ในสายตาเลย
“เมื่อครู่นี้เจ้าไม่โกรธหรือ พวกเขาด่าว่าเจ้าเป็นหมาบ้านขนเหลืองเชียวนะ” หลินสวินมองมหาจักรพรรดิสามคนที่เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศห่างออกไป
ต้าหวงแค่นเสียงขึ้นจมูก “หากข้าลงมือ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเฒ่าชราที่มาจากเรือนมรรคเหล่ามารสามคนนี้ ครั้งนี้จะเดินทางไปยังแหล่งสถานคุนหลุน จากที่พวกเขาพูด ทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุนถึงกับเป็นจักรพรรดิสวรรค์ดำรงเปิดเอาไว้…”
พูดถึงสุดท้ายมันเผยสีหน้ากังวล จักรพรรดิสวรรค์ดำรงยังมีชีวิตอยู่ แล้วนายท่านเล่า
ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว “พวกที่มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ไป พวกเราตามไปดูสักหน่อย”
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าระหว่างมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนจะได้รู้ข่าวเช่นนี้ ในใจอดเป็นห่วงสถานการณ์ของศิษย์พี่รองไม่ได้
หลินสวินพลันเก็บยานขนส่งอวกาศ เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไปกับต้าหวง ตามพวกเฒ่าชราชุดดำไป
ฟ้าดารากว้างใหญ่ เวิ้งว้างราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าหนุ่มที่เจอเมื่อครู่นี้เหมือนคนผู้หนึ่งอยู่บ้าง”
ระหว่างทางจู่ๆ หญิงชุดแดงก็ขมวดคิ้วงามเอ่ยขึ้น
“ใครหรือ”
ชายเครางอกล่าวอย่างประหลาดใจ
“หลินสวิน หลินเต้ายวน”
หญิงชุดแดงเอ่ยเสียงขรึม “แม้ข้าไม่เคยเจอเขาตัวจริง แต่รูปภาพในม้วนหยกที่เกี่ยวกับเขากลับเคยเห็นอยู่หลายครั้ง เจ้าหนุ่มเมื่อครู่นี้เหมือนหลินเต้ายวนมากจริงๆ”
เฒ่าชราชุดดำและชายเครางอสบตากัน นัยน์ตาหดรัดลงโดยพร้อมเพรียง ก่อนหน้านี้พวกเขาห่วงแต่เร่งเดินทางจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้
ตอนนี้ย้อนคิดอย่างละเอียดแล้วก็พลันนึกได้ ว่าหนึ่งคนหนึ่งสุนัขที่เจอเมื่อครู่นี้ผิดปกติจริงๆ
สงบนิ่งเกินไป!
หากเป็นผู้ฝึกปราณทั่วไป ยามเจอระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขา ใครบ้างที่จะไม่หวาดเกรงและเคารพนับถือ
“พอเจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็จำขึ้นมาได้ เจ้าหนุ่มเมื่อครู่นี้เหมือนเศษเดนน้อยจากคีรีดวงกมลมาก” ดวงตาของชายเครางอเผยประกายน่าหวาดหวั่น
“เจ้าหมอนี่ไม่ใช่เศษเดนน้อยอะไรแล้ว ตั้งแต่แดนปรินิพพานปิดม่านไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนแรกในรอบแสนปี สะเทือนไปทั่วหล้าฟ้าดาราแล้ว”
เฒ่าชราชุดดำสายตาอึมครึมน่ากลัว “หากคนที่เจอก่อนหน้านี้คือเจ้าหมอนั่นจริงๆ นี่ก็น่าสนใจแล้ว เขาเงียบหายไปสามปี ตอนนี้กลับโดยสารยานข้ามฟ้าดารา หากฉวยโอกาสนี้จับเขา…”
พูดยังไม่ทันจบหญิงชุดแดงและชายเครางอก็กระจ่างแล้ว แววตาร้อนระอุ
จักรพรรดิเต้ายวนครอบครองศุภโชคแห่งแดนปรินิพพาน ใครจะไม่หวั่นไหว
“ไป ไปดูสักหน่อย”
ว่าแล้วทั้งสามก็ย้อนกลับไป ทว่าตอนที่มาถึงบริเวณที่เจอพวกหลินสวินก่อนหน้านี้ ในฟ้าดาราอันไพศาลยังจะมีเงาร่างของพวกหลินสวินเสียที่ไหน
“เอ๋!”
ชายเครางอหัวเสีย “การปรากฏตัวก่อนหน้านี้ของพวกเราจะต้องทำให้เจ้าหมอนั่นตื่นตกใจ ถึงได้ฉวยโอกาสหนีไปแล้วแน่!”
