“สิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่ ต้องเป็นประทับการต่อสู้ชิ้นหนึ่งแน่” ครู่ใหญ่นกกระจอกเขียวถึงส่งเสียง เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งสงบใจจากความตื่นตะลึงเช่นกัน
“หรือพวกเราจะออกไปไหม” นกกระจอกเขียวเอ่ยเสนอ
หลินสวินส่ายหัว ตาดำลุ่มลึก “อุตส่าห์มาแล้ว ถ้าไม่ไปดูเพลิงระเบียบดับสูญนั่นก็น่าเสียดาย”
ขณะพูดเขาก็เดินหน้าต่อ
จู่ๆ นกกระจอกเขียวก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่กระตุ้นหลินสวิน ที่นี่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสถานที่อันเลวร้ายโหดเหี้ยมนัก เกรงว่าต่อให้เกิดเหตุผิดคาดแม้สักนิด ก็เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะชักนำเภทภัยมาถึงตัว!
แต่นกกระจอกเขียวไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้ ด้วยดูออกว่าหลินสวินตัดสินใจแล้ว
ยิ่งลึกเข้าไปหมอกสีดำยิ่งเข้มข้น เงียบสงัด ไม่มีเสียงสักนิด
ภายใต้การตรวจสอบของเปิดตาทิพย์ของหลินสวิน ก็พบเศษกระเบื้องแตกมากมายและโครงกระดูกหักพังหมองดำจำนวนหนึ่งกระจายอยู่บนพื้น ต่างเน่าเบื่อไม่เหลือดี แตะทีเดียวก็กลายเป็นขี้เถ้าปลิวว่อนสลายไป
นี่ทำให้หลินสวินระบุได้ ว่าในยุคก่อนเป็นไปได้สูงยิ่งที่ที่นี่จะมีตึกรามบ้านช่องมากมายกระจายตัวอยู่ มีสรรพชีวิตพำนักอยู่ที่นี่
ส่วนอย่างอื่นไม่อาจตรวจสอบได้อีก
มุ่งหน้าไปเบื้องหน้าเช่นนี้อีกหลายสิบลี้ ระหว่างทางกลับไม่พบอันตรายใดๆ อีก ดูเงียบสงบถึงที่สุด
เพียงแต่หลินสวินยังสัมผัสได้อย่างฉับไว ว่ายิ่งลึกเข้ากลิ่นอายอึดอัดชวนให้หายใจไม่ออกนั้นก็ยิ่งหนาแน่น น่าขนลุกตามไปด้วย
“ทำไมยังไม่พบเพลิงระเบียบดับสูญที่เจ้าว่า” หลินสวินถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
นกกระจอกเขียวกำลังจะตอบ
จู่ๆ ก็พบว่าส่วนลึกของหมอกดำนั้นมีเงาดำมหึมาเงาหนึ่งอุบัติขึ้น ตั้งตระหง่านดุจภูผาอยู่ตรงนั้น
หลินสวินหวาดหวั่นใจ หยุดเดินทันที
เมื่อเขาเพ่งดูโดยละเอียด กลับพบว่าเงาดำมหึมานั้นดันเป็นเตาหลอมเตาหนึ่ง!
สูงหลายสิบจั้ง ทั้งเตามีร่องรอยผุกร่อนกระดำกระด่างกระจายอยู่เต็มไปหมด หมอกสีดำโอบล้อม ทำให้เตานี้ดูลึกลับยิ่งนัก
หลินสวินคิดๆ แล้วกัดฟันแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเข้าไปมองใกล้ๆ ก็พบว่าเตาใหญ่นี้ผุพังอย่างหนักไปนานแล้ว จะสลายกลายเป็นซากเมื่อไรก็ได้
พื้นผิวเตาใหญ่มองเห็นลายเมฆคลุมเครือจำนวนหนึ่งได้รางๆ เพียงแต่ไม่อาจแยกได้ว่านั่นเป็นภาพเช่นไรกันแน่
ก็ในตอนนี้เอง…
วู้ม…
ระเบียบนิพพานพุ่งออกมาอีกครั้ง แสงมรรคที่กระจายออกมาปกคลุมไปทั้งเตามหึมานั้น
หลินสวินกับนกกระจอกเขียวต่างอึ้งงันไปครู่หนึ่ง
จากนั้นทั้งสองก็เข้าใจบางอย่างแล้ว เกรงว่าในเตาหลอมนี้จะมีปริศนาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแดนนรกเมื่อยุคก่อนประทับอยู่!
