ฟังจนจบหลินสวินก็นิ่วหน้า
เขามาคราวนี้ไม่ได้รีบเร่งอยากเสาะหานัยเร้นลับของแกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค แต่ต้องการหาสมาชิกตระกูลหลินเหล่านั้น
แต่ตามคำพูดนี้ของลิงวิญญาณแดนผี แดนลับในรังมารดาต้นกำเนิดดันมีมากมายนับไม่ถ้วน นี่ก็หมายความว่าคิดจะหาสมาชิกตระกูลหลินเหล่านั้นให้พบ ได้แต่พึ่งดวงเท่านั้นแล้ว
“ไม่ถูก”
จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ย “ในกาลเวลาอันเนิ่นนานนี้ เจ้าจำศีลอยู่ที่นี่มาตลอด แล้วทำไมถึงรู้ว่าแกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั่นอยู่ไหน”
เจ้าลิงพูดตามจริง “เพราะตอนแรกสุดข้าก็เคยสำรวจที่นั่นมาก่อน แต่กลับพบกับอันตรายใหญ่ ต้องเลือกหลบหนี ตอนนั้นถึงกับเกือบตายเพราะเหตุนี้ แม้สุดท้ายจะรอดมาได้แต่ก็เหลือเพียงพลังจิต”
“เจ้ามานำทาง” หลินสวินไม่ถามอะไรอีก
เจ้าลิงตอบรับอย่างดีใจ
ทั้งสองออกจากโลกต้นกำเนิดแห่งนี้ กลับสู่นอกรังมารดาต้นกำเนิด
“สหายยุทธ์ ข้าต้องเตือนเจ้า ยิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคก็ยิ่งอันตราย ตามที่ข้ารู้มา เมื่อนานมาแล้วมีคนน่ากลัวไม่น้อยมาสำรวจ บางคนสิ้นชีพไปแล้ว แต่บางคนจำศีลอยู่ในโลกต้นกำเนิดหมื่นมรรคมาตลอดเหมือนกับข้า”
ขณะที่พูดเจ้าลิงก็ชี้ช่องทางรูพรุนแห่งหนึ่งในรังมารดาต้นกำเนิด “ในโลกต้นกำเนิดนี้มีทางสายหนึ่งนำไปสู่แดนลับที่อยู่ในส่วนลึกเข้าไปอีกได้”
หลินสวินพยักหน้า เริ่มเคลื่อนไหวทันที เงาร่างพริบไหวเคลื่อนเข้าไปในนั้น
แลเป็นเช่นนี้ ด้วยการนำทางของลิงวิญญาณแดนผี หลินสวินก็ท่องไปไม่ว่างเว้น เดินทางผ่านโลกต้นกำเนิดที่แล้วที่เล่า
ตลอดทางรวบรวมผลึกมรรคต้นกำเนิดได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่านัยเร้นลับต้นกำเนิดมหามรรคภายในสมบัติเหล่านี้จะบกพร่องไม่มากก็น้อย แต่กลับเพิ่มจำนวน สะสมได้ไม่หยุดหย่อน
ลิงวิญญาณแดนผีที่เรียกตัวเองว่ามหาจักรพรรดิวั่นคงผู้นี้ก็ได้เห็นความน่ากลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวิน ทุกครั้งที่ไปถึงแดนลับสักแห่ง ไม่ว่าจะพบกับคู่ต่อสู้เช่นไรต่างถูกหลินสวินกำราบอย่างสบาย ทำเอาเขาหนาววาบในใจ
กระทั่งหนึ่งวันผ่านไป