เฒ่าชราชุดดำแผ่จิตรับรู้ปกคลุมทั่วทิศราวกับกระแสน้ำ ดำเนินการค้นหา แต่ครู่ใหญ่สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมลง
ในพื้นที่แถบนี้ถึงกับไม่มีร่องรอยที่ควรค่าใดๆ เลย
“ถึงอย่างไรก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิ อิงตามบันทึกตำรา พลังต่อสู้ของเจ้าหมอนั่นตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ระดับจักรพรรดิทั่วไปเทียบได้อย่างแน่นอน สามารถหนีไปได้อย่างไร้สุ้มเสียงก็เป็นเรื่องปกติ”
แม้จะพูดเช่นนี้ในใจหญิงชุดแดงก็ไม่จำยอมนัก วาสนาครั้งใหญ่กลับพลาดไปต่อหน้าต่อตา น่าเสียดายเกินไปแล้ว
“ช่างเถอะ ไปกัน”
เฒ่าชราชุดดำสะบัดแขนเสื้อจากไป อีกสองคนตามไปติดๆ
ในมุมมืด หลินสวินและต้าหวงที่เห็นทุกอย่างสบตากัน สายตาแปลกประหลาดเล็กน้อย
“เฒ่าชราสามคนนี้ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพียงแค่ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด อีกสองคนที่เหลือคนหนึ่งเป็นระดับจักรพรรดิขั้นห้า อีกคนระดับจักรพรรดิขั้นหก สภาพเช่นนี้ยังอยากคิดไม่ซื่อกับเจ้า ช่างกล้าจริงๆ”
ต้าหวงหัวเราะฮ่าๆ
คิดๆ แล้วก็ถูก ใครจะกล้าจินตนาการว่าไม่กี่ปีหลังจากบรรลุมกุฎจักรพรรดิ หลินสวินจะทะลวงขั้นด้วยความเร็วต่อเนื่อง จนถึงระดับจักรพรรดิขั้นสี่ ขั้นแจ้งปริศนาแล้ว
และใครจะกล้าเชื่อ ว่าหลินสวินในตอนนี้สามารถไปประมือกับระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้แล้ว
หลินสวินพูดง่ายๆ “ไม่ใช่พวกเขาใจกล้า แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกมืด เห็นได้ชัดว่าไม่ได้กระจายมายังทางเดินโบราณฟ้าดารา ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้ามีความคิดเช่นนี้”
พูดจบทั้งสองก็ตามไปต่อ
ด้วยความสามารถของต้าหวง ไม่คิดให้พวกเฒ่าชราชุดดำพบร่องรอย เป็นเรื่องที่ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรแล้ว
ระหว่างทางเกรงว่ากลุ่มของเฒ่าชราชุดดำคงคิดไม่ถึงสักนิดว่า ‘วาสนา’ ที่พวกเขาคิดว่าพลาดไป กลับตามอยู่ในมุมมืดมาโดยตลอด
และระหว่างที่ตามมา จากการสนทนาของพวกเฒ่าชราชุดดำ ทำให้หลินสวินและต้าหวงได้รู้ฐานะของพวกเขา
เฒ่าชราชุดดำฉายา ‘จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยสิง’ พลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด เป็นผู้อาวุโสที่อำนาจล้นฟ้าของเรือนมรรคเหล่ามาร
ชายสูงใหญ่เครางอและหญิงชุดแดงคือ ‘จักรพรรดิสงครามฮุ่นทง’ และ ‘จักรพรรดิกระบี่หงหนี’ ตามลำดับ มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหก
ทั้งสามออกเดินทางครั้งนี้เพราะได้รับคำสั่งมาจากจักรพรรดิสวรรค์ดำรง ว่าให้มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนเพื่อจับกุมสังหารเจ้าหอวิหคทองแดงด้วยกัน!
และคนที่ได้รับคำสั่ง ไม่ใช่แค่เรือนมรรคเหล่ามาร ขุมอำนาจเรือนมรรคอื่นอย่างเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ยุทธจักร จักรวาล โลกาสวรรค์ ก็ส่งผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนเช่นกัน
นอกจากนี้ว่ากันว่าขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์และสิบเผ่านักรบใหญ่บางส่วน ก็เข้าร่วมการเคลื่อนไหวครั้งนี้ด้วย
ได้รู้ข่าวนี้หลินสวินและต้าหวงทั้งดีใจทั้งกังวล
ที่ดีใจคือ ทั้งหมดนี้ยืนยันว่าเจ้าหอวิหคทองแดงยังมีชีวิตอยู่!