เห็นได้ชัดว่าเป็นดังที่หลินสวินคาดเดาไว้ ผ่านไปสักพักเมื่อระเบียบนิพพานย้อนกลับมา แดนนรกในโลกระเบียบนั้นก็มีตำหนักพญายมสิบหลังกระจายตัวเพิ่มขึ้นมา!
ตำหนักพญายมแต่ละหลังต่างสะท้อนความสง่างามอันแตกต่าง ล้วนแขวนป้ายเหนือประตูต่างกันไป
ได้แก่ ตำหนักฉินก่วงอ๋อง ตำหนักฉู่เจียงอ๋อง ตำหนักซ่งตี้อ๋อง ตำหนักอู่กวนอ๋อง ตำหนักเหยียนหลัวอ๋อง ตำหนักเปี้ยนเฉิงอ๋อง ตำหนักไท่ซานอ๋อง ตำหนักตูซื่ออ๋อง ตำหนักผิงเติ่งอ๋องและตำหนักจ้วนหลุนอ๋อง
เมื่อพอตำหนักพญายมทั้งสิบปรากฏขึ้หลินสวินก็สังเกตเห็นว่าหนึ่งในลายมรรคนรกเก้าลายชัดเจนสมบูรณ์ขึ้นทันตา!
จิตรับรู้แทรกสอดเข้าไป ชั่วพริบตานัยเร้นลับมหามรรคอันลึกลับอัศจรรย์ก็ผุดขึ้นในใจ
มรรคสิบตำหนักพญายม!
มหามรรคนรกอันลึกลับสุดหยั่งชนิดหนึ่ง แบ่งออกเป็นสิบสายใหญ่ ต่างเกี่ยวข้องกับโทษทัณฑ์และการเข่นฆ่า
เช่น ‘มรรคันฉ่องบาป’ มหามรรคที่ครอบครองโดยตำหนักฉินก่วงอ๋อง เป็นพลังที่สามารถมองทะลุบาปได้ หากฝึกถึงขีดสุด พลังมหามรรคจะควบรวมเป็นภาพพิสดารดั่ง ‘บันทึกเกิดดับ’ ภาพหนึ่ง
หรือ ‘มรรคจ่อมจมทะเลทุกข์’ มีตำหนักฉู่เจียงอ๋องครอบครอง เป็นมรรคแห่งการลงทัณฑ์ชนิดหนึ่ง หากฝึกถึงขีดสุด จะสามารถควบรวมภาพทะเลทุกข์ภาพหนึ่ง
หรืออย่าง ‘มรรคจรัสเพลิง’ มีซ่งตี้อ๋องครอบครอง เป็นมรรคกำราบกักขังชนิดหนึ่ง หากฝึกถึงขีดสุดจะสามารถควบรวมภาพวงล้อมันดาลาได้ภาพหนึ่ง
มหามรรคสายอื่นต่างก็มีความมหัศจรรย์และอานุภาพของตัวเอง
พลังมหามรรคสิบชนิดนี้ รวมตัวกันเป็น ‘มรรคสิบตำหนักพญายม’
เมื่อหลินสวินได้รู้ดังนี้ก็อุทานในใจอย่างอดไม่ได้
เมื่อเทียบกับ ‘มรรคกักวิญญาณ’ ที่มีต้นกำเนิดจากด่านประตูผีแล้ว ‘มรรคสิบตำหนักพญายม’ ที่มีต้นกำเนิดจากสิบตำหนักพญายมนี้ซับซ้อนและคลุมเครือกว่า มีอานุภาพอัศจรรย์มากมาย น่าตื่นตะลึงถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ทำให้หลินสวินไม่กล้าจินตนาการว่าแดนนรกยุคก่อนนั้นจะล้ำเลิศปานไหน ถึงได้ครอบครองพลังมหามรรคอันน่าเหลือเชื่อได้มากมายปานนี้!
