ในจักรวาลที่วังเวงมีเมืองใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ ทิวทัศน์งามตระการตา แสงมรรคซัดสาดราวกระแสน้ำขึ้นลงนับหมื่นแสน ไม่เสื่อมสูญชั่วกาล
แวบแรกที่มองไปหลินสวินก็ไหวหวั่นอย่างอดไม่ได้ เมืองใหญ่นั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนดวงดาว ทั้งไม่ได้ตั้งอยู่ในโลก หากแต่ลอยอยู่กลางจักรวาลทั้งอย่างนั้น พาให้ตนใจสั่นสะเทือน
สุริยันจันทราดาราที่อยู่หน้าเมืองนี้ล้วนดูเล็กจ้อยเป็นพิเศษ!
เมืองข้ามแดน!
นกกระจอกเขียวพลันกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง มันกลับเข้าไปในถุงหอมแล้วสื่อจิต ‘หากคนของเผ่าจักรพรรดิอมตะเจอข้า ต้องชักนำภัยพิบัติมาให้เจ้าแน่’
หลินสวินพยักหน้า เคลื่อนย้ายผ่านอากาศไปยังเมืองข้ามแดน
ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งพบว่าเมืองข้ามแดนสูงตระหง่านมหึมาเพียงใด ยิ่งใหญ่สง่างามกว่าโลกแห่งหนึ่ง
กำแพงเมืองดุจสันเขาทอดยาวไร้ขอบเขต เปล่งแสงมรรคสีทองรางๆ หอประตูเมืองราวกับปราการสวรรค์ ยิ่งใหญ่สง่างามหนักแน่น
ในฟ้าดาราใกล้เคียง แสงมรรคพร่างพรายนับไม่ถ้วนปรากฏ พุ่งไปยังเมืองข้ามแดนจากทั่วสารทิศ
รุ้งเทพดุจสายฝน เงาคนดั่งกระแสน้ำ!
บ้างขี่สัตว์ปีศาจนกวิญญาณอัศจรรย์ บ้างนั่งเกี้ยวสมบัติงดงามหรูหรา บ้างยืนอยู่บนเบาะรองนั่งเมฆมงคล บ้างควบคุมสมบัติมรรคท่องเหิน…
ไม่ว่าจะเป็นนกปีศาจสัตว์ประหลาด เกี้ยวสมบัติงดงามหรูหรา หรือเบาะรองนั่งสมบัติล้ำค่า… ล้วนเรียกได้ว่าเป็นเลิศในโลก
เมื่อมองอย่างละเอียด เงาร่างพวกนี้ส่วนใหญ่เกาะกลุ่มเป็นขบวน และมีคนที่เดินทางสันโดษตัวคนเดียวเหมือนหลินสวินเช่นกัน
หลินสวินกวาดสายตามอง ทุกหนแห่งล้วนเป็นเงาร่างของระดับจักรพรรดิ ทะยานทั่วฟ้าดิน เร่งไล่ดาราจันทรา อานุภาพเกรียงไกร พลังไร้ขอบเขต!
หลินสวินลอบสูดหายใจหนาวเยือกอย่างอดไม่ได้
หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา เหล่าจักรพรรดิออกเดินทางย่อมก่อความโกลาหลทั่วหล้าได้ แต่นอกเมืองข้ามแดนนี้กลับเห็นบ่อยจนชินตา!
