เสียงโครมครามสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น

เตาหลอมที่บัญชาการทั้งโลกตารางหมากสีดำสั่นสะเทือนรุนแรง แสงมรรคสาดกระเซ็น

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

เพียงพริบตาช่องในตารางหมากสีดำสองช่องก็ถูกยึดและล่มสลายลงโดยสมบูรณ์

ดวงตาดำของหลินสวินหดรัดเล็กน้อย โคจรมหามรรคทั้งร่าง เตาหลอมส่องแสง เกิดพลังกำราบอันน่าสะพรึง ถึงสามารถสกัดการจู่โจมประหนึ่งผลักเขาคว่ำสมุทรนั้นได้

ไกลออกไปเงาร่างผอมแห้งยิ้มบางๆ “ป้องกันเช่นนี้ เพียงครู่เดียวโลกที่เจ้าควบคุมอยู่จะถูกยึดครองโดยสมบูรณ์”

ขณะพูดเขาก็สะบัดแขนเสื้อ

ตูม! ตูม! ตูม!

โซ่เทพประหนึ่งระเบียบมหามรรคสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา ม้วนตลบออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน

โซ่เทพแต่ละสายต่างล้อมด้วยนัยเร้นลับมหามรรคอันน่าสะพรึง จำแลงเป็นอานุภาพนับไม่ถ้วน ทั้งลม เมฆ ฟ้าคะนอง สายฟ้าฟาด ทอง ไม้ น้ำ ไฟ…

สิ่งนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้ที่แท้จริง ทว่าเป็นการประชันมหามรรคบริสุทธิ์ แปลงฟ้าดินเป็นตารางหมาก ใช้มหามรรคเป็นตัวหมากเข้าจู่โจม!

ไม่ถึงกับอันตราย

แต่ทันทีที่แพ้ก็จะกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดานหมากนั้น!

“ยึดครองโดยสมบูรณ์หรือ เจ้าจะดูถูกข้าคนแซ่หลินมากไปแล้ว”

ขณะที่หลินสวินพูดก็กระตุ้นมหามรรคของตัวเอง เตาหลอมส่งเสียงกึกก้อง สำแดงมหามรรคทั้งปวงเข้าต้านอีกฝ่ายไม่ว่างเว้น

ชั่วขณะหนึ่งฟ้าดินแห่งนี้ก็สั่นสะเทือน ปรากฏการณ์ประหลาดชวนพรั่นพรึงมากมายอุบัติขึ้น น่าตื่นตะลึงยิ่งยวด

หากระดับจักรพรรดิอยู่ตรงนี้จะต้องครั่นคร้ามจนเสียขวัญ

เพราะไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือเงาร่างผอมแห้งนั้น พลังมหามรรคที่ครอบครองต่างเรียกได้ว่ารุ่งโรจน์โชติช่วงสะท้านอดีตปัจจุบัน ครองอำนาจเหนือโลกหล้า แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อไปแล้ว!

ส่วนในสายตาของเจ้าลิงนั้น

ก็เห็นว่ามีภาพอันน่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้นกลางโลกสีขาวดำทั้งสองไม่หยุด ทั้งสุริยันจันทราดวงดาราปะทะกัน ทั้งห้วงอากาศภูผาธาราเคลื่อนย้าย ทั้งมารเทพบรรพกาลจู่โจม ทั้งสัตว์เทพนกปีศาจอาละวาดผ่านฟ้าคราม…

ภาพเหล่านั้นล้วนแปลงมาจากนัยเร้นลับมหามรรคอันสูงส่ง การจู่โจมแต่ละครั้งต่างเผยอานุภาพดับฟ้าทำลายดิน น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการได้

“ไป!”

“ไป!”

“ไป!”

