บทที่ 2052

ในตอนนี้เอง กัปตันเรือก็รีบพูดขึ้นมาว่า คุณท่าน ผมจะออกเรื่อเดี๋ยวนี้ ผมจะหาศพให้เจอ และส่งไปให้กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้น
ดินญี่ปุ่น!”

ซูเฉิงเฟิงเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ถ้าเรื่องนี้แกทำไม่สำเร็จ แกก็อย่ากลับมา! ”

“ครับคุณท่าน!”

กัปต้นเรือตอบตกลงออกไป จากนั้ถึงได้กดตัดสาย มองมาทางเย่เฉิน เอ่ยพูดด้วยบหน้าอ้อนวอนว่า “คุณครับ ถ้าซูเฉิงเฟิงรู้ว่าผม
โกหกเขา เขาต้องสับผมเป็นชิ้นๆแน่….

เยเฉินเอ่ยพูดนิ่งๆว่า “ไม่ต้องห่วง ในเมื่อนายทำตามที่ฉันบอก ยังไงฉันก็จะทำตามคำสัญญาที่ให้กับนายไว้อยู่แล้ว!”

พูดจบ เย่เฉินก็พูดขึ้นมาอีกว่า “คืนนี้พวกนายกลับไปที่เมืองจินหลิงกับฉันก่อน หลังจากนั้น ฉันจะให้พวกนายกบดานอยู่ในที่ที่
ปลอดภัย ถึงเวลานั้นพวกนายก็คงต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆไปก่อน หลังจากที่ฉันจัดการตระกูลซูเสร็จพวกนายก็จะสามารถกลับมามีชีวิต
อิสระและเปิดเผยได้แล้ว ”

เมื่อกัปตันเรือได้ยินดันี้ ก็คุกเข่าลงอย่างดีใจ โขกหัวกับฟื้นไปพลาง พูดอย่างซาบซึ้งไปพลาง “คุณครับ งั้นหลังจากนี้พวกผมขอฝาก
เนื้อฝากตัวกับคุณด้วยนะครับ!”

คนที่เหลือต่างก็ทยอยคุกเข่าลงเหมือนกัน

การที่เย่เฉินไว้ชีวิตพวกขา มันทำให้พวกเขารู้สึกดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็รู้สึกซาบซึ้ง ในสถานการณ์อย่างนี้ พวกเขาจึง
เชื่อฟังคำสั่งของเย่เฉินทุกอย่าง

ในตอนนี้เองเย่เฉิก็หันมาทางซูรั่วหลี เอ่ยพูดนิ่งๆว่า “เป็นไงสาวน้อย? เหมือนที่ฉันพูดไม่มีผิด ไอ้แก่ซูเฉิงเฟิงไม่เคยคิดที่จะช่วยเธอ
กลับประเทศ ทุกอย่างเป็นแค่การจัดฉากตบตาเธอก็เท่านั้นเอง”

ดวงตาของซูรั่วหลีมแดง ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนอย่างเมื่อสักครู่ เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าหม่นแสง แต่กลับเต็มไปด้วยความคลางแคลง
ใจ “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องจัดฉกตบตาฉันด้วยล่ะ? ไหนๆเขาก็ไม่ได้คิดจะช่วฉัน….ไม่ว่าฉันจะตายอยู่ในทะเล หรือถูก
กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นจับตัวไป ยังไงฉันก็ไม่มีทางหนีรอดจากญี่ปุ่นได้อยู่แล้ว มีความจำป็นอะไรที่เขาต้องลงทุนจัดฉากเพื่อ
ตบตาฉันด้วยล่ะ?”

เย่เฉินยักไหล่ พูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “ในเมื่อจัดละครฉากหนึ่งขึ้นมาขนาดนี้ แน่นอนว่าผู้ชมต้องไม่ได้มีแค่คนเดียวอยู่แล้ว นอกจากเธอ
บางที่อาจจะมีผู้ชมคนอื่นที่จำเป็นต้องเห็นการจัดฉากนี้ยกตัวอย่างเช่นครอบครัวฝั่งแม่ของเธอ”

พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็พูดนิ่งๆว่า “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าตกลงแล้วครอบครัวฝั่งแม่ของเธอเป็นใครกันแน่ แต่พอมาคิดๆดูแล้ว ในเมื่อเธอเป็น
ลูกนอกสมรสของซูโส่วเต้ แบบนั้นครอบครัวฝั่งแม่ของเธอก็คงจะมีความพิเศษพอสมควร!”

“ถ้าตระกูลซูไม่ช่วยเธอ ครอบครัวทางฝั่งแม่ของเธอต้องรู้สึกผิดหวังแน่นอน แต่ว่า ถ้าตระกูลซูยอมลงทุนลงแรงช่วยเธอ ถึงแม้สุดท้าย
จะช่วยเธอกลับไปแบบมีชีวิตไม่ได้ ครอบครัวฝั่งแม่ของเธออาจจะเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกขอบคุณตระกูลซูที่ยอมช่วยเธออย่างสุด
กำลัง!”

“เธอก็อยู่ที่ตระกูลซูมาได้สักระยะแล้วนี่ อะไรที่ทำพอเป็นพิธีและความจริงใจปลอมๆน่ะ เธอเองก็น่าจะดูออกใช่ไหม?”
ซูรั่วหลีพลันเข้าใจขึ้นมาทันที!

คำพูดของเย่เฉิน ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมา

เธอพึมพำในใจว่า “แม้ว่าตระกูลซูจะเป็นตระกูลที่สภาพเศรษฐกิจดีที่สุดในประเทศ แต่ในเรื่องของกำลังและการต่อสู้ กลับยังต้อง
พึ่งพาตระกูลเหออยู่!”

“เพราะถึงยังไงตระกูลเหอก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่เด่นเรื่องการต่อสู้ เพราะความส้มพันธ์ของพ่อกับแม่ ขวกกับการมีฉันคนนี้เป็นลูกนอก
สมรส ดังนั้นความสัมพันธ์ของตระกูลเหอและตระกูลซูจึงแน่นแฟ้นเป็นอย่างมาก!”

“ยอดฝีมือของตระกูลเหอ แทบจะถูกส่งตัวไปรับใช้ตระกูลชูทุกคน!”

“ดังนั้น การที่ซูเฉิงเฟิงจัดฉากนี้ขึ้นมา ต้องเป็นเพราะอยากให้ตระกูลเหอเห็นและรู้ว่า ตระกูลซูพยายามช่วยฉันอย่างเต็มที่แล้ว! ”

“เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะได้รับความรู้สึกดีๆจากตระกูลเหอ ทำให้ตระกูลเหอจงรักภักดีกับตระกูลซูไปจนตาย!”

ในตอนที่เธอเข้าใจที่มาที่ไปทุกอย่าง เยี่เฉินก็เอ่ยพูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “สาวน้อย ไม่รู้ว่าเธอเคยฟังเรื่องเล่าสนุกๆเรื่องหนึ่งมาก่อนไหม”
ซูรั่วหลีเอ่ยถามขึ้นมาว่า เรื่องเล่าอะไร?”