“นั่นก็คือเมืองข้ามแดน ในแต่ละช่วงเวลาจะมีผู้เก่งกาจจากแต่ละโลกจักรวาลมารวมกัน มุ่งหน้าไปยังประตูข้ามแดนปฐพี แต่ครั้งนี้พวกเราแค่มาท่องเที่ยว ดูบรรยากาศของที่แห่งนี้สักหน่อยเพื่อเป็นการเตรียมตัวในภายหน้า”
“ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมีเพียงในเมืองข้ามแดนที่เจอระดับจักรพรรดิมากเช่นนี้ได้ นี่ถือเป็นภาพมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าแล้ว”
“แค่คิดก็รู้แล้วว่าโลกพันจักรวาลประกอบด้วยมิติจักรวาลนับไม่ถ้วน แม้ว่าระดับจักรพรรดิในแต่ละมิติจักรวาลจะมีน้อยหาใดเปรียบ แต่หากรวมตัวกันอยู่ใกล้เมืองข้ามแดนนี้ จำนวนนั้นก็มากมายนัก”
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้มีบุคคลรุ่นอาวุโสกล่าวว่า ในเมืองข้ามแดนระดับจักรพรรดิมีเยอะเหมือนขนวัว ข้ายังไม่กล้าเชื่อ ตอนนี้ดูท่าว่าคำคนโบราณไม่เคยหลอกลวง”
ระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันระหว่างทะยานผ่านข้างตัวหลินสวินไป
ได้ยินพวกเขาคุยกันทำให้หลินสวินอึ้งงัน เห็นชัดว่าระดับจักรพรรดิพวกนี้ไม่ได้ต้องการมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึก แค่มาท่องเที่ยวเท่านั้น
‘สำหรับผู้ฝึกปราณของทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างพวกเจ้า หนทางมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึกนั้นห่างไกลอันตราย เต็มไปด้วยอุปสรรค แต่สำหรับผู้ฝึกปราณในมิติจักรวาลที่อยู่ติดกับเมืองข้ามแดนบางส่วน การมาที่แห่งนี้ก็เหมือนท่องเขาลำเนาไพร แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกคือต้องมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขึ้นไป’
นกกระจอกเขียวสื่อจิตชี้แนะหลินสวิน ‘เหมือนเขตแดนดารานภาที่อยู่ใกล้เมืองข้ามแดนที่สุดนี้ ก็คือมิติจักรวาลแห่งหนึ่งที่จัดอยู่ในอันดับห้าของโลกพันจักรวาล ระดับจักรพรรดิที่เด่นผงาดในนั้น ไม่เกินสามวันก็มาถึงเมืองข้ามแดนได้’
หลินสวินพยักหน้า เคลื่อนตัวตามเงาร่างมากมายนั้นไปยังเมืองข้ามแดน
เขาตัวคนเดียว กลิ่นอายรอบตัวเก็บงำ ท่าทางราบเรียบ ดูไปแล้วไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป
แต่ระดับจักรพรรดิที่พบเจอระหว่างทางล้วนไม่กล้าดูถูก ถึงอย่างไรคนที่สามารถตระเวนทั่วห้วงอากาศว่างเปล่า มุ่งหน้ามาเมืองข้ามแดนได้ อย่างน้อยก็เป็นระดับจักรพรรดิเหมือนพวกเขา!
หลังจากเข้ามาในประตูเมืองที่สูงตระหง่านโดดเด่นนั้น ก็เห็นว่าทุกหนแห่งคือภาพความพลุกพล่าน แสงเรืองรองสาดประกาย แสงสมบัติพลุ่งพล่าน
ในฐานะเมืองข้ามแดนที่มีชื่อเสียงทั่วโลกพันจักรวาลแห่งหนึ่ง ในแต่ละวันไม่รู้ว่ามีพวกน่ากลัวทยอยมาอย่างไม่ขาดสายเท่าไหร่ ที่แห่งนี้ยังมีหอการค้าและสถานที่ค้าขายมากมายด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นร้านลูกกลอนโอสถ หอสมบัติล้ำค่า โรงหลอมอาวุธ หรือสถานที่จำพวกหอสุราและโรงเตี๊ยม ส่วนใหญ่เปิดกิจการโดยมุ่งเป้าที่ระดับจักรพรรดิ เบื้องหลังล้วนมีขุมอำนาจใหญ่ให้ท้าย
ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางครอบครองพื้นที่ในเมืองข้ามแดนได้แน่
ความจริงนอกจากเมืองข้ามแดนจะเป็นประตูมุ่งสู่แดนใหญ่พันศึกแล้ว ยังเป็นเมืองการค้าที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดแห่งหนึ่งด้วย
ระดับจักรพรรดิมากมายที่มาจากโลกจักรวาลต่างๆ รวมตัวอยู่ที่นี่ ใช่ว่าเพื่อมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึก แต่เพื่อแลกเปลี่ยนของจำเป็นต่อการฝึกปราณอย่างเจตวัตถุ ลูกกลอนโอสถ วิชายุทธ์ที่นี่เท่านั้น
สถานที่ค้าขายซึ่งสามารถดึงดูดมหาจักรพรรดิทั่วหล้าให้มาได้ สินค้าทั้งหมดย่อมไม่ธรรมดาแน่
สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือ นอกจากระดับจักรพรรดิแล้ว ในเมืองส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ พวกเขาทำหน้าที่ทุกบทบาท อย่างเด็กรับใช้ในหอสุรา คนเฝ้าร้านเป็นต้น
‘ก็ถูก ระดับจักรพรรดิเป็นสิ่งมีชีวิตระดับใด มีหรือจะแหกปากตะโกนขายสมบัติอยู่ที่นี่…’ หลินสวินคล้ายขบคิด
“ผู้อาวุโสมาเมืองข้ามแดนเป็นครั้งแรกใช่หรือไม่”
ไม่ทันไรชายร่างอ้วนที่ดูจริงใจตรงไปตรงมาคนหนึ่งก็กระเถิบเข้ามาใกล้ แม้ว่ามีพลังปราณแค่ระดับอริยะ แต่กลับไม่กลัวเลยสักนิด บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น
“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า
เจ้าอ้วนนัยน์ตาเป็นประกายกล่าวว่า “ผู้อาวุโสมาท่องเที่ยวหรือมาซื้อขายแลกเปลี่ยนสมบัติ หรือมาเพื่อมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึกขอรับ”
หลินสวินกล่าว “ท่องเที่ยวก่อน ค่อยพิจารณาว่าจะมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึกหรือไม่”
เจ้าอ้วนยิ้มกล่าว “ข้าน้อยสั่วจง คบค้าสมาคมในเมืองนี้มาหลายปี บางทีอาจช่วยผู้อาวุโสได้ ขอแค่ยามผู้อาวุโสรู้สึกพอใจค่อยจ่ายค่าตอบแทนให้ข้าเล็กน้อยก็พอ”
คราวนี้หลินสวินถึงได้เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย กล่าวอย่างสนอกสนใจ “เจ้าต้องการค่าตอบแทนเป็นอะไร”
“ทางที่ดีขอเป็น ‘ผลึกต้นกำเนิดจักรวาล’ ขอรับ”
เจ้าอ้วนพูดพลางอธิบาย ที่แท้ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลนี้ก็คือสกุลเงินอย่างหนึ่งที่แพร่หลายในโลกยอดนิรันดร์ เป็นเจตวัตถุอย่างหนึ่งที่ภายในแฝงกลิ่นอายแรกกำเนิดพลุ่งพล่าน
ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลแต่ละก้อนถูกเฉือนตัดจนมีขนาดเท่าเหรียญทองแดง เป็นทั้งสกุลเงินและนำมาใช้ฝึกปราณได้
ในโลกยอดนิรันดร์ ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลก็คือเงินตราที่ทุกคนในใต้หล้าล้วนยอมรับ ยึดตามความแตกต่างของคุณลักษณะสามารถแบ่งออกเป็นสามระดับ
ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง มีค่ามากที่สุด
ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสาม มีค่าน้อยที่สุด
เมื่อหลินสวินฟังจบก็พูดว่า “บนตัวข้าไม่มีของสิ่งนี้”