ที่กังวลคือ คำสั่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ดำรง ก็รวบรวมระดับมหาจักรพรรดิในขุมอำนาจใหญ่มากมายขนาดนี้มาได้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทำให้สถานการณ์ของเจ้าหอวิหคทองแดงอันตรายอย่างที่สุด
“จะฆ่าเฒ่าชราสามคนนี้หรือไม่” ต้าหวงไอสังหารพลุ่งพล่าน กระเหี้ยนกระหือรือ
หลินสวินส่ายหน้า “อย่าลงมือโดยพลการ รอเข้าใจสถานการณ์ดีพอค่อยลงมือก็ยังไม่สาย เลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น เช่นนี้จะยิ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ของศิษย์พี่รอง”
ต้าหวงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สกัดกั้นไอสังหารในใจ เอ่ยว่า “ก็ได้แต่ต้องเป็นเช่นนี้แล้ว”
หนึ่งวันหลังจากนั้น
ในฟ้าดารากว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด ปรากฏทางระเบียบธารดาราที่ลึกลับเส้นหนึ่ง ราวกับสะพานสายรุ้งที่แคบยาวคดเคี้ยว ทอดยาวไปถึงส่วนลึกของฟ้าดาราที่มืดมิด
เส้นทางโบราณนภสินธุ์!
เส้นทางฟ้าดาราที่เชื่อมสู่แหล่งสถานคุนหลุน คงอยู่ตั้งแต่ช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน
ทุกครั้งที่แหล่งสถานคุนหลุนเปิด แม่น้ำเซียนเหินปรากฏ ผู้แข็งแกร่งที่มารวมตัวจากทั่วหล้าฟ้าดาราล้วนต้องผ่านเส้นทางโบราณนภสินธุ์ จึงจะได้เห็นเส้นทางไหลของแม่น้ำเซียนเหินและเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน
ยาตรานภสินธุ์ ย่ำแดนดินคุนหลุนผา!
มรรคคาถาที่เจ้าแห่งดวงกมลทิ้งเอาไว้ ก็เคยมีคำอธิบายของเส้นทางโบราณนภสินธุ์โดยเฉพาะ เขามองเส้นทางโบราณนภสินธุ์เป็นรองเท้า ย่างก้าวเข้าแหล่งสถานคุนหลุน ให้บรรยากาศเหนือกว่าอย่างหนึ่ง
เส้นทางโบราณนภสินธุ์ควบรวมจากหมู่ดาวนับไม่ถ้วน เหมือนเข็มขัดหยกที่เป็นประกายระยิบระยับ คดเคี้ยวและยาวไกล พาดผ่านห้วงอากาศว่างเปล่า
หลังจากพวกเฒ่าชราชุดดำอย่างจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยสิงมาถึง ก็ตรงไปที่เส้นทางโบราณนภสินธุ์ ทะยานไปยังส่วนลึกทันที
และตั้งแต่มาถึงที่นี่ พวกเขาต้องเหินทะยานเท่านั้น ไม่กล้าเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ
เหตุผลเพราะบนเส้นทางโบราณนภสินธุ์เต็มไปด้วยพลังมหามรรคที่ลึกลับคลุมเครือ หากเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะหลงทาง
หลังจากหลินสวินและต้าหวงมาถึงก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน
ตอนนั้นครั้งแรกที่หลินสวินเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน อาหูเป็นคนนำทาง ออกเดินทางจากดินแดนรกร้างโบราณ ลอดผ่านห้วงอากาศว่างเปล่าอันไพศาล ผ่านการเดินทางเกือบครึ่งเดือนกว่าจะมาถึงโลกลึกลับที่แม่น้ำเซียนเหินตั้งอยู่
เส้นทางในตอนนั้นหลินสวินลืมไปนานแล้ว จำได้เพียงว่าตอนที่อาหูนำทาง ก็ต้องพึ่งกลิ่นอายของป้ายคำสั่งเซียนเหินนำทาง
ครั้งนี้กลับแตกต่าง เขาเข้าสู่คุนหลุนผ่านเส้นทางโบราณนภสินธุ์!
“แหล่งสถานคุนหลุนแบ่งเป็นแดนสามผนึกเก้าลับ ถูกมองว่าเป็นหอบรรพจารย์มหามรรค มาพร้อมอันตรายและศุภโชค ทุกครั้งที่เปิดจะดึงดูดผู้โดดเด่นมากมายฟ้าดารา แต่คนที่สามารถรอดชีวิตได้ ในพันคนยังไม่มีแม้แต่คนเดียว เป็นแดนสมบัติมหันตภัยที่สมชื่อ ความลึกลับภายในนั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ทั้งหมด…”
ต้าหวงพูดพลางนำทาง
เมื่อนานมาแล้วมันเองก็เคยมาแหล่งสถานคุนหลุน และเคยผ่านเส้นทางโบราณนภสินธุ์เช่นกัน
“สหายยุทธ์ข้างหน้า ช้าก่อน!”
หลินสวินและต้าหวงเดินทางไปได้ไม่นาน จู่ๆ เสียงเข้มขรึมก็ดังมาจากไกลๆ พลันเห็นรุ้งศักดิ์สิทธิ์กลุ่มหนึ่งเหินทะยาน แผ่แสงประกายงดงามพร่างพราว
ชั่วขณะนี้หลินสวินและต้าหวงต่างนัยน์ตาหดรัด
…………………….