เงาร่างผอมแห้งเหมือนดั่งนายเหนือผู้หนึ่ง ชั่วขณะที่สะบัดแขนเสื้อ การจู่โจมประหนึ่งพายุคลั่งฝนกรรโชก ควบคุมหมื่นมรรคก็เข้าเคลื่อนกวาดเก้าชั้นฟ้า

หันมาดูหลินสวิน ใช้เตาหลอมต้านทานอยู่ตลอด โลกตารางหมากสีดำนั้นแทบจะถูกการจู่โจมอันน่าครั่นคร้ามต่างๆ ปิดล้อมไปแล้ว

ได้ยินเสียงพังทลายระเบิดกระจุยดังลั่นเป็นพักๆ ก็เห็นว่าตารางหมากสีดำที่อยู่รอบนอกสุดช่องแล้วช่องเล่าสะท้อนทิวทัศน์พังทลายถูกยึดครอง

ดูเหมือนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว

แต่เตาหลอมของหลินสวินนั้นกลับแข็งแกร่งดุจป้อมปราการกล้า ให้ความรู้สึกไม่อาจสั่นคลอนได้อยู่กลายๆ ปกปักษ์โลกตารางหมากสีดำเอาไว้ ไม่อาจถูกตีพ่ายในเวลาอันสั้น

ไกลออกไปเงาร่างผอมแห้งไม่ได้ร้อนรน กลับเผยสีหน้าสนอกสนใจ ประเมินและพินิจพิเคราะห์เตาหลอมของหลินสวินไม่หยุด

เขาดูออกแล้วว่านั่นเป็นภาพแทนมหามรรคของหลินสวิน ไม่อาจเทียบได้กับของทั่วไป

แม้เป็นเช่นนี้การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ช้าสักนิด อานุภาพการจู่โจมยิ่งร้ายกาจ แข็งกร้าวราวจอมเผด็จการอาละวาด

ตูม โครม…

ฟ้าพลิกดินคว่ำ สุริยันจันทราอับแสง

การประลองหมากและห้ำหั่นกันเช่นนี้ หลินสวินเองก็ยังไม่เคยประสบมาก่อน ทั้งต้องรักษาโลกตารางหมากสีดำที่ตนอยู่ ไหนจะต้องไปทำลายโลกตารางหมากสีขาวที่อีกฝ่ายควบคุมด้วย

และสิ่งที่พึ่งพิงได้ก็คือพลังแห่งมหามรรค ดูคล้ายเป็นการต่อต้านอันเรียบง่ายหยาบกระด้าง แต่ความจริงแล้วเป็นการประชันอันดุเดือดระหว่างพลังมหามรรคของทั้งสอง

ดูจากตอนนี้ การควบคุมพลังมหามรรคของเงาร่างผอมแห้งน่ากลัวถึงขีดสุดจริงๆ ถึงขั้นน่าตื่นตะลึงจนเหลือเชื่อ

เมื่อเขารุกโจมตี โลกตารางหมากสีดำที่หลินสวินควบคุมอยู่ก็ตกอยู่ในสภาพศัตรูรอบด้าน คลื่นลมกรรโชก

ราวกับโขดหินกลางทะเลก้อนหนึ่งกำลังถูกคลื่นคลั่งซัดสาด!

ทว่าเมื่อพอหลินสวินค่อยๆ คุ้นชินกับวิธีประลองหมากเช่นนี้ เตาหลอมที่แปลงมาจากมหามรรคของเขาก็ยิ่งมั่นคงและไม่อาจสั่นคลอน

เมื่อเป็นเช่นนี้ การจู่โจมที่ทั้งโลกตารางหมากสีดำได้รับก็ถูกสลายและต้านทานได้อย่างทรงพลัง

แม้อานุภาพการโจมตีของเงาร่างผอมแห้งจะยิ่งแข็งแกร่ง แต่อานุภาพการป้องกันของหลินสวินก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งรุกหนึ่งรับเช่นนี้ สำแดงการต่อสู้อันดุเดือดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

จนกระทั่งตอนนี้เงาร่างผอมแห้งก็เผยสีหน้าจริงจัง ท่าทางเผยความตื่นเต้นและยินดีรางๆ อย่างพบเห็นได้ยาก

คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ได้พบก็พาให้ใจเบิกบาน!

