คำพูดประโยคเดียวเผยความเย้ยหยันออกมาอย่างเปิดเผย เหมือนฝ่ามือไร้รูปตบลงบนหน้าของเด็กหนุ่มผมขาวกับนักพรตเฒ่าชุดแดง

ทั้งสองโมโหจนหน้าบวมแดง ไอสังหารพุ่งทะลัก แทบจะเสียสติ

ถูกหลอกแล้ว!

ก่อนหน้านี้ในใจพวกเขายังพอใจด้วยซ้ำที่หลินสวินคำไหนคำนั้น บอกจะไปก็ไปเช่นนั้นอยู่เลย

จะคิดได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องโกหก!

ที่คับข้องที่สุดก็คือ สู้กันถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตายแสนสาหัส ฆ่ากันจนเกิดไฟโทสะขึ้นจริงๆ แล้ว

แต่ในตอนนี้เองหลินสวินดันกลับมา…

เห็นใบหน้ายิ้มแฉ่งนั้นของหลินสวิน ทั้งสองแทบอยากชกเขาให้แหลก ถลกเนื้อเถือหนังทั้งเป็น

“นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้ว ได้เวลาส่งพวกเจ้าสองคนไปตายแล้ว”

หลินสวินตบมือเอ่ยเรื่อยเฉื่อย

เสียงโครมดังขึ้น เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกวาดโจมตีออกไป ทรงพลังแกร่งกล้า คล้ายจะกำราบทั่วพื้นที่นั้นทั้งหมด

เด็กหนุ่มผมขาวหน้าเปลี่ยนสี ส่งเสียงคำรามยาว แสงเทพสีม่วงสะดุดตาพวยพุ่งไปทั้งตัว โบกกระบองสำริดเล่มหนึ่งกระแทกออกมาอย่างจัง

แต่ในชั่วพริบตานี้นักกพรตเฒ่าชุดแดงผู้นั้นกลับปลีกตัวถอยหลัง คิดจะหนีไป!

เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ไม่ได้เสียสติไป รับรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ไม่คิดจะดึงดันสู้ต่อ

แต่หลินสวินจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร ก็พบว่าร่างแยกทั้งห้าพุ่งออกไปล้อมสังหารนักพรตเฒ่าชุดแดงด้วยกัน

การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ฟ้าดินแถบนี้ถูกระเบิดไปหมด

ที่ต่างกับก่อนหน้านี้คือขุมอำนาจของเด็กหนุ่มผมขาวกับนักพรตเฒ่าชุดแดงบาดเจ็บล้มตายสาหัสไปนานแล้ว ขนาดพวกเขาสองคนเองยังได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว

ในสถานการณ์เช่นนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อย่างไร

เพียงครู่สั้นๆ

พร้อมกับเสียงร้องน่าอนาถอันขุ่นเคืองรันทดใจ นักพรตเฒ่าชุดแดงถูกร่างแยกทั้งห้าถล่มสังหารทันที พลังจิตดั้งเดิมยังไม่ทันหนีก็ระเบิดไปด้วยกันกับกายเนื้อ จิตสิ้นวิญญาณสลาย

เด็กหนุ่มผมขาวเห็นท่าไม่ดี หมายจะหนีไปก็ไม่ทันแล้ว ถูกร่างต้นของหลินสวินกับร่างแยกทั้งห้าร่วมกันล้อมโจมตี

อานุภาพการโจมตีเช่นนั้นเหมือนพายุฝนบ้าคลั่ง ปกคลุมไปสี่ทิศแปดด้าน ไม่ให้โอกาสเด็กหนุ่มผมขาวได้พักหายใจสักนิด

ในที่สุดเขาก็ถูกสังหาร ดับสิ้นคาที่!

