บทที่ 2002
หลังจากที่ชะงัก ซ่งเทียนหมิงก็พูดต่อไปว่า: “ยิ่งไปกว่านั้นสไตล์การทำงานของซ่งหวั่นถึงแกก็รู้ ตัวของนังเด็กคนนี้เองก็ไม่ได้ไขว่คว้าหา
คุณภาพชีวิตที่สูงมากเกินไป ด้งนั้นก็ตั้งอกตั้งใจอยากที่จะพัฒนามาตราส่วนอย่างสุดชีวิต และผลกำไรที่ซ่งซื่อกรุ๊ปทำได้ เธอแทบรอไม่ไหวที่
จะลงทุนทุกอย่างให้กับขยายตัวใหม่ทั้งหมด ทุกคนถูกเธอกระทำแบบนั้น ไม่ได้เงินอะไรเลยด้วยซ้ำ ในใจใครบ้างที่ไม่โกรธ?”
พูดแล้ว ซ่งเทียนหมิงแสยะยิ้ม: “ถ้หากฉันสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลของตระกูลซ่ง ฉันจะเสนอให้แยกบ้าน อาทั้งหลายของแกนั้นไม่มี
ทางที่จะปฏิเสธ ถึงเวลานั้นฉันก็จะได้ส่วนแบ่งที่ค่อนข้างใหญ่ ที่เหลือแบ่งให้พวกเขา พวกเขาก็ไม่มีอะไรที่จะคัดค้าน”
ซ่งหรงวี่อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “ถ้าหากพวกเขาคัดค้านล่ะ? ถ้าหากพวกเขาต้องการให้แบ่งเท่าๆกันตามจำนวนในครอบครัวล่ะ? ถึงเวลานั้น
พวกเราทำอะไรที่ยากลำบากมากมายขนาดนี้ ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์สุขให้กับพวกเขาไม่ใช่เหรอ”
ซ่งเทียนหมิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “แกวางใจเถอะ ปัญหาเหล่านี้ฉันไตร่ตรองมาตั้งนานแล้ว รอหลังจากที่จัดการไอ้แก่แล้ว ฉันจะให้ทาง
เลือกแก่พวกเขาสองทาง!”
“ทางเลือกแรก คือให้ฉันเป็นผู้นำตระกูลต่อไป ต่อจากนั้นฉันก็จะเหมือนกับซ่งหวั่นถิง เอาทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการขยายแผนที่ธุรกิจ
แบบนี้ พวกเขาก็อย่าได้คิดที่จะแบ่งเงินจากซ่งชื่อกรุ๊ปชั่วเวลาเดี๋ยวเดียว ถึงเวลานั้นพวกเขาไม่มีเงิน รักษาชีวิตที่เย่อหยิ่งมั่วโลกีย์ของพวกเขา
ให้อยู่ต่อไป ก็ย่อมเป็นทุกข์เป็นธรรมดา,”
“สำหรับทางเลือกที่สอง ก็คือพวกขาสมัคใจยอมสละส่วนแบ่งของส่วนหนึ่งให้ฉันเอง บบนี้ ฉันก็ตกลงที่จะขายทรัพย์สินของตระกูล
ทั้งหมดให้เป็นเงินสด แบบนี้ พวกเขาก็สามารถที่จะได้เงินเร็วขึ้นหน่อยและไปใช้ชีวิตตามที่พวกเขาต้องการ”
“รวมทรัพย์สินทั้งหมดของซ่งซื่อกรุ๊ปตอนนี้ มีประมาณสองหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะแสวงหาการลงมือที่รวดเร็ว ขายที่เดียว
ทั้งหมดสองหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัญหายังไม่ใหญ่ ความต้องการของฉันก็ไม่มาก ไม่ว่าจะขายได้เท่าไหร่ ครอบครัวพวกเราเอาครึ่งหนึ่ง ที่
เหลือแบ่งให้พวกเขา เชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางปฏิเสธ”
