บทที่ 2098 สมบัติที่ไร้ผล

The king of War

The king of War บทที่ 2098 สมบัติที่ไร้ผล

เมื่อเห็น สวีเจิ้นฮั๋วใช้ขวดกักวิญญาณ สมบัติของตระกูลสวีเฉินจื้อจง และคนอื่นๆ ก็มีสีหน้ายินดีอย่างมาก

ความแข็งแกร่งที่หยางเฉินเพิ่งแสดงออกมาให้เห็นนั้น เพียงพอที่จะบอกแล้วว่าตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งอย่างน้อยๆ ในแดนนภาขั้นสองชั้นยอด

อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่าหยางเฉินเป็นเพียงนักบูโดที่เพิ่งฝ่าเข้าสู๋แดนนภาเท่านั้น ดังนั้นความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ต้องเป็นเพราะจิตวิญญาณของเทพมารครอบงำร่างกายของเขาให้ต่อสู้กับพวกตน

ขวดกักวิญญาณเป็นสมบัติชั้นยอดของตระกูลสวีเป็นของอาถรรพ์ที่ใช้จัดการกับจิตวิญญาณโดยเฉพาะ หากวางไว้ในที่ธรรมดาก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่หากเอามาเพื่อต่อกรกับจิตวิญญาณของเทพมารล่ะก็ ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีก

“ฉันอยากเห็นนัก หลังจากที่พี่สวีรวบรวมจิตวิญญาณของเทพมารด้วยขวดกักวิญญาณ แล้ว นายที่เป็นแค่มดตุ่นในโลกมนุษย์ จะยังหยิ่งยโสได้อีกหรือไม่?”

เจียงอานจวินหัวเราะลั่นและเอ่ยขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขาได้เห็นฉากที่สวีเจิ้นฮั๋วรวบรวมจิตวิญญาณของเทพมารด้วยขวดกักวิญญาณ ไปแล้ว

ไป๋หลี่เฉิงจี๋เองก็หัวเราะและพูดว่า “ถ้าจิตวิญญาณของเทพมารไม่ได้อยู่กับนาย นายคิดหรือไงว่าตัวเองจะทำลายม่านพลังได้?”

เฉินจื้อจงเย้ยหยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “คนโง่เง่าอย่างนาย แต่สมาคมผู้อาวุโสกลับให้นายเป็นผู้อาวุโสสี่ของจิ่วโจว เห็นได้ชัดว่าสมาคมผู้อาวุโสก็ไม่ได้มีดีอะไรเท่าไหร่!”

ในใจของฉีเฟิงเป็นกังวลมาก หากขวดกักวิญญาณรวบรวมจิตวิญญาณของเทพมารไปแล้ว หยางเฉินก็จะกลายเป็นมดตุ่นจริงๆ และถึงเวลานั้นเขาจะถูก สวีเจิ้นฮั๋วและคนอื่น ๆ สังหารอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม งานที่ผู้นำตระกูลฉีมอบหมายให้เขาคือการทำให้ หยางเฉินมีชีวิตอยู่

หยางเฉินขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็น สวีเจิ้นฮั๋วหยิบขวด ขวดกักวิญญาณออกมาและเผชิญหน้ากับเขา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าขวดกักวิญญาณคือของเล่นแบบไหน แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันบรรจุพลังจิตที่น่ากลัวมากเอาไว้

หลังจากที่ สวีเจิ้นฮั๋วหยิบ ขวดกักวิญญาณออกมา เขาก็ส่งพลังชี่ทิพย์ของตนอย่างบ้าคลั่งเพื่อกระตุ้นมัน อย่างไรก็ตาม ทั้งที่เขากำลังส่งชี่ทิพย์แทบหมดทั้งตัวเข้าไปในขวดกักวิญญาณ แต่กลับยังไม่สามารถดึงจิตวิญญาณเทพมารจากร่างของหยางเฉินได้

“รวบรวมวิญญาณ!”