หากไม่ใช่ว่าระเบียบนิพพานมีความสามารถในการฟื้นคืนและให้กำเนิดใหม่ ฟื้นคืนมรรคกักวิญญาณกับมรรคสิบตำหนักพญายมให้ปรากฏขึ้น เกรงว่าทั้งชาติคงไม่มีทางได้เข้าใจนัยเร้นลับเช่นนี้
“ได้ผลเก็บเกี่ยวชิ้นใหญ่อีกแล้วหรือ” นกกระจอกเขียวพึมพำ เหมือนอิจฉาอยู่บ้าง
ข้ามสะพานปลงอนิจจัง ฝ่าด่านประตูผี กระทั่งตอนนี้พบกับเตาหลอมนี้ ทำให้หลินสวินได้ผลเก็บเกี่ยวทุกครั้ง แล้วนี่จะให้นกกระจอกเขียวสงบใจได้อย่างไร
ในอดีตที่ผ่านมา นกกระจอกเขียวไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีผู้ฝึกปราณคนไหนประสบโชคในแดนนรกเซินหลัวหลายครั้งอย่างหลินสวิน
ทว่านกกระจอกเขียวก็รู้ชัด ว่าทั้งหมดนี้เกรงว่าจะเกี่ยวกับพลังระเบียบอันลึกลับในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสายนั้น!
พลังระเบียบนั่นน่าทึ่งเกินไป สามารถฟื้นคืนพลังระเบียบที่พินาศไปตั้งแต่ยุคก่อนได้ ทำให้มันเกิดใหม่ ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนโลกนี้!
ทว่าหลินสวินได้รับประโยชน์จากในนั้นมากมายเพียงไหนกันแน่ นกกระจอกเขียวกลับไม่รู้สักนิด นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มันหงุดหงิดว้าวุ่นทั้งยังอิจฉาตาร้อน
“ไม่ถึงกับเป็นผลเก็บเกี่ยวใหญ่โต แค่รู้สึกว่าออกจะเหลือเชื่อ”
หลินสวินทอดถอนใจออกมา
ไม่ได้เจอเพลิงระเบียบดับสูญนั้น แต่กลับทำให้เขาได้รับมรรคสิบตำหนักพญายมของยุคก่อน นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ
นกกระจอกเขียวเอ่ยว่า “รู้จังหวะไหนควรหยุดก็หยุด รีบออกไปเถอะ”
สายตาหลินสวินประเมินเตาหลอมกระดำกระด่างเตานี้แล้วเปรยว่า “เจ้าว่าในเตาหลอมนี้จะเป็นอย่างไรกันแน่”
นกกระจอกเขียวอึ้งไป
เงาร่างหลินสวินไหววูบ กระโจนพุ่งขึ้นกลางอากาศไปอยู่เหนือเตาหลอมพลางมองลงไป
แม้เขาจะเก็บงำพลังทั้งตัว ระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้ว แต่ตอนที่เคลื่อนผ่านอากาศขึ้นไปก็ยังแผ่คลื่นพลังจำนวนหนึ่งออกมาเหมือนเดิม
ทันใดนั้นเตาหลอมนี้เหมือนสะดุ้งตกใจ ปลดปล่อยกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงไร้สิ้นสุดออกมาจากในนั้น
ตูม!