ตอนเข้าไปในโลกต้นกำเนิดแห่งหนึ่ง หลินสวินสัมผัสได้ทันทีว่าพลังปราณที่กดข่มมาตลอดของตนนั้นคืนสู่ระดับจักรพรรดิขั้นสี่สมบูรณ์
นี่ทำให้เขารับรู้ได้ว่า คงเป็นเพราะยิ่งเข้าใกล้พื้นที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั้นแล้ว เส้นทางที่ลิงวิญญาณแดนผีนี้นำทางก็คงไม่ผิดอะไร
โลกต้นกำเนิดแต่ละแห่งต่างมี ‘ใจกลางต้นกำเนิด’ แห่งหนึ่ง
อย่างภูเขาใหญ่สีโลหิตที่หลินสวินได้เห็นในแดนลับเพลิงอสนีเมื่อแรกสุด ทะเลสาบน้ำแข็งที่ได้เห็นในแดนลับหิมะน้ำแข็ง หรือหุบเหวที่ได้พบตอนจับลิงวิญญาณแดนผี ก็คือ ‘ใจกลาง’ ของแดนลับแต่ละแห่ง
เหมือนกับรากของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
โดยทั่วไปแล้ว ‘อันตราย’ ที่พบเจอตลอดทางอยู่ใกล้กับ ‘ใจกลาง’ ต้นกำเนิดแทบทั้งนั้น สิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่จำศีลอยู่ไม่ต่างกันมาก
ทว่าเริ่มตั้งแต่โลกต้นกำเนิดที่หลินสวินอยู่ตอนนี้เอง ศักยภาพของคู่ต่อสู้ที่ได้พบก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นมา!
เวลาผันผ่านไปวันแล้ววันเล่า…
หลินสวินกับเจ้าลิงท่องไปในโลกต้นกำเนิดต่างๆ บางคราวก็พักผ่อนครู่หนึ่ง แต่เวลาส่วนใหญ่คือการรีบรุดหน้าไป
ในโลกต้นกำเนิดที่เข้าไปตลอดทางนี้ พลังปราณของสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวเหล่านั้นค่อยๆ เพิ่มจากระดับดับจักรพรรดิขั้นสี่ไปถึงขั้นห้า ขั้นหก ขั้นเจ็ด…
เจ้าลิงดูวิตกนัก ชี้แนะหลินสวินไม่หยุด
แต่ที่ทำให้เขางุนงงก็คือ หลินสวินที่แม้มีพลังปราณเพียงระดับจักรพรรดิขั้นสี่ กลับฆ่าพวกระดับจักรพรรดิขั้นห้า ขั้นหกและขั้นเจ็ดเหล่านั้นอย่างง่ายดายนัก!
กระทั่งสิบวันผ่านไป
ในโลกที่ทั้งฟ้าดินต่างสะท้อนความมืดมิดดั่งราตรีนิรันดร์แห่งหนึ่ง
ตูม!
ท่ามกลางเสียงดังลั่นสะเทือนฟ้าดิน หลินสวินฟาดหมัดออกมาสังหารสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นแปด ละอองแสงม้วนตลบ ฟ้าดินระส่ำระสาย
เจ้าลิงที่มองดูจากไกลๆ ตาเบิกค้างอยู่ตรงนั้นโดยสมบูรณ์ ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ อาละวาดหลายโลก สังหารคู่ต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นแปด!?