ส่วนระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่นยิ่งอ่อนแอกว่า ถูกหลินสวินสังหารเกลี้ยงอย่างไม่เกรงใจสักนิด

ก่อนหน้านี้เขาพบแหล่งดารานี้เป็นคนแรก แต่กลับถูกพวกเด็กหนุ่มผมขาว นักพรตเฒ่าชุดแดงและจักรพรรดิขวงหรูร่วมกันล้อมโจมตี ความชิงชังอัดอั้นอยู่ในใจมานานแล้ว

บัดนี้ความชิงชังนี้ได้ระบายออกมาในที่สุด!

ไม่นานนักหลินสวินก็เก็บแหล่งดาราที่อยู่ตรงนี้ไป เขาไม่ชักช้าร่ำไร เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหายลับไปทันที

ต่อมาหลินสวินก็เดินทางในเขตที่หกอีกสองวัน

ตอนที่เขาคิดจะจากไป ขณะอยู่ระหว่างทางไปเขตที่เจ็ด กลับได้ยินอย่างผิดคาดว่าเหวินเซ่าเหิงผู้นั้น ดันออกจากแดนลับฝึกหลอมนี้จากเขตที่หกตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว!

เมื่อรู้ข่าวนี้หลินสวินก็นิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้

เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าก่อนที่การเคี่ยวกรำจะสิ้นสุด เหวินเซ่าเหิงจะออกไปก่อนได้อย่างไร

‘ต้องเป็นการดูแลเป็นพิเศษจากเจ้าเฒ่าเหิงเทียนซั่วแน่!’ หลินสวินรู้สึกได้กลายๆ ว่าการจากไปของเหวินเซ่าเหิงต้องเกี่ยวข้องกับเหิงเทียนซั่วอย่างแยกไม่ออกแน่

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงส่ายหัว ไม่คิดเรื่องนี้อีก

เขาคาดเดาว่าต่อให้เหวินเซ่าเหิงออกไปตอนนี้ ก่อนจะได้ข่าวยืนยันว่าตนตายในเขตที่เก้าแล้ว เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะรั้งอยู่ในเมืองตั้งต้นนั้นตลอด

และตอนนี้ที่ตนต้องทำ ก็คือรอดออกจากเขตที่เก้านั่น

……

วันที่สิบห้านับแต่ที่เข้ามาในแดนลับฝึกหลอม หลินสวินเข้าไปในเขตที่เจ็ด

เขาเริ่มจดจ่อกับการรวบรวมแหล่งดารา

แน่นอนว่าสมบัติเช่นนี้ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี เช่นนี้ถึงแลกเอามุกยมโลกมาได้มากพอ และหลอมลายมรรคนรกเก้าลายนั้นออกมาได้สมบูรณ์

เขตที่เจ็ดมีทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง กลิ่นอายเย็นเยียบอย่างบอกไม่ถูกหลั่งไหลอยู่กลางฟ้าดิน ชวนให้หวาดหวั่นใจ อึดอัดและน่ากลัวยิ่งขึ้น

ที่นี่เกิดเภทภัยอย่างต่อเนื่อง มีพายุล้างโลกอาละวาด บดขยี้ให้ห้วงอากาศแหลกกระจุย เกิดเป็นรอยแยกมหึมาเหมือนใยแมงมุม

มีแสงไหวเคลื่อนตระการตาพาดผ่านอยู่ใต้เวิ้งฟ้า แสงประกายอันตรายที่สามารถขู่ขวัญระดับจักรพรรดิได้ไหววูบ

ได้ยินเสียงท่องธรรมอันคลุมเครือ เลื่อนลอยไม่นิ่งเป็นครั้งคราว กลับเปี่ยมด้วยพลังมารอันพิสดาร ปั่นป่วนสภาวะจิตได้อย่างเงียบเชียบ ทำให้จิตมรรคเสียการควบคุม

…ภาพทิวทัศน์อันแปลกประหลาดเหล่านั้น อย่าว่าแต่ระดับจักรพรรดิทั่วไป ต่อให้เป็นตัวหลินสวินเองยังหวาดหวั่นใจไม่หยุด ระแวงระวังมากยิ่งขึ้น