สวีเจิ้นฮั๋วคำรามอีกครั้ง และครั้งนี้เขาได้อัดพลังชี่ทิพย์ทั้งหมดของเขาเข้าไปในขวดกักวิญญาณโดยตรง

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังกลืนยาชั้นนำอีกหลายเม็ดเพื่อเติมชี่ทิพย์ในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ขวดกักวิญญาณยังคงไม่มีผลกับหยางเฉิน อีกทั้งยังไม่ได้ดึงจิตวิญญาณเทพมารไปด้วย

สิ่งนี้ทำให้ สวีเจิ้นฮั๋วกังวลใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลสวีเขารู้อย่างชัดเจนว่าขวดกักวิญญาณนั้นน่ากลัวมากขนาดไหนต่อจิตวิญญาณ

จากความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับ ขวดกักวิญญาณขอแค่ใช้ชี่ทิพย์เพียงเล็กน้อย ก็จะสามารถขาสามารถรวบรวมจิตวิญญาณเทพมารได้แล้ว

แต่ตอนนี้ ชี่ทิพย์ของเขาถูกใช้จนหมดแล้ว อีกทั้งเขายังกินยาที่มีค่าหลายเม็ดเพื่อเติมชี่ทิพย์ของตน แต่ก็ยังไม่สามารถรวบรวมจิตวิญญาณเทพมารได้

เฉินจื้อจงและคนอื่นๆ ยังไม่รู้เรื่องนี้ หลายคนยังคงเยาะเย้ยหยางเฉินราวกับว่าพวกเขาได้เห็นฉากที่พวกเขาต้องการเห็น

“ไอ้หนู ถ้านายคุกเข่าอ้อนวอนตอนนี้ หลังจากพี่ สวีรวบรวมจิตวิญญาณเทพมารลงขวดกักวิญญาณไปแล้ว เขาก็จะไว้ชีวิตนายสักครั้ง”

เฉินจื้อจงมองไปที่หยางเฉินอย่างติดตลกและพูดว่า “ไอ้หนู คุกเข่าอ้อนวอนเถอะ!”

เจียงอานจวินหัวเราะและพูดว่า “จะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้ยังไง? อย่างน้อยๆ ก็ต้องให้เขาคุกเข่าคลานเข้ามาอ้อนวอนและเลียรองเท้าของเราให้สะอาด แล้วค่อยพิจารณาว่าจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่หรือไม่”

……

พวกเขาทั้งหมดเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่กังวลสักนิดว่า สวีเจิ้นฮั๋วจะล้มเหลว

ในเวลานี้หยางเฉินถึงค่อยเข้าใจด้วยว่าขวดในมือของ สวีเจิ้นฮั๋วคืออะไรจากปากของคนเหล่านี้

เห็นได้ชัดว่ามันคือของอาถรรพ์ที่สามารถดูดจิตวิญญาณได้

ไม่น่าแปลกใจที่พอ สวีเจิ้นฮั๋วหยิบขวดกักวิญญาณออกมา เขาจึงรู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังจิตอันรุนแรง ที่แท้มันเป็นของอาถรรพ์ที่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อจิตวิญญาณได้

ในใจหยางเฉินกังวลเล็กน้อย จิตวิญญาณของเทพมารอยู่ในร่างของเขา คงไม่ถูกดูดกลืนโดยขวดกักวิญญาณจริงๆ หรอกใช่ไหม?

หยางเฉินซึ่งแต่เดิมยังคงกังวลอยู่บ้าง แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่า สวีเจิ้นฮั๋วไม่สามารถทำตามที่เขาต้องการได้

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าชี่ทิพย์ในร่างกายของ สวีเจิ้นฮั๋วกำลังหายไปอย่างรวดเร็วและหมดลงแล้ว

ของอาถรรพ์ชิ้นแรกของเขาคือมีดโลหิต

ตอนนั้นเมื่อเขาใช้มีดโลหิตครั้งแรก มันก็เป็นแบบนี้ มีดโลหิตได้ดูดซับชี่ทิพย์ในร่างกายของเขาไปอย่างรวดเร็ว

