เหิงจั้นถูกกำราบ!
ทั่วพื้นที่นี้เงียบกริบ ไร้สรรพเสียงใด
ต่อให้เป็นพวกเยวี่ยตู๋ชิว เซี่ยงเสี่ยวหยวน เฟิงจวินหลิน ต่างก็ตกใจเพราะภาพนี้
พวกเขารู้ความน่ากลัวของเหิงจั้นเป็นอย่างดี ถึงขั้นที่เมื่อเปลี่ยนเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา หากไม่ใช้ไพ่ตาย ไม่มีทางจัดการเหิงจั้นได้
แต่หลินสวินกลับใช้มรรควิถีของตน กำราบอีกฝ่ายด้วยความเผด็จการหาใดเปรียบ!
เทียบกันเช่นนี้ในใจพวกเขาจะสงบได้อย่างไร
ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นี้ต่างอึ้งงันอยู่กับที่
หลินสวินรอดออกจากแดนลับฝึกหลอมเขตที่เก้าก็เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว และตอนนี้เขายิ่งลงมือโดยตรง สังหารทหารคุ้มกันเมืองยี่สิบกว่าคนจนหมด และจับเหิงจั้นที่มาจากตระกูลเหิงไว้!
กร๊อบ!
หลินสวินซัดเข่าของเหิงจั้นจนแหลก บังคับให้เขาคุกเข่ากับพื้น จากนั้นสายตามองไปยังทุกคนในที่นี้
ทุกคนที่ถูกสายตาของเขากวาดผ่านล้วนสั่นไปทั้งตัว รู้สึกไม่เป็นสุขขึ้นมา เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่
ในความเงียบหลินสวินยิ้ม เผยให้เห็นฝันขาวดั่งหิมะ กล่าวว่า
“ทุกท่าน ข้ามีลางสังหรณ์หนึ่ง เมืองตั้งต้นเกรงว่าคงจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่แล้ว หากทุกท่านอยากรีบออกจากเมือง ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าได้”
ทุกคนต่างอึ้งงัน สับสนเล็กน้อย นี่มันสถานการณ์อะไร เมื่อครู่นี้ยังฆ่าคนนองเลือด ตอนนี้กลับยินดีช่วยเหลือคนอื่นหรือ
“ช่วยอะไร” เยวี่ยตู๋ชิวสนใจ
“ถามได้ดี”
หลินสวินยิ้มเบิกบาน พลิกฝ่ามือคราหนึ่ง แหล่งดารามากมายปรากฏออกมา มีถึงสามสิบกว่าชิ้น
“เชื่อว่าสหายยุทธ์ในที่นี้ หลายคนยังไม่สามารถรวบรวมแหล่งดาราได้ครบสิบชิ้น ข้ามีเหลือพอดี สามารถแลกกับทุกคนได้”
หลินสวินยิ้มพูด “อิงตามราคาในท้องตลาด แหล่งดาราหนึ่งชิ้นราคาห้าแสนผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง ข้าสามารถขายถูกลงหน่อยได้ เพียงสี่แสน แน่นอนว่าสามารถเอามุกยมโลกมาแลกได้ด้วย”
เยวี่ยตู๋ชิว “…”
คนอื่นๆ “…”
ทุกคนล้วนสีหน้างุนงง
นี่ยังใช่คนร้ายกาจที่เข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น อหังการไร้ปรานีเมื่อครู่นี้อีกหรือ
ชั่วพริบตาก็เจรจาค้าขาย ความแตกต่างนี้เกิดขึ้นกะทันหันจนไม่ทันตั้งตัวจริงๆ…
“ไม่มีคนต้องการเลยหรือ”
หลินสวินถาม
ในที่สุดก็มีคนรวบรวมความกล้าเอ่ยว่า “ข้าต้องการแหล่งดาราสามชิ้น”
หลินสวินตอบรับอย่างรวดเร็ว เสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนอย่างราบรื่น
เมื่อมีคนนำ คนไม่น้อยก็เริ่มหวั่นไหว แหล่งดาราเกี่ยวข้องถึงเรื่องที่ว่าจะสามารถออกจากเมืองตั้งต้น เดินทางสู่โลกยอดนิรันดร์ต่อไปได้หรือไม่ ระดับจักรพรรดิที่ไม่สามารถรวบรวมแหล่งดารามาได้เพียงพอ จะต้านทานแรงดึงดูดระดับนี้ได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้สามารถใช้สี่แสนผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งซื้อแหล่งดาราหนึ่งชิ้น ต่อให้ไม่ได้ใช้ ก็สามารถขายออกไปในราคาที่สูงถึงห้าแสนได้!