ชั่วพริบตาเตาหลอมที่ผุพังกระดำกระด่างมาก่อนแล้วก็ระเบิดออก แสงเพลิงสีดำบาดตาไร้สิ้นสุดพุ่งขึ้นทะลุเมฆ
เมื่อเสียงปังดังขึ้น หลินสวินก็ถูกซัดจนร่างกระเด็นคว่ำออกไป เจ็บปวดยิ่งไปทั้งตัว รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วตั้งแต่ผิวหนังยันเส้นผมเหมือนโดนไฟลวก
เขาอดตะลึงไม่ได้
ด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนี้ ไม่ได้ยับเยินเช่นนี้มานานแล้ว
ยามมองไปไกลๆ อีกครั้ง สายรุ้งเปลวเพลิงราวโซ่เทพระเบียบสายหนึ่งพาดผ่านฟ้าดิน เปล่งแสงเจิดจ้าเหลือประมาณออกมา กระแสทำลายล้างร้อนระอุทำให้หมอกดำที่ปกคลุมอยู่ระเหยไป ห้วงอากาศถูกเผาจนแดงเหมือนเปลวเพลิงไปหมด!
“เพลิงระเบียบดับสูญ!” นกกระจอกเขียวร้องลั่น
หลินสวินใจสั่นอย่างรุนแรง ที่แท้นี่ก็คือเพลิงอันน่าสะพรึงที่สามารถสังหารบรรพจารย์มรรคได้อย่างง่ายดาย!
ยังไม่ทันให้เขาคิดอะไรอีก เพลิงระเบียบนั้นก็หวดมาทางเขาอย่างแรงเหมือนแส้เทพเริงระบำสายหนึ่งแล้ว
โครม!
เปลวเพลิงคับฟ้า ทุกที่ที่เพลิงระเบียบผ่านฟ้าดินเหมือนถูกเผา สรรพสิ่งดับสลาย ความน่ากลัวของกลิ่นอายทำลายล้างเช่นนั้นทำเอาหลินสวินยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้
สวบ!
เขาไม่ลังเลสักนิด หันหลังหนีไป
เดิมทีหลินสวินยังคิดจะใช้พลังของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบเพลิงระเบียบดับสูญ แต่เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาก็ล้มเลิกทันที
พลังเช่นนั้นน่าหวาดหวั่นเกินไป อย่างกับว่าแค่แตะโดนเบาๆ ก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวในชั่วพริบตา!
“แย่แล้ว!”
ทันใดนั้นในใจหลินสวินกระตุกรุนแรง หลบไปด้านหนึ่งตามจิตใต้สำนึก
ก็เห็นเพลิงระเบียบดับสูญกลุ่มหนึ่งพลันผุดออกมาบนทางที่เขาหลบหนี อย่างกับซ่อนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เขาหลบทัน เกรงว่าคงแตะต้องไปแล้ว!
หลินสวินตกใจจนเหงื่อกาฬไหลไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้ เจ้าของเล่นนี่จะพิสดารไปแล้ว
เขาไม่กล้าหยุด หลบหนีต่อไป
แต่เพียงครู่เดียวหลินสวินก็สีหน้าเหยเก
ที่แท้รอบๆ พื้นที่ที่อบอวลด้วยหมอกดำนี้ ถึงกับถูกเพลิงระเบียบดับสูญกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าล้อมเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้!
เพลิงระเบียบแต่ละลูกล้วนแตกต่างกัน บ้างใหญ่หนาเหมือนมังกร สง่างามเปล่งประกาย ส่องสว่างภูผาธารา บ้างเรียวเล็กเหมือนปราณกระบี่ ไหววูบพเนจร พิสดารสุดคาดเดา
แต่ไม่ว่าอย่างไรเพลิงระเบียบดับสูญเหล่านี้ก็เหมือนมีจิตวิญญาณ แปลงเป็นวงแหวนไฟขนาดมหึมาลูกหนึ่งล้อมบริเวณรอบๆ หลินสวินเอาไว้
มิหนำซ้ำยังหดตัวและบีบเข้ามาใกล้ไม่หยุด!
