“เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้ นอกจากหัวหน้ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าป้ายประจำตัวของข้าถูกวางอุบาย แม้สามารถอยู่รอดในเขตที่เก้าได้ ก็ไม่สามารถออกมาได้”
ดวงตาเย็นเยียบของหลินสวินราวกับสายฟ้า จับจ้องแน่วนิ่ง อานุภาพน่าตระหนก
ในที่นั้นฮือฮา หลายคนสีหน้าเปลี่ยนไป
เขตที่เก้า!
เมื่อนานมาแล้ว กระทั่งระดับอมตะเข้าไปก็มีแต่ตายเท่านั้น ทำให้ในหมื่นปีมานี้ไม่มีใครถูกจัดให้ไปที่นั่นนานแล้ว
เพราะใครๆ ต่างรู้ชัดว่าเข้าไปก็ไม่ต่างอะไรกับการไปตาย!
แต่หลิงเสวียนจื่อ… กลับถูกจัดให้เข้าไปยังเขตที่เก้า!
ไม่นานหลายคนก็กระจ่าง เมื่อนึกถึงความแค้นระหว่างหลินสวินกับเหวินเซ่าเหิง ต่างเข้าใจได้รางๆ ว่านี่ต้องเป็นการจัดการของเหิงเทียนซั่ว!
พวกเฟิงจวินหลิน เซี่ยงเสี่ยวหยวน เยวี่ยตู๋ชิว ที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินสวินเข้าไปเขตที่เก้า ตอนนี้สีหน้าต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพราะพวกเขาเพิ่งจะรู้ว่าหลินสวินไม่เพียงถูกวางกับดัก กระทั่งป้ายยืนยันประจำตัวก็ถูกเล่มตุกติก!
‘เหิงเทียนซั่วกับเหวินเซ่าเหิงจะอำมหิตเกินไปแล้ว!’ ในใจพวกเขาไม่สามารถสงบได้ สายตาที่มองไปยังหลินสวินก็แปลกประหลาดขึ้นมา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หลินสวินยังสามารถรอดชีวิตออกมาได้ นี่เหมือนปาฏิหาริย์อย่างไม่ต้องสงสัย
เหิงจั้นสีหน้าเคร่งขรึมลง กล่าวโทษว่า “น่าขัน หากป้ายประจำตัวของเจ้ามีการวางอุบายจริงๆ แล้วเจ้าออกจากแดนลับฝึกหลอมได้อย่างไร”
“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เพราะข้าไม่คิดจะถกเถียงกับพวกน่ารังเกียจอย่างพวกเจ้าอยู่แล้ว”
สายตาของหลินสวินลึกล้ำ สีหน้าเย็นเยียบ
“บังอาจ!” ทหารคนหนึ่งตวาด “ใส่ความเจ้าเมืองต่อหน้าสาธารณชน ยังจะกล้าพูดจาไร้มารยาท เจ้าหลิงเสวียนจื่อไม่คิดจะรอดออกไปแล้วหรืออย่างไร”
หลินสวินหลุดขำ ฝ่ามือฟาดออกมาเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง
เคร้ง!
ทหารคนนั้นสะบัดทวนสำริดออกมาต้าน กลับถูกฟันจนสะบั้นในพริบตา ไม่สามารถต้านได้เลย ถูกหนึ่งกระบี่ฟันเกราะตรงหน้าจนระเบิดออก ถูกผ่าครึ่งทั้งร่าง เลือดสดพรั่งพรู
ทุกคนต่างตกใจ เต็มไปด้วยความตกตะลึง เร็วเกินไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ทหารคนนั้นกล่าวออกมาจนกระทั่งหลินสวินฟันปราณกระบี่ออกไป ทั้งหมดแทบจะจบลงในชั่วพริบตา
หนึ่งกระบี่อหังการ!
เลือดสดสาดเซ็น ปราณกระบี่แหวกห้วงอากาศเป็นแนวยาว ยังคงส่งเสียงกึกก้อง
ในที่นั้นเงียบกริบ
ภาพนี้ทำให้ทุกคนเสียวสันหลัง
ทุกคนต่างมองไปทางหลินสวิน ฆ่าคนต่อหน้าสาธารณชน และคนที่ฆ่ายังเป็นทหารจวนเจ้าเมือง นี่เป็นการท้าทายที่แข็งกร้าวที่สุด และแฝงด้วยคาวเลือด!