บนทางสายนี้เขาเกือบพบหายนะอยู่หลายครั้ง ต่างเกี่ยวข้องกับเภทภัยอันแปลกประหลาดเหล่านั้น มาเยือนกะทันหัน พิสดารน่าหวาดหวั่น เผยภัยคุกคามถึงชีวิต ป้องกันอย่างไรก็ไม่ได้

ประสบการอันตรายหลายครั้งนี้ยังทำให้หลินสวินตระหนกจนเหงื่อกาฬไหล

นี่เพิ่งเขตที่เจ็ดก็น่ากลัวปานนี้แล้ว เช่นนั้นเขตที่แปดจะเป็นอย่างไรกัน แล้วเขตที่เก้า… จะน่าครั่นคร้ามขนาดไหน

กลิ่นอายบนป้ายยืนยันตัวตนยังชี้ไปข้างหน้า

นี่ทำให้หลินสวินยิ่งแน่ใจว่าสิ่งที่รอตนอยู่ต้องเป็นเขตที่เก้าอย่างไม่ต้องสงสัย!

“เหิงเทียนซั่ว!”

ตั้งแต่เข้ามาในแดนใหญ่พันศึก หลินสวินเพิ่งแค้นใครสักคนขนาดนี้เป็นครั้งแรก

ผลักตนเข้ามาในทางตันที่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันยังไม่มีใครรอดออกมาแห่งหนึ่งอย่างแนบเนียน อุบายเช่นนี้ต่ำช้าและร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัย!

“หืม?”

ทันใดนั้นหลินสวินก็สังเกตเห็นว่าเบื้องหน้ามีคลื่นพลังชีวิตระลอกหนึ่งอุบัติขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าสถานที่บางแห่งเบื้องหน้ามีแหล่งดาราฝังอยู่ชิ้นหนึ่ง

แต่หลินสวินเคยชินแล้ว

นี่เป็นแหล่งดาราชิ้นที่เก้าที่เขาหาเจอหลังจากเข้ามาในเขตที่เจ็ดแล้ว

แม้เขตที่เจ็ดจะอันตรายถึงขีดสุด แต่จำนวนแหล่งดาราที่ซ่อนอยู่กลับน่าตกตะลึงนัก หกเขตใหญ่ก่อนหน้านี้เทียบไม่ติด มิหนำซ้ำคุณลักษณะของแต่ละชิ้นยังเรียกได้ว่าชั้นหนึ่ง

หลินสวินพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

เบื้องหน้ามีโกรกธารมหึมาอยู่แห่งหนึ่ง ละม้ายหลุมสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น คลื่นพลังชีวิตนั้นก็ออกมาจากใต้โกรกธารนี้

หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นมือคว้าไปใต้โกรกธารนั้นทันที

โครม!

ผืนดินเหมือนทรุดตัวดังสนั่นดั่งทำจากเศษกระดาษ

จากนั้นแสงมรรคสีดำก็พุ่งออกมา ฉายวาบเบาๆ หลบการฉกฉวยจากมือใหญ่ของหลินสวิน

แสงมรรคสีดำรวมตัวกลางอากาศกลายเป็นคทาสมประสงค์เล่มหนึ่ง ส่องแสงเจิดจ้า ละอองแสงที่หลั่งรินออกมาควบรวมเป็นดอกไม้นับหมื่นพัน ผลิบานซ้อนกัน ดูเกรียงไกรยิ่งนัก

หลินสวินตาเป็นประกายทันที ใจเต้นระส่ำ

แหล่งดาราแปลงเป็นศาสตรา กฎเกณฑ์กายสิทธิ์!

นี่เป็นแหล่งดาราหายากที่มีคุณลักษณะเหนือธรรมดา สมบูรณ์ไร้ข้อบกพร่องชิ้นหนึ่ง คุณลักษณะคล้ายคลึงกับแหล่งดาราที่หลินสวินได้เป็นชิ้นแรก!