“ข้าต้องการบรรลุขั้นที่นี่ คงต้องให้เจ้าลำบากสักหน่อย” หลินสวินเดินมา ดวงตาดำลุ่มลึก พลังปราณของเขาก็เหมือนแก้วที่มีน้ำอยู่เต็มกำลังจะเอ่อออกมา ทะลวงขั้นสมบูรณ์สูงสุดของระดับจักรพรรดิขั้นสี่ ไม่อาจข่มได้อีก
“บรรลุขั้นหรือ”
เจ้าลิงอึ้งไป เอ่ยเตือนว่า “การบรรลุขั้นที่นี่อันตรายไม่อาจเทียบได้กับทั่วไป เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะถูกระเบียบฟ้าดินสะท้อนกลับ”
“ไม่มีปัญหา”
ขณะที่พูดหลินสวินก็ไม่ให้โอกาสอธิบาย กำราบเจ้าลิงไว้ในเจดีย์ไร้สิ้นสุด
แม้จะร่วมทางกันมาสิบวัน เจ้าลิงก็แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาหาใดเทียบ แต่หลินสวินไม่ได้คลายความระแวดระวัง เจ้าลิงนี่เป็นถึงลิงวิญญาณแดนผี แยกแยะใจคนได้ เจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นที่สุด
ฟู่…
ไม่ทันไรหลินสวินก็สลัดความคิดฟุ้งซ่าน นั่งลงขัดสมาธิ
กระทั่งหนึ่งวันผ่านไป เขาลืมตาลุกขึ้นพลางเงยมองไปยังเวิ้งฟ้า
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เมฆเคราะห์ถาโถมราวกับหมึกดำปกคลุมส่วนลึกของเวิ้งฟ้า ฟ้าดินเงียบสงัด อานุภาพสวรรค์อันน่ากลัวกดทับใจคนอบอวลออกมา
หลินสวินมือไพล่หลัง สีหน้าสุขุม
นี่เป็นธรณีประตูที่เหยียบย่างไปสู่ระดับจักรพรรดิขั้นห้า ขอเพียงผ่านด่านเคราะห์นี้ได้ ก็จะเข้าสู่ขั้น ‘แจ้งอณู’!
แจ้งปริศนา แจ้งอณู แจ้งมายา
นี่ก็คือขั้นของระดับจักรพรรดิขั้นสี่ถึงระดับจักรพรรดิขั้นหก
ในกลุ่มนี้ ขั้นแจ้งมายามีอีกชื่อหนึ่ง เรียกว่าขั้นไร้ขื่อแป!
ครืน!
ผ่านไปครู่หนึ่งเมฆาเคราะห์ถาโถม เสียงอสนีบาตกึกก้องราวกับกลองศึกที่เทพสวรรค์ตี สะท้านไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน
ที่ตามมาติดๆ คือแสงมรรคอสนีเจิดจ้า ไหลหลั่งลงมาจากเก้าชั้นฟ้าดุจม่านน้ำตก
“ในที่สุดก็มาแล้ว…”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยสงบนิ่ง กายดุจเตาหลอม อานุภาพดั่งหุบเหว พุ่งทะยานไปกลางอากาศ
ครืน…
ด่านเคราะห์เริ่มขึ้นแล้ว โลกต้นกำเนิดแห่งนี้ตกปั่นป่วนอย่างไม่เคยมีมาก่อน พายุอสนียิ่งใหญ่ แสงสายฟ้ายิงปะทุ โกลาหลยุ่งเหยิง
ในห้วงอากาศหลินสวินเป็นดั่งเทพองค์หนึ่ง อาบชโลมอยู่กลางแสงมรรคโชติช่วง องอาจเหนือโลก สำแดงอานุภาพอหังการไร้สิ้นสุดยามเข้าต้านอสนีเคราะห์เต็มฟ้านั้น
แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เคราะห์จักรพรรดิตามความหมายทั่วๆ ไป แต่เป็นมหาเคราะห์ชั้นเลิศของมกุฎมหาจักรพรรดิโดยเฉพาะ ทำให้หลินสวินยังลำบากเป็นที่สุด
ไม่นานนักก็ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ได้รับบาดเจ็บ
หนึ่งเค่อ
สองเค่อ
สามเค่อ
…พร้อมๆ กับเวลาที่ผันผ่าน พลังอสนีเคราะห์นั้นก็ยิ่งน่ากลัว ถึงขั้นวิปริต หากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิทั่วไปเกรงว่าคงถูกสังหาร กายสิ้นมรรคสลายไปนานแล้ว!