ความสามารถที่หลินสวินสำแดงออกมาในตอนนี้เหนือความคาดหมายของเขา ทั้งยังดึงเอาจิตต่อสู้ที่หลับใหลอยู่ในใจเขามานานขึ้นมาด้วย

“สหายยุทธ์ ต่อไปข้าจะสำแดงมรรคแห่งการประลองหมากที่แท้จริง เจ้าต้องระวังหน่อยล่ะ!”

เงาร่างผอมแห้งหัวเราะเสียงดัง นิ้วมือพลันกรีดวาดออกไป

ครืน!

ดอกบัวนับไม่ถ้วนผลิบานออกมาจากวงโคจรดวงดาวมากมาย ทั้งสีเขียว สีแดง สีขาว สีทอง… บ้างล้อมด้วยแสงสายฟ้า บ้างมีพลังลมเมฆถาโถม บ้างพ่นคายไอหยินหยาง…

บัวมรรคหมื่นพัน ผลิบานไหวกระเพื่อม

ชั่วพริบตานั้นก็ปกคลุมโลกตารางหมากสีดำที่หลินสวินครอบครองอยู่

ตั้งแต่ผลิบานจนโรยรา บัวมรรคแต่ละดอกต่างสำแดงการเปลี่ยนแปลงของมหามรรค ตั้งแต่แรกเริ่มจนโชติช่วงถึงขีดสุด

บัวมรรคหมื่นพัน ก็ประหนึ่งมหามรรคนับหมื่นพันปะทุและสำแดงออกมาถึงขีดสุด

ภาพน่ากลัวเช่นนั้นสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิใจสะท้านได้

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยดังเก่า มีเพียงในดวงตาที่มีประกายวับวาวน่ากลัวไหวเคลื่อน

เขาโคจรมรรควิถีของตัวเองเต็มกำลัง สภาวะจิต เจตจำนง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณต่างหลอมเข้าไปในมหามรรค ควบคุมเตาหลอมเข้าต้านทาน

ตูม โครม!

เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้นไม่หยุด พลังการชิงชัยมหามรรคประหนึ่งภูเขาถล่มสมุทรคำราม อาละวาดไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน

ห้วงอากาศยุบตัว ท้องฟ้าหม่นหมอง ประหนึ่งวันโลกวินาศมาเยือน

แต่เพียงครู่สั้นๆ เงาร่างผอมแห้งที่อยู่ไกลออกไปก็ส่งเสียงอุทาน

ไกลออกไปแม้จะถูกโจมตีเช่นนี้ อานุภาพป้องกันของหลินสวินก็ยังคงแข็งแกร่งเกินพิชิตได้!

“หากเป็นเช่นนี้ เจ้าต้องแพ้” หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ

เงาร่างผอมแห้งร้องอ้อคำหนึ่ง เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ลองดูอีกครั้ง”

ชิ้ง!

เขายื่นมือคว้า กระบี่มรรคที่ควบรวมขึ้นจากนัยเร้นลับมหามรรคนับไม่ถ้วนเล่มหนึ่งฟันออกไป

เรียบง่ายไม่ซับซ้อน

แต่กลับน่ากลัวยิ่งกว่าการจู่โจมแน่นขนัดดั่งพายุคลั่งก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

เคร้ง… เสียงปะทะเสียดหูดังขึ้น กระบี่นี้ถูกเตาหลอมขวางไว้ทั้งอย่างนั้น ก่อนระเบิดกระจุยในการปะทะ

เงาร่างผอมแห้งไม่เสียกำลังใจ ลงมือไม่หยุด ควบคุมหมื่นมรรคจู่โจมเต็มกำลัง

ด้านหลินสวินก็มีท่าทางหนักแน่นไม่หวั่นไหวแม้ลมแปดทิศจู่โจม ปกป้องโลกตารางหมากสีดำนั้นอย่างไร้ที่ติ

และหลังจากการประชันอันดุเดือดเช่นนี้ผ่านไปหนึ่งเค่อ

ในที่สุดสีหน้าของเงาร่างผอมแห้งก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาก เริ่มชะลอความเร็วในการโจมตี แต่เมื่อการโจมตีแต่ละครั้งพุ่งออกไป อานุภาพจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ กลับยังไม่อาจทำลายการป้องกันของหลินสวินได้ดังเดิม!