ซ่งหรงวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเห็นด้วยว่า: “สิ่งที่พ่อพูดนั้นสมเหตุสมผล สำหรับพวกเขาแล้ว สามพันล้านดอลลาร์ต่อหนึ่งคน กับห้า
พันล้านดอลลาร์ต่อหนึ่งคน โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน ถึงยังไงเงินมากขนาดนี้ ตลอดชีวิตนี้พวกเขาก็ใช้ไม่หมด”
ซ่งเทียนหมิงอือคำหนึ่ง และพูดว่า: “ด้วยความเข้าใจที่ฉันมีต่อพวกเขา พวกเขาคงจะยินยอมที่จะสละส่วนแบ่งบางส่วนอย่างแน่นอน เงิน
ถึงมือเร็วหน่อย แบบนี้ก็ไม่ต้องอาศัยใต้ชายคาของคนอื่น ก็ไม่ต้องดูสีหน้าของอื่นในการใช้ชีวิตแล้ว”
ซ่หรงวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งก และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “พ่อครับ ในเมื่อฟอวางแผนมาเป็นอย่างดีก่อนแล้ว งั้นผมก็จะรอข่าวดีของ
พ่อที่ประเทศญี่ปุ่น!”
“ตราบใดที่ทางด้านของพ่อจัดการกับไอ้แก่ได้แล้ว พรุ่งนี้ผมจะรีบกลับประเทศในทันที! หลังจากที่กลับไปพวกเราจะจัดการเรื่องภาย
หลังเหล่านี้โดยเร็วที่สุด ก่อนหน้าที่ตระกูลอิโตะยังตรวจสอบเงื่อนงำที่ซ่งหวั่นถึงถูกฆ่าตายไม่ได้ พวกเราก็อพยพไปอเมริกากันพร้อมทั้ง
ครอบครัว!”
“ถึงเวลานั้น ต่อให้พวกเขาตรวจสอบออกมาว่าพวกเราเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลั่ง ก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้ทั้งนั้น!”
ซ่งเทียนหมิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ถูกต้อง! คดีใหญ่สำคัญขนาดนี้ ปกติแล้วไม่ใช้เวลาไม่กี่เดือนตรวจสอบได้ไม่ช้ดเจนด้วยซ้ำ แต่พวก
เราไม่ต้องการเวลามากขนาดนั้น ขอแค่อย่างมากหนึ่งอาทิตย์กว่า ก็เพียงพอแล้ว!”
พูดแล้ว ซ่งเทียนหมิงก็กำชับว่า: “หรง ตัวแปรเดียวในตอนนี้ ไม่ใช่ตระกูลอิโตะ แเป็นเย่เฉิน บุคคลปริศนนี้ยิ่งไปกว่านั้นก็ร้อยเล่ห์ แก
ต้องห้ามไม่ให้เขามองพิรุธอะไรก็ตามออกอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น แกอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นคนเดียว เกิดเขาจะลงมือกับแก พ่ออยู่ไกลมากขนาด
นี้ ก็เกินความสามารถที่จะช่วยได้นะ!”
ซ่งหรงวี่รีบพูดว่า: “พ่อวางใจเถอะ ผมระมัดระวังตัวเป็นอย่างมากแล้ว อยู่ตรงหน้าเย่เฉิน ผมพยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนปกติมากที่สุด
มาโดยตลอด ยิ้งไปกว่านั้นรอบๆห้องนอนของผม คนที่กอยู่ก็ล้วนแต่เป็นคนกันเอง ในห้องก็ได้เตรียมการป้องกันการดักฟังไว้เรียบร้อย คงจะ
ไม่มีทางให้เย่เฉินมองพิรุธอะไรออกอย่างแน่นอน!”
ซ่งเทียนหมิงหัวเราะเสียงดัง: “งั้นก็ดี! งั้นก็ดีมาก! แกก็รอข่าวดีของฉันอยู่ที่โรงแรมอย่างสบายๆเถอะ”
แจ้งรายงาน