แต่หลินสวินต้านทานมาแล้วหนึ่งก้านธูปเต็มๆ
ท้ายที่สุดร่างของเขาถูกฟาดจนแตกระแหงระเบิดออก เหลือเพียงรูปจำลองเจตจำนงที่ต้านทานอยู่ ดูอันตรายหาใดเทียบ
ไม่อาจไม่พูดว่ามหาเคราะห์ครั้งนี้เหนือกว่าเคราะห์จักรพรรดิที่หลินสวินเคยพบเจอมาครั้งไหนๆ ไม่เพียงดำเนินอยู่นาน พลังสังหารยังน่ากลัวถึงขีดสุด
หากไม่ใช่ว่าหลินสวินเตรียมตัวเพื่อสิ่งนี้มาดีพออยู่ก่อนแล้ว เกรงว่าคงไม่อาจทนได้ถึงตอนนี้สักนิด!
ตูม!
หลังจากฝืนรับการโจมตีครั้งสุดท้าย
กลางละอองแสงอสนีเคราะห์เต็มฟ้า หลินสวินเหลือเพียงพลังเจตจำนงที่พังทลายถึงขีดสุด กับสติสัมปชัญญะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“โอม!”
เขาส่งเสียงตะคอกลั่น
ละอองแสงอสนีเต็มฟ้าประหนึ่งกระแสเชี่ยว อาบชโลมพลังจิตของเขาไว้ภายใน เลือดเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ผิวหนัง อวัยวะ เส้นปราณที่ถูกสายฟ้าฟาดกระจุย… ต่างรวมกันทั้งหมด
มองจากไกลๆ ใต้เวิ้งฟ้าประหนึ่งมีลูกกลมสายฟ้าตระการตาขนาดมหึมาลูกหนึ่ง กำลังแผ่จังหวะชีวิตอันไพศาลออกมาไม่ว่างเว้น
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ
ลูกกลมแสงที่เปลี่ยนเป็นพร่างพราว ดึงดูดสายตาราวกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งไปแล้วนั้นระเบิดกระจุยในทันใด ท่ามกลางละอองแสงปลิวว่อน เงาร่างสูงตระหง่านเด่นเหนือโลกร่างหนึ่งอุบัติขึ้น
เป็นหลินสวิน
เขาในตอนนี้ทั้งร่างดุจภาพมายา เส้นเอ็นกระดูกเหมือนหล่อขึ้นจากน้ำทองเทพ ร่างกายเปล่งปลั่งดั่งหยก สาดแสงมรรคเจิดจ้า เลือดลมภายในร่างประหนึ่งมหาสมุทรโถมซัด มีพลังชีวิตอันไพศาลหาใดเทียบ แม้แต่เส้นผมแต่ละเส้นยังมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์มหามรรคอันลึกลับหลั่งไหล
ในห้วงนิมิต รูปจำลองเจตจำนงสูงถึงพันจั้งแปลงเป็นรูปเตาหลอม มีอานุภาพอมตะราวกับกำราบทั่วหล้า นัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวงโอบล้อมไปทั้งตัว เสียงมรรคดุจเสียงสวรรค์ดังก้อง ศักดิ์สิทธิ์เหลือประมาณ
ที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดก็คือโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ ในหลักฟ้าดิน สุริยันจันทรา ภูผาธาราและสรรพสิ่งบนผืนดิน ต่างมีลายมรรคเป็นริ้วๆ
ราวกับเส้นใบบนใบไม้ ลวดลายบนหินผา เส้นโค้งขึ้นลงของผืนดิน วงโคจรของสุริยันจันทรา ขนาดยามหลักแห่งฟ้าดินเปลี่ยนผัน…
การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเหล่านี้ทำให้ทั้งทั้งโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์สะท้อนบรรยากาศใหม่เอี่ยม ประหนึ่งโลกที่มีจริง ต้นไม้ใบหญ้าทั้งปวงต่างมีแก่นอัศจรรย์อันคลุมเครือ!
นี่ก็คือตัวบ่งชี้สำคัญของขั้น ‘แจ้งอณู’
นี่ ยังเป็นมรรควิถีที่ระดับจักรพรรดิขั้นห้าครอบครองได้!