ชั่วขณะเดียว แหล่งดาราที่หลินสวินรวบรวมมาก็กลายเป็นสินค้าที่ต้องแย่งกันซื้อ บางคนใช้ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลแลก บางคนใช้มุกยมโลกแลก
“พี่หลิงขาดเงินมากหรือ” เยวี่ยตู๋ชิวอดถามไม่ได้ เขารู้สึกว่าการกระทำนี้ของหลินสวินเสียศักดิ์ศรีไปหน่อย
“ขาด” หลินสวินตอบโดยไม่คิด
เยวี่ยตู๋ชิวไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
“เจ้าฆ่าผู้คุ้มกันมากมายขนาดนี้ ทั้งยังจับตัวเหิงจั้นไว้ ไม่กังวลว่าหลังจากกลับไปเมืองตั้งต้นจะถูกเหิงเทียนซั่วแก้แค้นหรือ” เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าวด้วยเสียงใสกระจ่าง ราวกับเสียงหยกกระทบกัน
“คนที่ควรเป็นห่วงคือเหิงเทียนซั่ว” หลินสวินเอ่ย
เซี่ยงเสี่ยวหยวนอดจ้องหลินสวิอีกนครู่ใหญ่ไม่ได้ ดูไม่ออกจริงๆ ว่าใครให้ความมั่นใจกับหลินสวิน ทำให้เขากล้าประกาศศึกกับเจ้าเมือง
ครู่ใหญ่แหล่งดาราส่วนเกินในมือหลินสวินก็ขายออกไปทั้งหมด แลกมุกยมโลกมาได้สิบกว่าเม็ด และอีกหลายล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง
ทำทั้งหมดนี้เสร็จหลินสวินก็ไม่ได้ชักช้า พาเหิงจั้นมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเมืองตั้งต้นทันที
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างก็ตามไป
ทุกคนล้วนสังหรณ์ว่า พร้อมๆ กับการหวนกลับของหลินสวิน ความวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นในเมืองตั้งต้นของด่านนภาอมตะด่านแรกนี้!
……
เมืองตั้งต้น
จวนเจ้าเมือง
ในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง เหวินเซ่าเหิงเอามือไพล่หลัง เดินไปเดินมา สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่นิ่ง อารมณ์ไม่อาจสงบได้
วันนี้การเคี่ยวกรำในแดนลับฝึกหลอมจะสิ้นสุดลงแล้ว
แม้เหวินเซ่าเหิงมั่นใจมาก ว่าหลินสวินที่เข้าสู่เขตที่เก้าถูกกำหนดให้ไม่สามารถกลับมาได้ แต่ก่อนที่จะยืนยันข่าวการตายของหลินสวิน เขากลับไม่สามารถวางใจได้อย่างสิ้นเชิง
บนที่ประธานซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เหิงเทียนซั่วนั่งสบายๆ ถือกระดูกสัตว์ขาวกระจ่างดั่งหิมะเล่นในมือ
ท่าทางสงบใจเย็น
“หลานชาย ทำการใหญ่ต้องทำใจให้นิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นก็แค่กำจัดมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนกับมัน”
เหิงเทียนซั่วเหลือบมองเหวินเซ่าเหิคราหนึ่งแล้วอดส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มไม่ได้
ระดับอมตะ เข้าสู่เขตที่เก้ายังไม่มีทางรอดกลับมาได้
ยิ่งไปกว่านั้นป้ายประจำตัวในมือหลิงเสวียนจื่อยังถูกวางอุบาย ถูกกำหนดไว้นานแล้วว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะรอดกลับมา!