ครู่หนึ่งในที่สุดเงาร่างผอมแห้งก็ไม่อาจเยือกเย็นได้อีก “ถ้าเจ้าเอาแต่ป้องกันอย่างนี้ ผลสุดท้ายก็ต้องเสมอกัน ไยไม่ออกโจมตีเล่า”

ในความคิดเขา หลินสวินใช้มหามรรคทั้งหมดในการป้องกัน ขอเพียงเขาออกโจมตีจะต้องเกิดช่องโหว่มากมาย ไม่มีทางป้องกันอย่างไร้ที่ติได้เหมือนก่อนหน้านี้อีก!

“ก่อนหน้านี้ไม่เป็นฝ่ายโจมตี ก็แค่เพราะอยากเห็นความเชี่ยวชาญในมหามรรคของเจ้าก็เท่านั้น ตอนนี้ดูท่า เหมือนจะ… ไม่เท่าไร”

หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ

“ไม่เท่าไรหรือ” เงาร่างผอมแห้งอึ้งไป คล้ายไม่กล้าเชื่อว่าจะได้รับคำวิจารณ์เช่นนี้ ในกาลเวลานับไม่ถ้วนที่ผ่านมานี้ เขาก็เพิ่งได้ยินคำวิจารณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก

เขาเอ่ยเนิบๆ “สหายยุทธ์ พูดลอยๆ ไม่มีหลักฐาน ไม่สู้ให้ข้าได้สัมผัสความสง่างามของเจ้าเสียหน่อยเล่า”

“ได้”

หลินสวินพ่เอ่ยเพียงคำเดียว

พริบตานั้นยามเขาสะบัดแขนเสื้อ ในเตาหลอมก็มีหุบเหวสายหนึ่งปรากฏ พาดขวางกลางฟ้า ม้วนตลบออกไป

หุบเหวลึกล้ำสุดหยั่ง ใหญ่โตไม่อาจประมาณ กลืนกินฟ้าดินในทุกที่ที่เคลื่อนผ่าน!

ตูม!

ท่ามกลางการปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน โลกตารางหมากสีขาวที่เงาร่างผอมแห้งครอบครองอยู่ก็ถูกบดขยี้ไปแถบหนึ่งในชั่วพริบตา ดวงดารามหามรรคที่กระจายอยู่ในนั้นต่างถูกกำจัดและกลืนกิน

นัยน์ตาของเงาร่างผอมแห้งหดรัด ทำการโต้กลับทันที

“โอม!”

ดวงดารานับไม่ถ้วนเปล่งแสงโคจร ตอบสนองกันและกัน ก่อตัวขึ้นเป็นฟ้าดาราไพศาล เวิ้งว้างไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง หมายจะกำราบหุบเหวนั้นไว้ภายใน

แต่ที่ทำให้เงาร่างผอมแห้งรับมือไม่ทันก็คือ เมื่อหุบเหวนั้นเคลื่อนกวาด ก็ยังคงบดขยี้ทำลายล้างและกลืนกินทุกสิ่ง

เพียงไม่กี่อึดใจ ฟ้าดารากว้างใหญ่ก็เหมือนถูกกัดไปคำโต!

“ทะยาน!”