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามที่ข้ามแดนใหญ่พันศึก มีใครหน้าไหนกล้าไปท้าทายขุมอำนาจที่ประจำการดูแลเมืองตั้งต้น
อย่าเห็นว่าคนที่หลินสวินฆ่าคือทหารคุ้มกันเมืองคนหนึ่ง แต่เขาคือตัวแทนศักดิ์ศรีของจวนเจ้าเมือง!
ทั้งหมดนี้สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า หลินสวินที่อยู่ภายใต้ความเดือดดาลพร้อมแตกหักอย่างสิ้นเชิงแล้ว หมายจะเปิดฉากนองเลือด ดำเนินการแก้แค้น
“หลิงเสวียนจื่อ เจ้ารู้ผลลัพธ์ของการทำเช่นนี้หรือไม่”
ทหารจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าไป บ้างถือขวานสองคมสำริด บ้างใช้กระบี่ยาว ชี้หลินสวินจากไกลๆ เผยไอสังหารเย็นเยียบ
“นี่คืออาณาเขตของเมืองตั้งต้น ไม่ว่าเจ้ามาจากไหน ไม่ว่าฐานะของเจ้าเป็นอย่างไร เจ้าในตอนนี้ฝ่าฝืนกฎของเมือง จะต้องชดใช้!” ทหารคนหนึ่งตวาด
พรูด!
แสงเลือดพุ่งขึ้นกะทันหัน ปราณกระบี่ที่ราวกับมายาพริบไหวเคลื่อนผ่าน ทะลุกลางคิ้วของคนผู้นั้น เลือดสดสาดไปทั่ว
หลินสวินเอ่ยเรียบๆ “พวกเจ้าเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้กลุ่มหนึ่ง เรื่องของข้าและเหิงเทียนซั่วไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า หากไม่อยากตายก็อย่าเห่าอีกจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาที่จะฆ่าพวกเจ้าให้หมด”
“เขากบฏแล้ว ฆ่าคนที่นี่ ไม่ยอมอยู่ใต้ข้อผูกมัดของจวนเจ้าเมือง เป็นศัตรูของทุกคน ทุกคนลงมือพร้อมกัน การฆ่าเขาเป็นหน้าที่ของทุกคน!”
เหิงจั้นโกรธจนหน้าเขียว ตะโกนออกมาดังก้องไปทั่วทั้งที่นั้น โยนความผิดใหญ่ใส่หัวหลินสวิน
โทษเช่นนี้หากเป็นจริง จะถูกด่านนภาอมตะเล็กใหญ่ทั้งสี่สิบเก้าแห่งมองว่าเป็นกบฏ!
ตูม!
ทหารคุ้มกันทั้งกลุ่มออกโจมตี ทวนศึกพาดขวาง กระบี่ส่งเสียงกังวาน ทุกคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นคนชั้นยอดในหมู่มือฉมัง ไอเข่นฆ่าน่าตะลึง
อันที่จริงที่มาของทหารเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา เดิมทีล้วนเป็นระดับจักรพรรดิที่ข้ามฟ้าดาราข้ามผ่านแดนใหญ่พันศึก
แต่เพราะฝ่าฝืนกฎในเมืองจึงถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะกำราบ เพื่อเอาชีวิตรอดได้กลายเป็นทหารในเมือง ถวายชีวิตให้กับจวนเจ้าเมืองไปตลอดกาล
“ฮ่าๆ ช่างเป็นผู้คุ้มกันจวนเจ้าเมืองที่เผด็จการนัก ชี้เป็นชี้ตายตามใจ อยากฆ่าใครก็ฆ่า”
หลินสวินหัวเราะเสียงดัง เบื้องหน้าเขาห้วงอากาศพังทลาย กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมา ซัดห้วงอากาศว่างเปล่ารอบด้าน กวาดขวางออกไป
ทหารคุ้มกันที่พุ่งเข้ามาเหล่านั้น ล้วนถูกหนึ่งกระบี่โจมตีกระเด็นออกไป ไม่เอาไหนราวกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ศาสตราวุธในมือถูกบดขยี้แหลกละเอียด ละอองแสงสาดกระเซ็น
หนึ่งกระบี่เมื่อพุ่งทะยาน ก็ดุจดั่งผ่าลำไผ่!