“ท่านลุง ไม่ใช่ว่าข้าใจร้อน แต่หลิงเสวียนจื่อคนนี้มากแผนการ เจ้าเล่ห์หาใดเปรียบ ข้าเสียเปรียบเพราะเขาสองครั้งแล้ว ไม่กล้าดูถูกเขาอีกจริงๆ”
เหวินเซ่าเหิงพูดด้วยสีหน้าอึมครึม
ครั้งแรกที่แดนสิ้นจิตวิญญาณ เขาเกือบถูกฆ่าตาย สุดท้ายใช้ไพ่ตายคุ้มครองชีวิตถึงรอดมาได้
ครั้งที่สองบนหอท้องฟ้า หากไม่ใช่เพราะท่านย่าเสวี่ยสละชีวิตเข้าช่วย เขาเหวินเซ่าเหิงก็ไม่อาจรอดเช่นกัน
ประสบการณ์สองครั้งนี้กลายเป็นปมในใจเหวินเซ่าเหิงราวกับฝันร้าย จะให้เขากล้าดูถูกหลินสวินอีกได้อย่างไร
‘อย่างไรก็ยังเด็กไป’ เหิงเทียนซั่วอดถอนหายใจไม่ได้
แม้เหวินเซ่าเหิงฝึกปราณมาหลายพันปี แต่ในสายตาของเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาไม่รู้กี่หมื่นปีอย่างเหิงเทียนซั่ว ก็ยังคงขาดประสบการณ์ เรียกได้ว่ายังเป็นเด็ก
เหวินเซ่าเหิงเพิ่งหมายจะพูดอะไรบางอย่าง
ก็เห็นแขนเสื้อของเหิงเทียนซั่วพลิกสะบัด ป้ายหยกแตกละเอียดหลายชิ้นปรากฏออกมา
เห็นป้ายหยกที่อับแสงแตกหัก ไร้ซึ่งคลื่นพลังเหล่านี้ เหิงเทียนซั่วที่ก่อนหน้านี้ยังสงบใจเย็น ใบหน้าชราพลันอึมครึมเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างที่สุด
เหวินเซ่าเหิงมองที่มาของป้ายหยกเหล่านั้นออกตั้งแต่แวบแรก รู้ว่านั่นเป็นสมบัติผนึกที่ควบคุมผู้คุ้มกันเมืองตั้งต้น หากพังทลาย ก็หมายความว่าผู้คุ้มกันประสบเคราะห์!
“ท่านลุง นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เสียงของเหวินเซ่าเหิงเจือแววประหลาด เพิ่งพูดว่าทำการใหญ่ต้องทำใจให้นิ่งชัดๆ เจ้าเฒ่าอย่างเจ้าตอนนี้… ไม่ใช่ว่าโมโหแทบคลั่งหรอกหรือ
“แดนลับฝึกหลอมเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ทหารที่ติดตามเหิงจั้นไปตายหมดแล้ว ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว”
เหิงเทียนซั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาสาดประกายกร้าว น่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ “หากข้าเดาไม่ผิด เรื่องนี้คงจะเกี่ยวข้องกับหลิงเสวียนจื่อ!”
ในใจเหวินเซ่าเหิงสะท้านไหวรุนแรง พลันไม่อาจเยาะหยันได้ หน้าเปลี่ยนสีทันใด เอ่ยว่า “นี่เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นถึงเขตที่เก้าเชียวนะ! เขาจะรอดชีวิตออกมาได้อย่างไร”
แววตาเหิงเทียนซั่วเย็นชาจนน่ากลัว แผ่อานุภาพน่าหวั่นหวาดไปทั้งตัว ทำเอาเหวินเซ่าเหิงแทบหายใจไม่ออก ตระหนักได้ว่าเจ้าเฒ่าเหิงเทียนซั่วนี่เดือดจัดถึงขีดสุดแล้ว
“เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพิจารณาเรื่องพวกนี้หรอกนะ”
เหิงเทียนซั่วกล่าวพลางมองไปนอกคฤหาสน์ “เด็กๆ”
“ใต้เท้า” เด็กชายคนหนึ่งปรากฏตัวนอกคฤหาสน์
เหิงเทียนซั่วเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “บอกเจ้าเฒ่าเจ็ดคนนั้น ใครสามารถฆ่าหลิงเสวียนจื่อได้ ข้าก็จะคลายผนึกวิญญาณ คืนอิสระให้กับเขา!”
“ขอรับ”
เด็กชายรับคำสั่งจากไป
“ท่านลุง ถึงขนาดนี้แล้วท่านยังไม่คิดจะลงมือด้วยตัวเองหรือ” เหวินเซ่าเหิงอดถามไม่ได้ ไม่อาจเข้าใจได้
เหิงเทียนซั่วสายตาลุ่มลึก เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ผู้มีฐานะสูงส่งย่อมรักษาตน ก่อนจะรู้ไพ่ตายของหลิงเสวียนจื่ออย่างชัดเจน ข้าจะไม่ไปเสี่ยงง่ายๆ”
“เจ้าเฒ่าเจ็ดคนนั้นเป็นใคร จะไหวหรือ” เหวินเซ่าเหิงร้อนใจ
เหิงเทียนซั่วเหลือบมองเหวินเซ่าเหิงแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ในกาลเวลาไร้สิ้สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เคยมีพวกร้ายกาจคนที่ยโสโอหังไม่น้อย ไม่สนกฎระเบียบในเมือง ก่อเรื่องในเมืองอย่างกำเริบเสิบสาน สุดท้ายล้วนถูกกำราบไม่มีข้อยกเว้น”
“พวกที่ไม่ค่อยมีมูลค่าล้วนถูกฆ่าตายทันที”
“ส่วนพวกที่มีมูลค่า จะถูกฝังผนึกวิญญาณ กลายเป็นทหารในเมือง ทำได้เพียงยืดชีวิตไปวันๆ จากการเชื่อฟังการควบคุมของขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะ”
“เจ้าเฒ่าเจ็ดคนที่ข้าพูดถึง ก็คือกลุ่มคนร้ายกาจที่มีมูลค่าที่สุดในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา หากพวกเขาร่วมมือกันโจมตี แม้แต่ข้ายังทำได้เพียงสำแดงพลังทั้งหมดถึงจะกำราบพวกเขาได้”
ฟังจบเหวินเซ่าเหิงอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้
เขารู้ความแข็งแกร่งของเหิงเทียนซั่ว ในฐานะบรรพจารย์มรรค เพียงพลิกมือก็สามารถสังหารบรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายแล้ว น่ากลัวไร้ขอบเขต
แต่การจัดการเฒ่าชราเจ็ดคนนั้น กลับต้องให้เหิงเทียนซั่วลงมือเต็มกำลัง แค่คิดก็รู้ว่าเจ็ดคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด!