เขาไม่กลัวแม้อันตรายเฉียดใกล้ ควบคุมหมื่นมรรคไม่หยุด สำแดงพลังถึงขีดสุดเข้าต้านเต็มกำลัง

“มหามรรคของข้า หลอมหมื่นมรรค วิวัฒน์หมื่นวิชา ไม่เคยมีมาก่อน เจ้าใช้พลังหมื่นมรรคมาต้านทานก็เปลืองแรงเปล่าอยู่ดี…”

หลินสวินถอนใจเบาๆ

เขานึกถึงศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อ ควบคุมหมื่นมรรค จำแนกหมื่นวิชาเช่นกัน มีความมหัศจรรย์เฉกเช่นเดียวกับมรรควิถีที่ชายชราผอมแห้งผู้นี้ครอบครอง

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวอาจจะอยู่ที่ ชายชราผอมแห้งผู้นี้หยั่งรู้ปิดด่านที่นี่ตั้งแต่ต้นยุคดึกดำบรรพ์ ถึงตอนนี้มรรควิถีก็ยังชะงักอยู่ที่ระดับจักรพรรดิ

หากเปลี่ยนเป็นศิษย์พี่สี่ เกรงว่าคงก้าวพ้นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิไปนานแล้ว!

ตูม…!

หุบเหวเคลื่อนกวาด สำแดงอานุภาพบดขยี้ กลืนดารากินหมื่นมรรค ปั่นป่วนโลกตารางหมากสีขาวนั้น ตารางหมากช่องแล้วช่องเล่าต่างพังทลายและถูกยึดครอง

ไม่ว่าเงาร่างผอมแห้งผู้นั้นจะต้านทานและสลายอย่างไร ก็เปลืองแรงเปล่าทั้งนั้น

สุดท้ายพร้อมๆ กับการสั่นสะเทือนสะท้านฟ้า โลกตารางหมากสีขาวนั้นก็ถล่มลงโดยสิ้นเชิง เกิดเป็นภาพพังพินาศอย่างหนึ่ง

เห็นดังนี้หลินสวินก็หยุดมือทันที

มองดูจุดที่ไกลออกไปอีกครั้ง เงาร่างผอมแห้งยืนเหม่ออยู่กลางห้วงอากาศ ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่นิ่ง คล้ายรับการโจมตีเช่นนี้ได้ยาก

การประชันหมากที่ขัดเกลาจากการอนุมานและทุ่มเทกายใจมาไม่รู้กี่กาลเวลา ท้ายที่สุดกลับถูกอีกฝ่ายบดขยี้!

ไร้อุปสรรค ไร้ตัวแปร ชั่วขณะที่อีกฝ่ายเปลี่ยนจากป้องกันเป็นโจมตี ก็แข็งแกร่งเกินต้านทาน ไร้ศัตรูเทียบเทียม!

เรียบง่ายนัก ถึงขั้นหยาบกระด้าง

แต่เงาร่างผอมแห้งรู้ชัด ว่านี่หมายความว่าในด้านการควบคุมมหามรรค ในการประชันมหามรรคกันนั้น ตนด้อยกว่ามาก…

ครู่ใหญ่

เงาร่างผอมแห้งหัวเราะเหมือนเยาะตัวเอง แววตาจ้องตรงไปที่เวิ้งฟ้า “ในกาลเวลานับไม่ถ้วนที่ผ่านมานี้ ยึดติดกับการประลองหมาก กลับทำให้มหามรรคของข้าติดอยู่ในตารางหมากขาวดำโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้พบเจอความพ่ายแพ้ถึงได้เข้าใจ ว่าสิ่งที่ข้าเสาะหาอยู่นอกการประลองหมากนี้…”

เขาเหมือนรู้แจ้งแล้ว ทั้งยังเข้าใจแล้ว แต่สีหน้ากลับดูเซื่องซึม กาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา เพิ่งมาเข้าใจในยามนี้ว่าตนโง่เขลาปานไหน!

ทันใดนั้นสายตาเขามองไปยังหลินสวิน กุมมือคารวะ “การประลองหมากวันนี้ แม้ข้าแพ้ แต่กลับได้รับโอกาสทบทวนความผิดพลาด บุญคุณเช่นนี้ล้วนเป็นสหายยุทธ์มอบให้ ขอบคุณยิ่ง!”

วาจาจริงใจ แฝงความปลอดโปร่งที่ประหนึ่งทำลายพันธนาการได้

——