“เจ้ากล้าต่อต้าน ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับผู้แข็งแกร่งทั้งเมือง…”
ทหารนายหนึ่งตะโกน สีหน้าเหี้ยมโหด เรียกให้ทุกคนพุ่งเข้าไป ทว่าจู่ๆ คำพูดกลับหยุดไป ปราณกระบี่ที่ดุดันยิ่งยวดแปลงเป็นสายฟ้าบาดตาสายหนึ่งผ่าสังหารเขา!
ปราณกระบี่กรีดลงกลางคิ้วเขา รอยแยกสีเลือดลากเลื้อยมาถึงท้อง จากนั้นเลือดสดๆ ก็พุ่งขึ้นสองสามฉื่อ ผ่าแหวกร่างกายออกเป็นสองซีก กลายเป็นศพอยู่ตรงนั้น
จากนั้น
พร้อมๆ กับการลงมือของหลินสวิน ทหารที่พุ่งเข้ามารอบๆ ล้วนถูกสังหารอย่างง่ายดาย ละอองเลือดข้นคลั่กสาดพรม ย้อมฟ้าดาราจนแดงฉาน สภาพน่าอนาถอย่างที่สุด
ระดับจักรพรรดิรอบๆ ที่ออกมาจากแดนลับฝึกหลอมล้วนอารมณ์ปั่นป่วน หนีห่างไปไกล
คนไม่น้อยสะท้านไหว ไม่กล้าเชื่อว่าฝีมือของหลินสวินจะเผด็จการอหังการขนาดนี้!
แข็งกร้าวเกินไปแล้ว!
“หลิงเสวียนจื่อ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่” เหิงจั้นไม่สามารถสงบได้ สีหน้าไม่น่าดูอย่างที่สุด
หลินสวินเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าจะทำอะไร เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!”
“เจ้า คิดจะเป็นศัตรูกับจวนเจ้าเมือง เป็นศัตรูกับทุกคนในนแดนใหญ่พันศึกจริงหรือ” เหิงจั้นถามเสียงเย็น เขาถือว่าข่มอารมณ์ได้ดี อดทนไม่ลงมือมาโดยตลอด
“ข้าฆ่าพวกสวะนิดๆ หน่อยๆ จะนับว่าเป็นศัตรูกับทั้งโลกได้อย่างไร ใส่ร้ายป้ายสีกันไม่ขาดปาก เจ้าเฒ่าอย่างเจ้าไม่บริสุทธิ์ใจ!”
แววตาของหลินสวินเย็นเยียบกว่าเดิม
“พวกเขาคือผู้คุ้มกันในเมือง ถูกเจ้าสังหารตามอำเภอใจเช่นนี้ หากเจ้าเมืองรู้ต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ จะต้องลงมือกำราบเจ้าเองกับมือ!”
เสียงของเหิงจั้นเผยการข่มขู่ “อีกทั้งเจ้าอย่าลืมว่าเมืองตั้งต้นแห่งนี้ ตอนนี้ตระกูลเหิงของข้าควบคุมดูแลอยู่!”
หลายคนในใจบีบรัด
เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหิง นั่นเป็นถึงขุมอำนาจใหญ่ในโลกยอดนิรันดร์ เบื้องลึกเบื้องหลังน่าหวาดหวั่น กวาดสายตามองไปทั้งเมืองตั้งต้น ระดับจักรพรรดิคนใดจะกล้าไปล่วงเกิน
กลับเห็นหลินสวินยิ้มขึ้นมา เพียงแต่รอยยิ้มไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ เอ่ยว่า “บังเอิญจริง ข้ากำลังจะไปคิดบัญชีกับเหิงเทียนซั่วพอดี ไม่สู้เจ้าเป็นคนนำทางเลยเล่า”
สีหน้าของเหิงจั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คิดไม่ถึงสักนิดว่าแม้แต่ตระกูลเหิงหลินสวินก็ยังกล้าไม่เห็นในสายตา
“เร็ว ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเขาซะ!” เหิงจั้นตวาด
ทหารคุ้มกันทั้งกลุ่มที่อยู่ด้านหลังพุ่งออกมา สวมเกราะถืออาวุธคม ไอสังหารพลุ่งพล่าน
ก็เห็นหลินสวินก้าวไปข้างหน้าตรงๆ ไม่หลีกไม่หนี รวบนิ้วเป็นกระบี่ ฟันออกไปกลางอากาศ
ฉัวะ!
