บทที่ 2068

ซ่งหวั่นถิงห้วเราะออกมา ลูบรอยช้ำบริเวณหูและขมับ จากนั้นก็เอ่ยพูดว่า “ตอนแรกก็เหนื่อยมากๆเลยล่ะ อยากนอนให้เต็มอิ่มด้วย แต่
ว่าทนรับแรงสั่นสะเทือนจากคลื่นไม่ไหวจริงๆ เลยขึ้นมาสูดอากาศสักหน่อย”

เย่เฉินเอ่ยถามอย่างห่วงใย “เมาเรื่อเหรอ?”

ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “ยังได้อยู่ค่ะ ไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่”

เธอพูดพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเย่เฉิน เอนพิงที่กั้นเรื่อ มองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น เอ่ยพูดอย่างเพ้อๆว่า “ดวงอาทิตย์ขึ้นในทะเล
สวยจัง โตมาขนาดนี้ ฉันเพิ่งเคยได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย”

เย่เฉินเห็นความกังวัลและความประหม่าปรากฏอยู่ระหว่างคิ้วของเธอ จึงเอ่ยเรียกเธออย่างอดไม่ได้ว่า “หวั่นถึง….”

ซ่งหวั่นถึงรีบห้นกลับมามองเย่เฉิน “อาจารย์เย่ จะพูดอะไรเหรอคะ?”

เย่เฉินเอ่ยถามเธอ “เธอมีอะไรในใจหรือเปล่า?”

ซ่งหวั่นถิงลั่งเลอยู่สักพัก ก็พยักหน้ายอมรับเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเป็นห่วงอาการของคุณปู่ในตอนนี้ อีกอย่างไม่รู้
เลยว่าหลังจากที่กลับไป ควรที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไงดี….”

เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “กลับไปแล้วต้องจัดการยังไง เรื่องนี้เธอไม่ต้องกังวล ฉันจะช่วยเธอจัดการให้เรียบร้อย ส่วนอาการของ
คุณท่านซ่งในตอนนี้…

เย่เฉินหยุดไปสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน เรากลับเข้าไปในเรือก่อน ฉันจะใช่วิทยุดาวเทียมโทรหาหงห้าให้เขาถาม
ให้”

ซ่งหวั่นถึงรีบพยักหน้า “ได้ค่ะอาจารย์เย! ”

ทั้งสองคนกลับเข้ามาในเรื่อ หลังจากที่กัปตันเรือเอาวิทยุดาวเทียมมาให้ เย่เฉินก็ต่อสายหาหงห้า

เมื่อหงห้ารับสาย ก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครโทรมาครับ?”

เย่เฉินเอ่ยพูดว่า “หงห้า นี่ฉันเอง”

หงหารีบเอ่ยพูดด้วยความนอบน้อมว่า “อาจารย์เย่ ทำไมเปลี่ยนเบอร์ล่ะครับ?”

เย่เฉินตอบกลับว่า “ตอนนี้ฉันใช้วิทยุดาวเทียมโทร”

ขณะที่พูด เขาก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ใช่สิหงห้า ตอนนี้อาการของคุณท่านซ่งเป็นยังไงบ้าง?”

หงห้าเอ่ยพูดขึ้นว่า “หมอบอกว่าสมองของคุณท่านซ่งอาจจะได้รับการกระทบกระเทือน เลยมีอาการโรคสมองเสื่อม าการไม่ค่อยดี
เท่าไหร่เลยครับ แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไร ผมเฝ้าคุณท่านซ่งอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดตามที่คุณสั่งเอาไว้ ดังนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงความ
ปลอดภัยของเขาหรอกนะครับ”

เย่เฉินตอบอืม จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “แล้วสองพ่อลูกซ่งเทียนหมิงกับซ่งหรงวี่ล่ะ? ช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?”

หงห้าเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “เหมือนพวกเขากำลังเตรียมจัดประชุมบอร์ดบริหารนะครับ คุณซ่งหายตัวไป และคุณท่านซ่งก็เป็นโรคความจำ
เสื่อม ตอนนี้ช่งชื่อกรุ๊ปจึงไม่มีคนคอยคุม ดังนั้นพวกเขาเลยเตรียมจัดประชุมบอร์ดบริหารอย่างเร่งด่วน โดยมีซ่งเทียนหมิง เป็นผู้เข้ารับ
ตำแหน่งผู้บริหารชั่วคราวของซ่งซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ”

เย่เฉินเอ่ยถามขึ้นมาว่า “หืม? แล้วจัดประชุมเมื่อไหร่ ที่ไหน นายรู้ไหม?”

หงห้าเอ่ยพูดว่า “เหมือนจะเป็นวันมะรื่นช่วงสิบโมง จัดประชุมที่ซ่งซื่อกรุ๊ป อีกอย่างเวลาสิบเอ็ดโมงพวกเขาก็จะจัดงานแถลงข่าวเพื่อ
ประกาศผลการตัดสินของการประชุม แถมยังเชิญนักข่าวหลายสำนักมาเป็นพยานด้วยนะครับ”

เย่เฉินรู้ดี ว่าตอนนี้ช่งเทียนหมิงกำลังอาศัยวิธีการที่สมเหตุสมผลเพื่อให้ได้ตำแหนงผู้นำและผู้บริหารของซ่งชื่อกรัปมาครอบครองอย่าง
เปิดเผย

ในมุมมองของซ่งเทียนหมิง ต่อให้อยู่หรือตายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อีกอย่างเปอร์ซ็นต์มีชีวิตรอดยยังต่ำมากอีกด้วย ความน่าย่ำเกรง
ก็มีแค่ริบหรี่

ในเมื่อตอนนี้คุณท่านซ่งกลายเป็นคนความจำเสื่อมไปแล้ว สำหรับเขาจึงไม่มีความเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น

ในสถานการณ์อย่างนี้ ควรถือโอกาสคว้าซ่งซื่อกรุ๊ปมาไว้ในมือ และขายทรัพย์สินแลกเป็นเงินสดให้เร็วที่สุด สิ่งนี้ถึงจะเป็นสิ่งที่สองพ่อ
ลูกให้ความสำคัญที่สุด

คิดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ยิ้มออกมานิ่งๆ แล้วเอ่ยพูดว่า “หงห้า นายช่วยไปขอบัตรเชิญเช้างานกับซ่งเทียนหมิงให้ฉันสักสองสามใบหน่อย
สิ บอกเขาว่าถึงตอนนั้นฉันจะไปเข้าร่วมด้วยตัวเอง!”