บทที่ 2111
ในเวลานี้ ตระกูลซูในเย่นจิง
การหายตัวไปของซูรั่วหลี แม้ว่าจะทำให้ซูเฉิงเฟิงกับซูโสวเต้าสองคนพ่อลูกก็ว้าวุ่นจิตใจ แต่กลับไม่ได้ส่งผลต่อจิตใจของซูจือหยูและซู
จือเฟยแม้แต่น้อย
พวกเขาสองคนไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของซูรั่วหลี เพียงแค่คิดว่าเธอเป็นคนใช้ในบ้านเท่านั้นเอง รวมทั้งซูรั่วหลีก็ยังเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว
ของซูโสว่เต้ามาโดยตลอด พวกเขาสองคนพี่น้องเคยติดต่อใกล้ชิดมาไม่มาก ดังนั้นเรื่องของเธอสำหรับสองพี่น้อง ก็ไม่ได้มีความห่วงใยอะไร
เป็นธรรมดา
ตอนนี้ สองคนพี่น้องกำลังอยู่ในห้องหนังสือของซูจือหยู ต่างคนต่างหันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ เปิดภาพจับหน้าจอกล้องวงจรที่ลูกน้อง
รวบรวมมาให้
ในภาพจับหน้าจอเหล่านี้ เต็มไปด้วยใบหน้าของชายหนุ่มเอเชีย
พวกเขาเป็นพนักงานทั้งหมดของตระกูลซู ตามคำขอของซูจื่อหยู ตั้งแต่ช่วงก่อนตัดเอาภาพส่วนหนึ่งของภาพกล้องวงจรจากสนามบิน
ใหญ่ต่างๆในประเทศญี่ปุ่นมา
สิ่งที่สองพี่น้องต้องทำ ก็คือเปิดดูภาพจับหน้าจอเหล่านี้อย่างไม่หยุดหย่อน พยายามหาร่างของเย่เฉินจากในนั้นให้ได้
เพียงแต่น่าเสียดาย ภาพกล้องวงจรปิดในตอนนั้นมากเกินไปจริงๆ จำนวนนักท่องเที่ยวในสนามบินหลักหลายแห่งที่ภายในหลายวัน รวม
กันแล้วก็เกินหลายล้านคน
ต้องการหาเย่เฉินจากผู้คนนับหลายล้านคนออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายดายจริงๆ
ทั้งสองคนเปิดตรวจภาพจับหน้าจอของกล้องวงจรปิดเหล่านี้มาหลายวันแล้ว แต่ยังคงหาร่างของเย่เฉินไม่เจอ
ซูจือหยูที่สวยสง่เพราะว่าเฝ้าหน้าคอมพิวเตอร์มาหลายวันหลายคืนแล้ว ในนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ดวงตาก็แห้งจนทนไม่ไหว
แต่ว่ายังหยดยาหยดตาไปด้วย และสู้ต่อไปด้วย
ซูจือเฟยเพราะว่ารับปากน้องสาวล่วงหน้า จะต้องช่วยเธอตามหาผู้มีพระคุณอย่างเต็มที่ ด้งนั้นก็ไม่กล้าเหนื่อยหน่ายและขี้เกียจแม้แต่
น้อย เปิดดูทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อเห็นว่ากลั่นกรองภาพกล้องวงจรปีดไปเกือบหนึ่งล้านคน ยังตามหาร่างของเย่เฉินไม่เจอ ซูจือเฟยก็ค่อนข้างถอนใจกลางคันไม่มากก็
น้อย และพูดกับชูจือหยูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า : “อหยู ตามหาแบบนี้ก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะเป็นจุดจบสักทีนะ…
ซูจือหยูเปิดดูภาพจับหน้าจอไปด้วย และพูดอย่างเคร่งขรึมไปด้วย: “มีคนทั้งหมดสามล้านกว่าคนที่ต้องแยกแยะตอนนี้เกือบจะหนึ่งล้าน
แล้ว ถือว่าสำเร็จไปหนึ่งส่วนสี่ ฉันเชื่อว่าดูสามล้านคนนี้ทั้งหมด จะต้องหาเบาะแสของผู้มีพระคุณได้แน่ๆ!”
ซูจือเฟยถอนหายใจ และพูดว่า: “อหยู เธอก็อย่าฝืนมากเกินไป เธอดูดวงตานั้นของเธอ แดงจนเหมือนกระต่าย พักผ่อนก่อนค่อยตาม
หาต่อเถอะ!”
ซูจือหยูพูดว่า: “ฉันไม่เหนื่อยสักหน่อย ถ้าพี่เหนื่อย สามารถไปพักผ่อนได้ก่อนสิบนาที”
“สิบนาทีงั้นเหรอ?!”ซูจือเฟยพูดด้วยความกระอักกระอ่วนอย่างสุดขีดว่า: “น้องสาว เธออย่าชื่อซูจือหยูเลย เธอเปลี่ยนชื่อเป็นซูขี้เหนียว
เถอะ! หาต่อไปอย่างนี้ ฉันเกือบจะตาบอดแล้ว!”
ซูจือหยูพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเล็กน้อยว่า: “งั้นพี่ก็ไม่ต้องหา ฉันหาเอง!”
ซูจื่อหยูรีบพูดอธิบายว่า: “ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันก็แค่อยากจะพักผ่อนสักพั….
จากนั้น เขารีบลุกขึ้น รินชามาสองถ้วย ยื่นให้ซูจือหยุหนึ่งแก้ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “มาจือหยู ดื่มชาพักผ่อนไม่กี่นาที เรียนหนังสือยัง
มีเวลาพักของเรียนหนังสือ เธอจะฝืนเกินไปไม่ได้ ใช่มั้ย?”
ซูจือหยูยกชาขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง และพูดว่า: “วิดีโอเหล่นี้เป็นสิ่งไม่มีชีวิต คนเป็นสิ่งมีชีวิต ถ้าหากพวกเราไม่รีบหาเบาะแสของผู้มีพระคุณ
ให้พบโดยเร็วที่สุด เกิดไขมไลน์ของผู้มีพระคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ควรจะทำยังไง? เกิดพวกเราไม่ง่ายเลยที่จะหาเบาะแสพบได้ ต่อจาก
นั้นตามรอยไปสืบหาแต่ผู้มีพระคุณก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้วจะทำยังไง?”