บทที่ 2055

ในเวลานี้สิ่งที่ซูรั่วหลีต้องการคืออยากมีชีวิตอยู่ต่อ แล้วค่อยตามสืบความจริงของเรื่องทั้งหมดให้ชัดเจน
แม้ว่าในตอนนี้เธอจะชิงชั่งตระกูลซูมากแค่ไหน แต่ถึงยังไงก็ยังมีความหวังสุดท้าย

เธอคิดว่า ถ้าหากเรื่องนี้มีแค่ปูอย่างซูเฉิงเฟิงวางแผ่นคนเดียว ซูโส่วเต้าไม่ได้มีส่วนร่ม หรือบางที่อาจจะถูกปิดบังด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่าง
นั้นเธอก็พอจะอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

แต่ถ้าเรื่องนี้ซูเฉิงเฟิงกับซูโส่วเต๋ามีส่วนร่วมด้วยกันล่ะก็ แบบนั้นเธอก็จะตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับตระกูลซู!

คิดมาถึงตรงนี้ ซูรั่หลีก็มองมาที่เย่เฉิน เอ่ยขอร้องเสียงเบาว่า “ฉันไปเมืองจินหลิงกับนายก็ได้ แต่นายให้ฉันโทรหาแม่ก่อนได้ไหม? ฉัน
ต้องบอกให้แม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่…ไม่อย่างนั้นแม่ฉันต้องเป็นห่วงมากแๆ….”

เย่เฉินหลุดปากพูดออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ไม่ได้! ”

ซูรั่วหลีคิดไม่ถึงเลยว่า การที่ตัวเองบากหน้าขอร้องเเฉิน เพียงแค่อยากบอกแม่ว่าเธอปลอดภัยดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เฉินจะปฏิเสธ
อย่างฉับไวแบบนี้

เธอเอ่ยถามอย่างมีน้ำโห “ทำไมจะไม่ได้? ต่อให้ทั้งตระกูลซูอยากให้ฉันตายแค่ไหน แต่แม่ของฉันไม่มีทางเห็นด้วยแน่…..

เย่เฉินแสยะยิ้ม “เธอควรรู้เอาไว้ ปฏิกิริยาของคนเป็นแม่ระหว่างลูกตายจริงๆกับลูกยังไม่ตายในสายตาคนนอกมันแตกต่างกันอย่าง
ซัดเจน!”

“ถ้าแม่ของเธอไม่รู้ว่าเธอยั่งมีชีวิตอยู่ แม่ของเธอก็จะแสดงความโศกเศร้าเสียใจออกมา ตระกูลซูก็จะไม่รู้สึกเอะใจอะไร”

“แต่ถ้าเธอบอกสถานการณ์ในตอนนี้ให้แม่ของเธอรู้ว่าเธอยังไม่ตาย แม่ของเธอก็คงแกล้งทำเป็นเศร้าสร้อยอย่างฝืนๆที่สูญเสียลูกสาว
สุดที่รักไป ถ้าเป็นแบบนั้น ก็จะถูกคนของตระกูลซูจับพิรุธได้ง่ายๆ!”

ขณะที่พูด เย่ฉินก็ยิ้มเย็นออกมาราวกับคิดอะไรได้ “ถึงยั่งไงความร้ายกาจของคนนามสกุลซูก็ไม่ใช่ธรรมดา เธอยกพวกไปทำลายตระ
กูลมัตสีโมโตะทั้งครอบครัวขนาดนั้น ซูเฉิงฟิงยังส่งคนมาฆ่เธอให้ตายที่ญี่ปุ่นได้เลย บางที่เขาอาจจะตามไปหาเรื่องแม่ของเธอเพื่อตัดไฟ
ตั้งแต่ต้นลมก็ได้ใครจะไปรู้?”

เมื่อซูรั่วหลีได้ยินดังนี้ เธอก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที

เมื่อก่อนเธอถูกล้างสมองมาตลอด คิดว่าผลประโยชน์ของตระกูลซูอยู่เหนือกว่าทุกสิ่ง ห้ามมีสิ่งไหนมาเหยียดหยามตระกูลซูทั้งนั้น
ดังนั้น เธอจึงลงมือกระทำกับศัตรูของตระกูลซูอย่างโหดเกี้ยมมาตลอด

แต่ว่า คราวก่อนที่ฆ่ายกครัวตระกูลมัตสีโมโตะ ความจริงแล้วไม่ใช่ความตั้งใจของซูรั่วหลี แต่เป็นความตั้งใจของซูโส่วเต้า
ตระกูลมัตสีโมโตะเกือบฆ่าลูกทั้งสองคนของซูโส่วเต้า ในตอนนั้นซูโส่วเต้าจึงกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก

ดั่งนั้นเขาถึงได้ออกคำสั่งให้ชูรั่วหลียกพวกไปตัดหัวตระกูลมั่ตสีโมโตะยกครัวซะ

ตอนนี้ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตระกูลซูก็ไม่ได้มีความปรานีให้เธอเลยเหมือนกัน นอกจากความโกรธแล้ว ลึกในใจของซูรั่วหลียังเต็มไปด้วย
ความละอายใจและเสียใจอีกด้วย

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคนตระกูลซูเป็นอย่างนี้ เธอคงไม่มีทางทุ่มเขให้พวกเขาอย่างไม่คิดชีวิตแบบนี้หรอก

เธอในขณะนี้ เพิ่งได้รู้ตัวว่า ตัวเองไม่เพียงแค่คิดอะไรตื้นๆ แต่ยังมองตระกูลซูแค่ด้านเดียวอีกด้วย

เธออดที่จะเอ่ยโทษตัวเองในใจไม่ได้”ซูรั่วหลีนะซูรั่วหลี แกนิ่มันโง่จริงๆ! เอกจากฆ่าคน แกก็แทบจะไม่เก่ง ไม่เข้าใจอะไรส้กอย่าง
เกือบจะพาแม่ซวยไปด้วยแล้วไหมล่ะ….”

“ผู้ชายคนนี้พูดถูก ถ้าให้แม่รู้เรื่องทุกอย่าง แม่ต้องไปหาเรื่องตระกูลซูแน่ๆ หรือต่อให้แม่อดทนได้ ถ้หากตระกูลซูมาหาแม่ แม่ก็คงถูก
จับพิรุธได้ไม่ยาก ถ้าเป็นแบบนั้น แม่ก็จะตกอยู่ในอันตราย….

คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็รีบมองมาที่เเฉิน และยอมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เอ่ยพูดอย่างแผ่วเบาว่า “งั้น…งั้นก็ได้..ฉัน…ฉันจะฟังนายทุก
อย่าง….”

เย่เฉินตอบอืม จากนั้นก็เอ่ยพูดว่า “ฉันจะให้คนพาเธอไปพักข้างในก่อน เลือดบนแผลของเธอหยุดไหลแล้ว อีกสักพักฉันจะช่วยดึง
ลูกดอกหน้าไม้ออกให้ จากนั้นค่อยช่วยเธอกำจัดพิษในร่างกายออกมา”

ซูรั่วหลีพยักหน้าเบาๆ ลังเลอยู่สักพัก ก็กัดริมฝีปากล่าง แล้วพูดเสียงเบาออกมาว่า “ขอบคุณ….”

เย่เฉินตอบอิ่ม จากนั้นก็พูดกับกัปต้นเรือของตัวเองว่า “นายไปที่เรืออีกลำกับฉัน กำหนดทิศทางให้เรือแล่นไปยังฝั่งตรงข้ามด้วย
ความเร็ว แบบนี้ถึงจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้”