คิดถึงตรงนี้เหวินเซ่าเหิงก็มั่นใจเต็มเปี่ยม
“เจ้ากับข้ารอข่าวอยู่ที่นี่ก็พอ เช่นนี้ยามรุกสามารถบุกโจมตีได้ ยามถอยก็สามารถป้องกันได้ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันและอันตรายอะไร”
ตอนนี้เหิงเทียนซั่วสงบลงแล้ว นิ่งราวกับภูเขา
เหวินเซ่าเหิงพยักหน้าตามจิตใต้สำนึก
……
วันนี้เป็นวันที่แดนลับฝึกหลอมปิดฉากลง
ในเมืองตั้งต้นเองก็คึกคักอย่างที่สุด ผู้คนมากมายชะเง้อชะแง้ รอดูว่าครั้งนี้จะมีผู้แข็งแกร่งกี่คนรอดออกจากแดนลับฝึกหลอมที่อันตรายนองเลือดนั่น
กลางเมือง ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งหนึ่งตั้งตระหง่าน
ที่แห่งนี้แออัดไปด้วยผู้คนนานแล้ว
“สลายตัวให้หมด!”
“วันนี้จวนเจ้าเมืองจะจับกุมนักโทษหลิงเสวียนจื่อ ใครกล้ายุ่งเรื่องนี้ ฆ่าตายสถานเดียว!”
“ไสหัวไปให้หมด!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนระลอกหนึ่งดังขึ้นราวกับฟ้าผ่า สะท้องก้องกลางฟ้าดิน
จากนั้นผู้คุ้มกันที่สวมชุดเกราะ ไอสังหารพลุ่งพล่านขบวนแล้วขบวนเล่าพุ่งทะยานเข้ามา ไออึมครึมที่แผ่ออกจากตัวเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ
รอบๆ ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณวุ่นวายอลหม่านหาใดเปรียบ ทุกคนล้วนสีหน้าหวาดกลัว จากไปอย่างตื่นตระหนก
ไม่นานในที่นั้นก็เงียบกริบ นอกจากทหารนับร้อยที่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นแล้วก็ไม่มีคนอื่นอีก
ทหารเหล่านี้เฝ้าอยู่ข้างๆ รออย่างเคร่งขรึม ไอสังหารบนร่างรวมกันแล้วปั่นป่วนเมฆลมแปดทิศ ทำเอาระดับจักรพรรดิต่างตกใจ
ไม่มีคนกล้าเข้าใกล้!
“หลิงเสวียนจื่อยังไม่ได้ออกจากแดนลับฝึกหลอมก็ถูกประกาศจับแล้ว จะต้องก่อเรื่องใหญ่อะไรจนทำให้จวนเจ้าเมืองโมโหอย่างแน่นอน!”
“ดูท่าวันนี้เมืองตั้งต้นจะเกิดพายุนองเลือดขึ้น…”
บริเวณอื่นๆ ในเมือง หลังจากสังเกตเห็นภาพนี้คนมากมายต่างคาดเดาและวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ล้วนประหลาดใจไม่สามารถสงบได้
กี่ปีแล้วที่เมืองตั้งต้นแห่งนี้ไม่ได้เกิดความสั่นสะเทือนเหมือนอย่างวันนี้
หลิงเสวียนจื่อทำอะไรกันแน่
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ภายใต้บรรยากาศที่กดดันคร่ำเคร่ง ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่เงียบสงบเกิดคลื่นประหลาดระลอกหนึ่งโดยพลัน
ราวกับภาพที่พายุคลั่งมาเยือนค่อยๆ เปิดออกในชั่วขณะนี้!
…………………..