เจ้าอ้วนยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องปวดหัวด้วยเรื่องนี้ ในเมืองมีสถานที่แลกเปลี่ยนผลึกต้นกำเนิดจักรวาลโดยเฉพาะ หนึ่งหมื่นผลึกมรรคแลกเปลี่ยนเป็นผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสามได้หนึ่งก้อน ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสามหนึ่งร้อยก้อน แลกเปลี่ยนเป็นผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสองได้หนึ่งก้อน…”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “แน่นอนว่าผู้อาวุโสสามารถนำเจตวัตถุ ลูกกลอนโอสถ วิชายุทธ์ สมบัติในมือมาขายได้เช่นกัน อาศัยสิ่งนี้มาแลกเปลี่ยนเป็นผลึกต้นกำเนิดจักรวาล”
หลินสวินพยักหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ข้าได้ยินว่าหากต้องการมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึก จำเป็นต้องแลกป้ายยืนยันใน ‘จวนเจ้าเมือง’ ที่มีทูตพิทักษ์เมืองปกครอง ป้ายยืนยันนี้มีมูลค่าเท่าไหร่”
เจ้าอ้วนยื่นนิ้วออกมา “หนึ่งพันผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง หรือก็คือหนึ่งแสนล้านผลึกมรรค”
เมื่อแจ้งจำนวนนี้ออกมา แม้แต่หลินสวินยังนัยน์ตาหดรัด
ใช่ว่าเขาจ่ายไม่ได้ เป็นถึงมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ทรัพย์สินที่เขาสั่งสมยามท่องไปทั่วหล้าช่วงหลายปีนี้ไม่อาจประเมินได้นานแล้ว
ต่อให้สมบัติที่ใช้ไม่ได้พวกนั้นยังอยู่บนภูเขาชำระจิต แต่ในช่วงหนึ่งปีนี้ แค่ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากมือศัตรูตลอดทางยามเขาก้าวผ่านฟ้าดาราก็เป็นจำนวนเหลือคณาแล้ว
แต่ราคานี้ก็ยังอยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน
หนึ่งแสนล้านผลึกมรรคอะไรกัน
หากคำนวณเป็นศาสตราจักรพรรดิทั่วไป ย่อมกองพะเนินเป็นภูเขาลูกเล็กแล้ว!
เดิมเขาคิดว่าการมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึก ก็คือการเหยียบทางโลหิตซึ่งไร้หนทางกลับ อันตรายเกินคาดเดา ใครจะคิดว่าแค่ป้ายยืนยันเพื่อมุ่งสู่ประตูข้ามแดนปฐพีป้ายหนึ่งก็ต้องใช้ทรัพย์สินมากเช่นนี้
“ผู้อาวุโส ประตูข้ามแดนปฐพีตั้งอยู่ในส่วนลึกสุดของม่านนภาผนึกมรรค หากไม่มีป้ายยืนยันก็ขึ้นยานข้ามโลกเพื่อไปประตูข้ามแดนปฐพีไม่ได้ จะว่าไปแม้ราคานี้จะไร้เหตุผล แต่สำหรับระดับจักรพรรดิอย่างผู้อาวุโสต้องแบกรับไหวเป็นแน่”
เจ้าอ้วนอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ดี ก่อนมุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึก เจ้าก็ติดตามข้างกายข้าเถอะ” หลินสวินพยักหน้า
เจ้าอ้วนสีหน้าดีใจ จากนั้นจึงกล่าวเสียงเบา “ผู้อาวุโส ขอบอกไว้ก่อน หนึ่งวันข้าจะเก็บค่าจ้างสิบผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสามนะขอรับ”
หลินสวินกล่าว “เอาอย่างนี้ เจ้าพาข้าไปแลกผลึกต้นกำเนิดจักรวาลก่อน”
เจ้าอ้วนรับคำอย่างยินดี พาหลินสวินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ผ่านเขตถนนถึงสิบกว่าแห่ง กว่าจะเข้ามาในอาคารเก่าแก่นาม ‘เรือนจักรวาล’ หลังหนึ่ง