หนึ่งกระบี่ ศาสตราจักรพรรดิสิบกว่าชิ้นล้วนแตกละเอียด เสียงพรูดดังขึ้น คนที่เป็นผู้นำถูกฟันกระเด็นออกไป
จากนั้นเสียงปังดังขึ้นอีกครา ร่างทหารคนนี้แยกเป็นส่วนๆ ระเบิดออกโดยตรง เลือดแดงฉานสาดกระเซ็น ปลิวไปทั่วทิศ
อานุภาพของกระบี่นี้ยังไม่ทันสลายไป กระบี่ที่สอง สาม สี่ของหลินสวิน… ก็ฟันออกไปอย่างต่อเนื่อง
ตูม โครม…
พื้นที่แถบนี้ราวกับถูกบดขยี้แหลกละเอียด จมสู่ความสะเทือนไหวรุนแรง ปราณกระบี่ที่เรืองรองไพศาลตัดสลับ นำพาฝนเลือดแดงฉานออกมาเป็นแถบๆ
นี่เป็นการต่อสู้ซะที่ไหน เป็นการสังหารหมู่ชัดๆ!
ระดับจักรพรรดิซึ่งเข้าร่วมการเคี่ยวกรำที่อยู่ห่างออกไปล้วนถูกกระตุ้นจนหนังหัวชาวาบ ในใจสั่นสะท้าน
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
อานุภาพเข่นฆ่าที่หลินสวินสำแดงออกมาในตอนนี้ ถึงขั้นทำให้พวกเขาหวาดหวั่น
พวกเฟิงจวินหลิน เยวี่ยตู๋ชิว เซี่ยงเสี่ยวหยวน แต่ละคนสีหน้าแปลกประหลาด พวกเขาล้วนสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าหลินสวินทะลวงขั้นแล้ว!
เขาในตอนนี้เป็นมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ดแล้ว!
และเมื่อคิดถึงว่ายามที่เขาอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นหก พลังต่อสู้ก็เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าและวิปริตแล้ว ตอนนี้หลังจากทะลวงขั้น… จะน่ากลัวอีกขนาดไหน
ไม่กี่พริบตา
ทหารคุ้มกันทั้งกลุ่มในที่นี้ล้วนถูกฆ่าไม่มียกเว้น! กลิ่นคาวเลือดราวกับมหาสมุทร ย้อมเปื้อนฟ้าดาราที่เงียบสงบผืนนี้ พาให้คนสยดสยอง
“หลิงเสวียนจื่อ นี่เจ้าจะก่อกบฏหรือ!” เหิงจั้นโกรธจนผมตั้ง ตาแทบถลนออกมา
ในฐานะคนตระกูลเหิง เขาในอดีตสูงส่งไม่มีใครกล้าไม่เคารพ แต่ตอนนี้กลับมีคนโจมตีสังหารทหารภายใต้บังคับบัญชาของเขาอย่างต่อเนื่อง นี่ทำให้เขาถึงขั้นไม่กล้าเชื่อ
“ก่อกบฏหรือ แค่เพราะมาจากตระกูลเหิง ก็คิดว่าตนเป็นนายเหนือหัวจริงๆ หรือ”
ยามที่เสียงนี้ดังขึ้น หลินสวินได้โจมตีมาจากกลางอากาศแล้ว
ชั่วขณะนี้ทุกคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ เพราะใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าลงมือกับเหิงจั้นจริงๆ!
นี่เท่ากับแสดงให้เห็นว่า แม้แต่การคุกคามของตระกูลเหิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
“ทะยาน!”
เหิงจั้นส่งเสียงคำราม ยันต์สีชาดที่ราวกับลุกโชนแผ่ออกมา อานุภาพจักรพรรดิล้นฟ้า ปกฟ้าคลุมดิน ภายในธารดาราสุริยันจันทรา ราวกับจักรวาลที่แท้จริงแถบหนึ่ง
นี่คือศาสตราจักรพรรดิที่แข็งแกร่งน่ากลัวยิ่งชิ้นหนึ่ง วัตถุดิบที่ใช้หายากและล้ำค่า สามารถทำให้บรรพจารย์ขั้นเก้าน้ำลายหก
กลิ่นอายน่ากลัวเป็นสายๆ ทะลักออกมาจากยันต์สีชาด ราวกับหนักร้อยล้านจวิน กดจนฟ้าดาราผืนนี้เหมือนจะทรุดทลาย
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ยื่นมือไปคว้ายันต์สีชาดนั่นตรงๆ ไม่กลัวพลังกดข่มที่ปกคลุมฟ้าดิน
มือเดียวหมายจะฉีกฟ้า!