หลินสวินสงบใจสัมผัสครู่ใหญ่ แววพึงพอใจปรากฏขึ้นในดวงตา ‘ระดับจักรพรรดิแจ้งอณู… ขั้นนี้อัศจรรย์ดังคาด…’
เขาสัมผัสได้ว่าพลังต่อสู้ของตนเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกดิน!
‘ระดับจักรพรรดิขั้นเก้าก็คือปราการสวรรค์สายหนึ่ง อานุภาพแห่งบรรพจารย์แห่งมรรคไม่อาจสั่นคลอน… ก็ไม่รู้ว่าข้าจะทำลายกฎเกณฑ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาหมื่นกาลนี้ได้หรือไม่…’
ขณะที่หลินสวินครุ่นคิดก็นั่งขัดสมาธิลง เริ่มสร้างความมั่นคงให้กับขั้นพลังใหม่ของตัวเอง
ผ่านไปสามวันเต็มๆ
หลินสวินยืดตัวลุกขึ้น ปล่อยเจ้าลิงนั่นออกมา ตัดสินใจว่าจะเคลื่อนไหวต่อ
เจ้าลิงมองหลินสวินที่ไม่มีบาดแผล มิหนำซ้ำยังเห็นได้ชัดว่าพลังปราณบรรลุไปอีกขั้น แววตาก็เลื่อนลอยขึ้นมา ทั้งตลอดทางยังเปลี่ยนเป็นจริงใจยิ่งขึ้น
หลินสวินเห็นทุกอย่างนี้แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
ผ่านไปอีกสิบกว่าวันอย่างรวดเร็ว
จนถึงตอนนี้ผลึกมรรคต้นกำเนิดที่รวบรวมได้มีร้อยกว่าก้อนแล้ว ส่วนโลกต้นกำเนิดที่เขาสำรวจก็มีถึงหนึ่งร้อยกว่าแห่ง
แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกตระกูลหลินแต่อย่างใด
สิ่งที่ถือว่าเป็นข่าวดีเพียงอย่างเดียวก็คือ ตอนนี้เขายิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคแห่งนั้นมากยิ่งขึ้นแล้ว
“สหายยุทธ์ ในโลกต้นกำเนิดแห่งต่อไปมีบุคคลลึกลับที่มีนิสัยใจคอแปลกประหลาดเป็นที่สุดคนหนึ่งจำศีลอยู่ ขอเพียงไม่ไปท้าทายเขา พวกเราก็จะขอผ่านทางออกมาได้ ข้ามผ่านโลกต้นกำเนิดอีกไม่เกินสามแห่งก็จะถึงพื้นที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค”
จู่ๆ เจ้าลิงก็เอ่ยเตือนว่า “สหายยุทธ์ ต้องจำเอาไว้ว่าอย่าไปหาเรื่องเจ้าหมอนั่น มิเช่นนั้นเจ้ากับข้าจะติดอยู่ในนั้นไปชั่วชีวิต”
หลินสวินเลิกคิ้ว “เขาแข็งแกร่งมากหรือ”
เจ้าลิงสีหน้าเคร่งเครียด “แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้ มองตื้นลึกหนาบางไม่ออกสักนิด เมื่อนานมากแล้วข้ากับสหายร่วมมรรคจำนวนหนึ่งออกเคลื่อนไหวด้วยกัน ในกลุ่มนั้นไม่ขาดระดับจักรพรรดิขั้นแปดและขั้นเก้า แต่ก็เพราะมีสหายยุทธ์สองคนไปพูดจาไม่เหมาะสม ยั่วโมโหคนผู้นี้โดยไม่ระวังตอนถามทาง เจ้าทายสิว่าเป็นอย่างไร”
ไม่ทันรอให้หลินสวินตอบ เจ้าลิงก็เอ่ยเสียงต่ำลึกว่า “สหายยุทธ์สองคนนั้น… ต่างถูกลบความทรงจำ กลายเป็นหมากตัวหนึ่งบน ‘โลกกระดานหมาก’ ในชั่วดีดนิ้ว…”
——