‘ผู้อาวุโส ปัจจุบันคนของเรือนจักรวาลและจวนเจ้าเมืองนี้ ล้วนมาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเฮ่อแห่งโลกยอดนิรันดร์เหมือนทูตพิทักษ์เมือง ‘บรรพจารย์จักรพรรดิอวิ้นหยวน’ ท่านต้องจำไว้ ผู้ที่ไม่อาจล่วงเกินที่สุดในเมืองก็คือคนของตระกูลเฮ่อ’
ก่อนเข้ามาในเรือนจักรวาล เจ้าอ้วนเจาะจงสื่อจิตเตือนเป็นพิเศษ
บรรพจารย์จักรพรรดิอวิ้นหยวน
เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเฮ่อ
หลินสวินพยักหน้า
ในเรือนจักรวาลมีระดับจักรพรรดิที่มาเมืองข้ามแดนเป็นครั้งแรกเหมือนหลินสวินมากมาย ล้วนกำลังแลกเปลี่ยนผลึกต้นกำเนิดจักรวาล
แม้ว่าคนจะมาก แต่กลับเป็นระเบียบเรียบร้อย
เห็นชัดว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าเรือนจักรวาลไม่อาจล่วงเกิน
ไม่นานหลินสวินก็มาถึงหน้าโต๊ะตัวหนึ่ง ยื่นถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาลวกๆ สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในเต็มไปด้วยผลึกมรรคที่กองเหมือนภูเขาลูกย่อมมากมาย
แต่สุดท้ายกลับแลกผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งได้แค่สามก้อน ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสองห้าสิบก้อน รวมถึงผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสามแปดสิบก้อน
เวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็เห็นรูปร่างของผลึกต้นกำเนิดจักรวาลอย่างชัดเจน
แต่ละก้อนล้วนมีขนาดเท่าเหรียญทองแดง ชั้นสามเป็นสีเขียว ชั้นสองเป็นสีเงิน ชั้นหนึ่งเป็นสีทอง
ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลแต่ละก้อนล้วนมีน้ำหนักมหาศาล ภายในแฝงกลิ่นอายแรกกำเนิดบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งหนาแน่น ระดับชั้นยิ่งสูง กลิ่นอายแรกกำเนิดที่แฝงอยู่ก็ยิ่งเรียบง่ายทรงพลัง
หลินสวินสัมผัสดูเล็กน้อย ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลนี้มีค่ากว่าผลึกมรรคมากจริงๆ ต่อให้ไม่นำมาใช้เป็นสกุลเงิน ก็สามารถเติมเต็มความต้องการในการฝึกปราณของระดับจักรพรรดิได้
โดยเฉพาะผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง อย่างน้อยก็สามารถช่วยให้หลินสวินที่มีพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกฝึกปราณได้หนึ่งวันเต็ม!
เมื่อก้าวออกจากเรือนจักรวาล หลินสวินยื่นผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นสามห้าสิบก้อนให้เจ้าอ้วนลวกๆ พลางกล่าว “นี่คือค่าตอบแทนล่วงหน้า”
เจ้าอ้วนยิ้มร่าทันที สำหรับเขาที่มีพลังปราณแค่ระดับอริยะ ค่าตอบแทนล่วงหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นเงินก้อนโตแล้ว!
เจ้าอ้วนเก็บลงไปอย่างระมัดระวังแล้วจึงกล่าว “ผู้อาวุโส ไปไหนต่อดีขอรับ”
“ขายสมบัติ แลกผลึกต้นกำเนิดจักรวาลต่อ”
หลินสวินพูดโดยไม่ต้องคิด
ในมือเขาเพิ่งมีผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งแค่สามก้อน ห่างไกลจากจำนวนหนึ่งพันมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปแลกป้ายยืนยันเพื่อมุ่งสู่ประตูข้ามแดนปฐพีเลย
ยังดีที่แม้ว่าบนตัวเขาจะขาดผลึกมรรค แต่ไม่ได้ขาดเจตวัตถุและสมบัตินานัปการ!
…………………