บทที่ 2042

ดังนั้น เธอจึงเอ่ยตำหนิออกมาอย่างขุ่นเองว่า “ไนี่! กล้าดูถูกตระกูลซูเหรอ ฉันเอานายตายแน่!”

เย่เฉินแสยะยิ้มออกมา “ทำไม? แค่นี้ก็ถือว่าดูหมิ่นตระกูลซูแล้วเหรอ? ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะทำให้ซูเฉิงเฟิงและซู
โสว่เต้า หมอบกราบแทบเท้าของฉัน และอ้อนวอนขอชีวิตจากฉัน!”

ซูรั่วหลีรู้สึกได้ถึงเสียงดังสนั่นภายในห้ว

ซูเฉิงเฟิง คือปู่ของเธอ!

ส่วนซูโส่วเต้า คือพ่อแท้ๆของเธอ!

เธอได้รับการปลูกฝังจากแม่มาตั้งแต่เด็กๆว่าให้เคารพพ่อของเธอ

ดังนั้น เธอจึงแทบยากจะฆ่าเย่เฉินให้ตายซะตอนนี้ เพื่อเอาคืนที่เขาดูหมิ่นผู้เป็นพ่อ!

ในวินาทีนั้นเอง ชูรั่หลีก็ควักมีดพกสีดำปลายแหลมออกมาจากเอว แล้วเอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “ไอ้เวร วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตายไม่ให้มีที่ฝัง
ศพ!”

พูดจบ

ซูรั่หลีก็ตะคอกเสียงดัง แล้วพุงไปทางเย่เฉินทันที !

ครั้งนี้ เธอไม่มีเวลามาวิเคราะห์แล้ว ว่าระหว่างเย่เฉินกับตัวเองใครแกร่งใครอ่อน ใครจะแพ้ใครจะชนะ เธอถูกความโกรธครอบงำ คิด
เพียงแค่อยากฆ่าเย่เฉินให้ตายด้วยมือของตัวเอง เพื่อปกป้องเกียรติของบิดาและตระกูลซู

แต่ว่า คนอย่างเย่เฉินใช่คนที่เธอรับมือได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่!

เมื่อเห็นเธอกุมมีดพุงเข้ามา เย่เฉินก็ไม่ได้ขยับไปไหน ยื่นนิ่งรอเธออยู่กับที่

ยิ่งซูรั่วหลีเข้ามาใกล้เย่เฉินมากเท่าไหร่ ความเร็วก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น!

เธอรวบรวมพละพลังใทั้งหมดมาไว้ที่แขนข้างขวา เพื่อทุ่นแรงมีดปลายแหลมที่ถืออยู่ในมือ ต่อให้เป็นรถยนต์กี้สามารถผ่าออกเป็นชิ้นๆ
ได้ ยิ่งร่างกายของคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง

อีกอย่างในใจเธอรู้ดี ยิ่งเธอรวบรวมพลังในมากเท่าไหร่ พลังงานศักย์ของคมมีดกี่ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น!

และยิ่งเธอวิ่งเร็วมากเท่าไหร่ แรงเฉื่อยก็ยิ่งมากเท่านั้น!

เมื่อทั้งสองอย่างมาประกอบกัน แรงที่จูโจมเข้ามา แม้แต่เทพเซียนผู้มีวิชาก็ไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ!

ดังนั้น ในตอนนี้ ณ วินาทีนี้ เธอจึงเตรียมตัวเข้าจูโจมเย่เฉินให้ตายในทีเดียว!

แต่ว่า

ในวินาทีที่เธอพุ่งเข้าไปข้างหน้าของเย่เฉิน ความผิดปกติบางอย่างก็เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน!

เย่เฉินไม่ถอย ไม่หลบ แต่กลับยื่นมือข้างหนึ่งออกมา คว้าจับข้อมือของซูรั่วหลีเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

ซูรั่วหลีรู้สึกเหมือนข้อมือของตัวเองถูกดตึงไว้อย่างแน่นหนา ไม่สามารถขยับได้เลยแม้สักนิด ลึกในใจเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ความคิดของเธอ แทบจะพลิกคว่ำในวินาทีนี้!

เธอเรียนวิชาต่อสู้ระดับสูงของตระกูลเหอมาตั้งแต่ด็กๆ ในวัยสิบแปด เธอก็สามารถกลายเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในรุ่นเยาว์ของตระกูล
เหอได้

อีกอย่าง ทั่วทั้งตระกูลเหอ ความเก่งกาจของเธอเป็นรองแค่ผู้อาวุโสรวมไปถึงคุณตา

เพราะแม่ของเธออย่างเหออิงซิ่วเสียแขนไปข้างหนึ่ง ดังนั้นความเก่งกาจจึงไม่ได้สูสีกับซูรั่วหลีเลยสักนิด!

จากสิ่งนี้สามารถเห็นได้ว่า ความเก่งกาจของเธอไม่ใช่คนธรรมดาจะสามารถเทียบได้!

เธอในตอนนี้ รู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก แอบพูดในใจว่า “เมื่อกี้ฉันใส่แรงไม่ยั้ง ต่อให่เป็นคุณตาที่ความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในตระ
กูลเอ ก็ไม่มีทางต้นทานได้อย่างง่ายดายแบบนี้ !อย่างน้อยคุณตาก็ต้องออกแรงออกมาทั้งหมด ถึงจะสามารถสกัดแรงโจมตีของฉันได้!”
“แต่ว่า ฉันฐโจมด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่หมอนี้กลับสามารถสกัดแรงของฉันได้อย่างกับฉันเป็นเด็กอนุบาลเสียอย่างนั้น!”

“ไอ้หมอนี้เพียงแค่ขยับมือ ก็สามารถสกัดกั้นแรงจูโจมราวสายฟ้าฟาดให้หยุดชะงักได้ทันที ! “

“นี่….นี่มันความสามารถระดับไหนกัน!”

ชูรั่วหลีรู้ ว่าการออกแรงโจมตีของตัวเอง ไม่ได้ด้อยไปกว่ากระสุนจากกระบอกปีนเลยสักนิด

การที่เย่เฉินยื่นมือออกมาสกัดแรงโจมตีของเธอเอาไว้ได้ นั่นก็เท่ากับว่าเขาสามารถยื่นมือสกัดลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาด้วยความเร็ว
ได้เช่นกัน!

ดังนั้น ในใจของซูรั่วหลีจึงกรีดร้องออกมาว่า “นี่..นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทำได้แน่ๆ! ผู้ชายตรงหน้า มีพลังวิเศษอะไร?!”

ในใจของเธอเริ่มลนลานขึ้นมา หลุดปากพูดอย่างสงสัยว่า “นาย….นายเป็นใครกันแน่?!”

“ฉัน?” เย่เฉินยิ้มออกมานิ่งๆ “งั้นขอพูดแบบไม่ยกยอและเสแสร้งเลยแล้วกันนะ ฉันคือคนที่เธอแตระกูลซูไม่มีทางสู้ได้ยั่งไงล่ะ!”