ตูม!
แสงมรรคทั้งหมดถูกซัดสลาย มือใหญ่ของหลินสวินราวกับไม่มีสิ่งใดขวางกั้น คว้ายันต์สีชาดนั่นด้วยอานุภาพแข็งแกร่ง
“สยบ!” เหิงจั้นตวาดอย่างเดือดดาล
ในยันต์สีชาดนี้หลอมโลกฟ้าดาราแถบหนึ่ง บรรจุความอัศจรรย์ที่ลึกลับไม่อาจคาดเดา สามารถสำแดงอานุภาพน่าเหลือเชื่อ กักขังเทพผี สังหารบรรพจารย์ขั้นเก้า!
ทว่าไม่ว่าเขาจะมีพันอภินิหารหมื่นวิชามรรค หลินสวินแค่ยื่นมือออกไปหนึ่งฝ่ามือ ห้านิ้วราวกับกรงเล็บ บดขยี้พลังทั้งหมดให้แหลกสลายต่อเนื่อง
นี่ทำให้เหิงจั้นตกใจจนลูกตาเกือบหลุดออกมา ทุ่มพลังทั้งหมด เร่งเร้าอานุภาพของยันต์สีชาดถึงขีดสุด
ภาพที่น่ากลัวบังเกิด
ตูม โครม…
ในยันต์สีชาดนั่น ดวงดาวลุกโชนดวงแล้วดวงเล่าปรากฏขึ้นแล้วพุ่งออกมา โคจรช้าๆ ราวกับธารดาราที่ลุกโชน ดำเนินการกำราบหลินสวิน แสงเพลิงดั่งทะเล ส่งเสียงครืนโครม
ทุกคนสูดหายใจสะท้านอย่างไม่มีข้อยกเว้น ในชั่วขณะนี้ดวงดาวโบราณทรงพลัง กดข่มเต็มท้องฟ้า ทำให้พวกเขายังรู้สึกได้ถึงการคุกคาม หนีห่างไปไกลอีกครั้งตามสัญชาตญาณ
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลินสวินโบกหมัด ทำลายดวงดาวที่ลุกโชนเหล่านั้นจนแหลกละเอียด ระเบิดออกกลางอากาศ
อานุภาพหมัดไร้ใดเปรียบ ทำให้แม้แต่ยันต์สีชาดยังสั่นสะเทือนรุนแรง เหมือนจะพังทลาย
เหิงจั้นตัวเย็นเยียบ ขนพองสยองเกล้า
เขาเป็นคนที่อีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับบรรพจารย์ ทั้งยังมาจากโลกยอดนิรันดร์ ครอบครองวิชาลับไร้เทียมทานมากมาย ไม่ใช่คนที่บรรพจารย์ขั้นเก้าทั่วไปสามารถเทียบได้
แต่ตอนนี้ในการต่อสู้กับหลินสวิน กลับแทบจะไม่มีพลังปัดป้องด้วยซ้ำ!
ตูม!
ในเสียงกึกก้องสะเทือนหูอย่างที่สุด ก็เห็นหลินสวินยื่นมือออกมา ถึงขั้นกำยันต์สีชาดนั่นไว้แน่นทั้งอย่างนั้น กำราบไว้อย่างสิ้นเชิง
เหิงจั้นกระอักเลือดคราหนึ่ง สีหน้าขาวซีด เขาตระหนักได้ถึงความไม่เข้าทีแล้ว ไม่กล้าลังเลอีก หมุนตัวแหวกอากาศเป็นแนวยาว หมายจะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหนีไป
แต่หลินสวินเร็วกว่าเขา เงาร่างพริบไหวคราหนึ่งก็พุ่งเข้าไปแล้ว ฝ่ามือราวกับกรงมหามรรคปกคลุมลงมา
ชั่วพริบตาเหิงจั้นก็เหมือนนกในกรง ถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง!
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ทั้งที่นั้นต่างเงียบกริบ เหล่าผู้กล้าล้วนตะลึง
——