หลินสวินไม่ลังเลสักนิด กระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้าสยบคทาสมประสงค์สีดำเล่มนั้นทันที

ฟิ้ว!

คทาสมประสงค์สีดำหลบหนีไม่หยุด ว่องไวหาใดเทียบ ดูเปี่ยมจิตวิญญาณ

แต่จะต้านการโจมตีของหลินสวินได้อย่างไร เพียงพริบตาก็ถูกหลินสวินกำราบอยู่หมัด

เพียงแต่ก็ในตอนที่หลินสวินเพิ่งกำราบสมบัติชิ้นนี้ได้

ตูม!

ปราณกระบี่เปล่งประกายดุจหิมะขาวโพลนสายหนึ่งฟันมาจากขอบฟ้าไกลลิบ ประหนึ่งธารสวรรค์ม้วนกลับ ถล่มจักรวาล ฟันแหวกห้วงอากาศ อานุภาพน่ากลัวไร้สิ้นสุด

หลินสวินเลิกคิ้ว สะบัดแขนเสื้อขจัดปราณกระบี่ที่ฟันมานี้ให้หายลับไปในความว่างเปล่าอย่างง่ายดาย

“หลิงเสวียนจื่อ ส่งแหล่งดาราชิ้นนั้นมา หาไม่แล้วเจ้าย่อมไม่มีทางรอดไปจากที่นี่”

เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็พบว่าชายชุดดำคนหนึ่งเหยียบกระบี่มรรคเจิดจ้าดุจหิมะเล่มหนึ่งแหวกผ่านฟ้ากว้างมา

แขนเสื้อเขาไหวกระพือ แววตาเฉยเมย มีท่าทางโอหังสูงส่ง

หลินสวินจำอีกฝ่ายได้ ในตอนที่อยู่เมืองตั้งต้น เฟิงจวินหลินเคยมาที่โรงเตี๊ยมเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ตนก้มหัวเป็นข้ารับใช้ และชายชุดดำคนนี้ก็คือหนึ่งในระดับจักรพรรดิสี่คนที่ติดตามข้างกายเฟิงจวินหลิน

“ปล้นหรือ” หลินสวินยิ้ม

ตั้งแต่เข้ามาในแดนลับฝึกหลอม เขาเจอเรื่องทำนองนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

ชายชุดดำมือไพล่หลัง เท้าเหยียบกระบี่มรรค สีหน้าหยิ่งทระนง เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ไม่ เป็นเจ้าต้องมอบสมบัตินี้ออกมา ถึงจะแลกเอาชีวิตกลับไปได้”

สิ่งที่ตอบกลับเขาคือฝ่ามืออันไร้ปรานีของหลินสวิน

ตูม!

มือใหญ่บังฟ้าที่มีแสงมรรคเจิดจ้ามือหนึ่งพาดขวางกลางห้วงอากาศ คล้ายหัตถ์สวรรค์ที่ยื่นออกมา อบอวลไปด้วยอานุภาพน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด ทำให้ห้วงอากาศระเบิดออก

กระบี่มรรคใต้เท้าชายชุดดำเคลื่อนออกมาดังชิ้ง เข้าปะทะต้านทาน

เผียะ!

ท่ามกลางเสียงหนักทึบ ชายชุดดำถูกตบกระเด็นออกไปอย่างแรงเหมือนแมลงวัน เลือดกบปากจมูก กระแทกเสียห้วงอากาศยังยุบตัว

ในสมองเขามีเสียงวิ้งๆ ดังขึ้น ตาพร่าไปหมด สับสนงุนงงในทันที ตน… ถึงกับขวางพลังฝ่ามือเดียวไม่ได้หรือ