เหตุผลที่มีนักบูโดภายใต้แดนนภาไม่กี่คนที่สามารถใช้ของอาถรรพ์ได้ ไม่ใช่เพราะว่านักบูโดแดนนภาไม่รู้วิธีปรับปรุงประสิทธิภาพการต่อสู้ด้วยของอาถรรพ์ แต่เป็นเพราะการใช้ของอาถรรพ์นั้นต้องการชี่ทิพย์จำนวนมาก

ยิ่งของอาถรรพ์ชั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ เงื่อนไขการใช้งานก็ยิ่งเข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น

มันเหมือนกับกระบี่โอรสสวรรค์ที่สมาคมผู้อาวุโสมอบให้เขา เมื่อใช้มันก็จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาได้ อย่างไรก็ตาม อาศัยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา กลับยังไม่สามารถใช้กระบี่โอรสสวรรค์เป็นเวลานานได้

“พี่สวีจิตวิญญาณของเทพมารยังไม่ได้ถูกรวบรวมโดยขวดกักวิญญาณอีกเหรอ?”

ในเวลานี้ เฉินจื้อจงเห็นบางอย่างผิดปกติกับ สวีเจิ้นฮั๋วเขาจึงขมวดคิ้วและถาม

หลายคนมองไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วทีละคน

ในเวลานี้ สวีเจิ้นฮั๋วมีสีหน้าซีดเซียวอย่างมาก เขาดูป่วยและร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

อีกทั้งชี่ทิพย์บนตัวของเขาก็แปรปรวนและอ่อนแอมากเกินไป

สวีเจิ้นฮั๋วไม่ตอบสนอง ตอนนี้เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้ ขวดกักวิญญาณและเขาไม่สามารถพูดได้เลย

เมื่อ เฉินจื้อจง และคนอื่นๆ เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็มองหน้ากัน นัยน์ตาดูเป็นกังวล

เจียงอานจวินพูดอย่างเคร่งขรึม “หรือว่าขวดกักวิญญาณจะล้มเหลว?”

ไป๋หลี่เฉิงจี๋ รีบพูดว่า “เป็นไปได้อย่างไร ขวดกักวิญญาณเป็นสมบัติชั้นยอดของตระกูลสวีตราบใดที่จิตวิญญาณเทพมารมีการเคลื่อนไหว มันก็จะถูกรวบรวมโดย ขวดกักวิญญาณ อย่างแน่นอน”

ฉีเฟิงเองก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ขวดกักวิญญาณเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของตระกูลสวีมันไม่มีทางสูญเสียประสิทธิภาพไป!”

หลายคนพูดจบ ทุกคนก็มีสีหน้าปั้นยากสุดขีด

ในเมื่อขวดกักวิญญาณใช้กับหยางเฉินไมได้ อย่างนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ จิตวิญญาณเทพมารไม่ได้อยู่ในร่างของหยางเฉิน หรือหยางเฉินไม่ได้ยืมพลังของจิตวิญญาณเทพมารในเวลานี้

หากเป็นเรื่องจริง นี่ไม่ใช่เท่ากับว่าความแข็งแกร่งของหยางเฉินนั้นเป็นของเขาเองหรอกหรือ?

ในเวลานี้ ความคิดเดียวกันนี้ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน

หลายคนมองหน้ากันและเห็นคำตอบในสายตาของกันและกัน พวกเขาทั้งหมดหน้าซีดขาว

“พรูด!”

ในขณะนี้ สวีเจิ้นฮั๋วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากและล้มลงบนพื้น

“พี่ สวี!”

ผู้มีอำนาจตัดสินใจจากตระกูลบู๊โบราณหลายคนต่างเปลี่ยนสีหน้าและก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วย สวีเจิ้นฮั๋ว

สวีเจิ้นฮั๋วดูซีดเซียวอย่างมาก เขาจ้องไปที่หยางเฉินและถามพร้อมกับกัดฟัน “นายไม่ได้ยืมพลังจิตวิญญาณเทพมารมาเลยใช่ไหม?”