นี่มันไร้ทางสู่ฟ้า ไร้ประตูสู่ดินจริงๆ จะรุกจะถอยก็ต้องสัมผัสกับเปลวเพลิงน่ากลัวพวกนี้ตรงๆ อย่างไม่อาจเลี่ยงได้
“จบเห่แล้ว…” นกกระจอกเขียวส่งเสียงคล้ายโอดครวญ “ถ้าฟังข้าแต่แรกจะตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ได้อย่างไร”
แต่หลินสวินไม่มีเวลามาสนใจนกกระจอกเขียว เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กลับเยือกเย็นอย่างที่สุด
สวบ!
ทันใดนั้นเขาพลันเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ถลาไปหาเพลิงระเบียบเรียวเล็กดุจปราณกระบี่สายหนึ่ง ฝ่ายหลังฉายวาบอย่างพิสดาร หายลับไปกลางอากาศทั้งอย่างนั้น
หลินสวินสีหน้าดีใจ กำลังจะฉวยโอกาสนี้หนีออกไปจากวงล้อม
แต่ครู่ต่อมาความดีใจบนใบหน้าก็แข็งค้าง
เพราะบนทางข้างหน้ามีเพลิงระเบียบนับร้อยนับพันแน่นขนัดปรากฏขึ้น ล้วนเรียวเล็กเหมือนปราณกระบี่ สว่างจ้าบาดตาถึงที่สุด
ยามมองไปทางอื่นอีกครั้ง เพลิงระเบียบต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามาอย่างฮึกเหิม ฟ้าดินถูกเผา เปลวเพลิงคับฟ้าในทุกที่ที่ผ่าน
“สู้ตาย!”
หลินสวินกัดฟันเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา พุ่งตรงไปข้างหน้า
ปัง!
เมื่อเพลิงระเบียบคล้ายปราณกระบี่สายแรกปะทะกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง พลังทำลายล้างอันน่าตระหนกก็กระจายออกมา ซัดจนหลินสวินแทบกระอักเลือด
แต่เขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้ โคจรพลังถึงขีดสุดเหมือนเอาชีวิตเข้าแลก ถึงได้สลายพลังของเพลิงระเบียบนี้ไปได้
แต่จากนั้นเพลิงระเบียบกลุ่มอื่นที่เบียดแน่นอยู่เบื้องหน้าก็พุ่งเข้ามา
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดจนหูแทบดับดังก้องฟ้าดิน ทุกครั้งที่เสียงปะทะดังขึ้น จะต้องมีพลังเปลวเพลิงอันน่าพรั่นพรึงปลดปล่อยออกมาด้วย
ครู่หนึ่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสั่นระรัวรุนแรงส่งเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา แม้หลินสวินจะใช้มรรควิถีทั้งตัวก็ยังถูกการจู่โจมแน่นขนัดเหล่านั้นซัดจนหน้าถอดสี กระอักเลือดไม่หยุด
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเพลิงระเบียบด้านหลังก็พุ่งเข้ามาแล้ว…
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นเกรงว่าต้องสิ้นหวังไปแล้ว
แต่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลินสวินพลันตะคอกลั่น สำแดงอภินิหารหยุดเวลา
ชั่วพริบตาเดียว
ฟ้าดินเหมือนเงียบสงัด หยุดชะงักอยู่เช่นนั้น
ด้านหลินสวินฉวยโอกาสชั่วพริบตานี้ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกออกไปแรงๆ เพลิงระเบียบที่ขวางหน้าอยู่ถูกทำลายและเปิดทางออกทันที
อาศัยโอกาสนี้ หลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศพุ่งถลาออกไป
——