ก็ไม่แปลกที่ชายชุดดำจะไม่รู้เรื่องรู้ราว หลังจากเข้าสู่แดนลับฝึกหลอม พวกเขาก็ข้ามเขตใหญ่ต่างๆ เข้าสู่เขตที่เจ็ดทันที จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหกเขตใหญ่เมื่อหลายวันก่อน

หาไม่แล้วเขาย่อมไม่กล้างัดข้อกับหลินสวินเช่นนั้น

“รนหาที่ตาย เจ้ารู้ผลลัพธ์ของการทำเช่นนี้ไหม”

ชายชุดดำร้องลั่น หน้าเขาบวมแดงเลือดไหล เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว

“ฝ่ามือนี้ยังไม่ปลุกให้เจ้าตื่นอีกหรือ” หลินสวินออกจะประหลาดใจ ชายชุดดำผู้นี้ไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้ยังกำเริบเสิบสานปานนี้

ขณะที่พูด ฝ่ามือเขาก็ตบผ่านอากาศออกไปอีกครั้ง

ในที่สุดชายชุดดำก็เผยสีหน้าลนลาน เลือกหลบหนีทันที

แต่ยังคงถูกพลังฝ่ามืออันน่ากลัวนั้นกวาดโดน พลันเหมือนถูกภูเขาเทพกระแทกร่าง กระเด็นออกไปอย่างรุนแรง ส่งเสียงครวญครางโอดโอย

ก็ในตอนนี้เองห้วงอากาศไกลออกไปปั่นป่วนครู่หนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งกรูกันออกมา ผู้ที่นำหน้าสวมเกี้ยวประดับทองม่วง เอวคาดเข็มขัดหยกขาว มีนัยน์ตาตั้งสีม่วง ยามกะพริบตามีแสงเร้นลับสีม่วงไหวเคลื่อน ประกายมรรคเป็นริ้วๆ พวยพุ่ง

เฟิงจวินหลินนั่นเอง!

บุคคลในตำนานที่มีฉายามกุฎยอดกระบี่ มาจากเขายอดกระบี่ในเขตแดนดาราเทพผงาดซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในโลกพันจักรวาล

คนผู้นี้สง่างามดุจหงส์มังกร องอาจมีมาด ยามขยับตัวเสมือนผสานกับฟ้าดิน ยืนสบายๆ ก็ยังดูน่าเกรงขาม อหังการไม่มีใครเทียบได้ ดึงดูดใจคน

ข้างกายเฟิงจวินหลินยังมีคนติดตามอยู่สามคน เมื่อได้เห็นชายชุดดำท่าทางยับเยินน่าอนาถ ดวงตาก็หดรัดลง สีหน้าล้วนอึมครึม สายตาหันมองไปยังหลินสวิน

“นายน้อย! หลิงเสวียนจื่อคนนี้ชิงเอาแหล่งดาราที่ข้าพบเป็นคนแรกไป ข้าให้เขาคืนให้เขายังจะฆ่าข้าอีก!”

ชายชุดดำเหมือนเจอที่พึ่ง จิตใจฮึกเหิม กัดฟันเอ่ยปาก ถ้อยคำที่พูดออกมากล่าวโทษอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

หลินสวินหลุดขำออกมา สีหน้าเหยียดหยาม “คนอย่างเจ้านี่โกหกได้หน้าซื่อๆ เจ้าไปถามนายน้อยของเจ้าดู ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดเขาเห็นอยู่ก่อนแล้วหรือไม่”

สาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขายังไม่ฆ่าชายชุดดำคนนี้ทันที ก็เพราะสังเกตเห็นว่าในมุมมืดมีจิตรับรู้แกร่งกล้าสายหนึ่งจับจ้องฟ้าดินแถบนี้อยู่ตลอด

หลินสวินไม่ต้องเดาสักนิดก็รู้ว่าจะต้องเป็นเฟิงจวินหลินอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมหลินสวินไม่ได้ลงมือรุนแรง ก็เพราะอยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะทนซ่อนอยู่ในที่ลับได้ถึงเมื่อไร

——