โครม!

ทะเลสายฟ้าผืนแล้วผืนเล่าถล่มลงมาในจักรวาลที่ปั่นป่วนแห่งนี้ ราวกับจะทำลายล้างโลก

ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ ภาพที่เหลือเชื่อได้ปรากฏขึ้น ในที่สุดเตากระบี่ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว

บนนั้นมีลวดลายมหัศจรรย์เพิ่มเข้ามา มีธารดาราจักรวาลรายล้อม มีเทพคำรามกลางแดนแรกกำเนิด ส่งเสียงครืนโครม

ลวดลายบุปผาปักษามัจฉาแมลงประดับประดา สุริยันจันทราเรียงตัว กลายเป็นลายมรรคที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังมีอักษรคัมภีร์ที่เก่าแก่เรียบง่ายสลักอยู่ ส่องสว่างระยิบระยับ สะท้อนปรากฏนัยเร้นลับมหามรรคมากมาย

นั่นคือคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค!

นอกจากนี้ในเตากระบี่ กระบี่มรรคลอยล่อง ส่งเสียงครวญชิ้งๆ ตัวกระบี่ยิ่งเรียบง่าย ศักดิ์สิทธิ์งำประกาย คลุมเครือยากระบุ

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

อัสนีเคราะห์ผ่าฟาด ถูกเตากระบี่ต้านทาน สาดประกายอสนีบาดตาออกมา ไหลหลั่งเหมือนน้ำตก

ท่ามกลางความรางเลือน เตากระบี่เหมือนมีจิตวิญญาณและชีวิตอย่างแท้จริง!

ลวดลายลึกลับไม่อาจคาดเดาต่างๆ ปรากฏรอบๆ เตากระบี่ไม่ขาดสาย ต้นไม้ใบหญ้ามัจฉาแมลง ภูผาธาราหมื่นลักษณ์ จักรวาลหมื่นโลก สุริยันจันทราดารา เทพมารเซียนวิญญาณ…

ทั้งหมดทำให้มันเปลี่ยนเป็นยิ่งไพศาล เพียงเตาหลอมหนึ่ง กลับเหมือนบรรจุโลกจักรวาลที่แท้จริง

เพียงแต่ทั้งหมดนี้หลินสวินไม่รับรู้สักนิด

เขาไร้ซึ่งความคิด สำแดงมรรควิถีตามสัญชาตญาณ ฟื้นฟูร่างกาย เจตจำนงจิตวิญญาณสว่างไสว นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ในปากท่องคัมภีร์

ยามเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเป็นรูปเป็นร่าง การแปรสภาพของหลินสวินก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุด

ครืน!

ร่างกายก่อขึ้นใหม่ ทะเลเลือดเดือดพล่าน หลอมชำระทั้งร่างกายและมรรควิถีไปถึงขีดสุดในคราเดียว!

เหมือนทำลายปราการสวรรค์ บุกผ่านธรณีประตูเทียมฟ้า ก้าวเข้าขั้นหลอมสุญในคราเดียว!

และในเวลาเดียวกัน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเองก็ส่งเสียงคำราม ทิวทัศน์และลายมรรคต่างๆ ที่สลักอยู่บนนั้นล้วนสั่นไหว เหมือนจะฟื้นคืนชีพ

ถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงโครมๆ ประดุจดังมาจากแดนแรกกำเนิดในสมัยโบราณแรกสุด เคร่งขรึม ไพศาล และยิ่งใหญ่!

ตูม โครม…

สายฟ้ามากมายไหลหลั่ง ชำระล้างเตานี้ ทำให้มันยิ่งทรงพลังน่าเกรงขาม เผยกลิ่นอายไม่อาจก้าวล่วง ราวกับสามารถบดขยี้ฟ้าครามหมื่นกาล คงอยู่ชั่วนิรันดร์

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเสียงอึงดลไม่หยุด ละอองแสงสาดออกจากตัวเตาเป็นเส้นๆ กลบถมไปทั้งแถบ ทุกเส้นสายล้วนเทียบได้กับปราณกระบี่ที่แหลมคมยิ่งยวด สามารถฟันสุริยันจันทราดาราได้!

ชั่วขณะนี้มันแปรสภาพโดยสิ้นเชิงแล้ว อานุภาพไร้เทียบเทียม อสนีเคราะห์กลางฟ้าดินก็ยากจะทำร้ายมันได้อีก

เมื่อเตากระบี่พุ่งขึ้น กลืนแสงอสนีมากมายนั้นเข้าไป พริบตาสั้นๆ ก็แทบจะกวาดล้างอสนีบนท้องฟ้าจนหมดสิ้น!

“เปิด!”

ในเวลาเดียวกัน หลินสวินลุกขึ้นคำรามสะเทือนดารา เงาร่างสูงสง่าแผ่แสงประกายมากมายออกมา อานุภาพของระดับจักรพรรดิปกคลุมฟ้าดิน หนึ่งหมัดโจมตีเวิ้งฟ้า ซัดเข้าใส่แสงเคราะห์สุดท้ายนั่น

ตูม!

จักรวาลฟ้าดาราผืนนี้จมสู่การสั่นสะเทือนรุนแรง ทะเลอสนีเคราะห์ไร้สิ้นสุดนั่นเหมือนถูกมือแห่งสวรรค์ก่อกวน ระเบิดออกกะทันหัน กระแสแสงเชี่ยวกรากไหลหลั่งกระจายออกมา ทำลายล้างดวงดาวใหญ่ๆ ไปไม่รู้เท่าไหร่

ชั่วขณะนี้เงาร่างกำยำของหลินสวินเป็นเหมือนลำแสง แหวกละลวงหมื่นกาล สร้างความตกตะลึง!

ปัง!

ห่างออกไปไกล เบื้องหน้านกกระจอกเขียว คันฉ่องทองแดงสีดำแตกเป็นเสี่ยงๆ

มันอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ เดิมทีมันคิดจะใช้คันฉ่องทองแดงบันทึกทุกภาพที่พบเห็นเอาไว้ แปลงเป็นม่านแสงรักษาเอาไว้

ใครจะคิดว่าเคราะห์ครั้งนี้ไม่อาจบึนทึกได้ ราวกับความลับแห่งสวรรค์ที่ไม่สามารถแพร่งพราย!

“เก็บ!”

ไกลออกไปหลินสวินส่งเสียงเบาๆ คราหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย เจตจำนงจิตวิญญาณ หรือเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ตอนนี้ล้วนเหมือนวาฬยักษ์กลืนทะเล กลืนกินแสงเคราะห์ที่ถูกโจมตีจนยับเยินนั่น

อานุภาพจักรพรรดิแผ่ไพศาล ปกคลุมฟ้าดิน การก้าวสู่ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด ทำให้หลินสวินและเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งล้วนเกิดการแปรสภาพอย่างจับต้องได้ ก้าวขึ้นไปอีกขั้น เกิดการยกระดับของชีวิต

กล่าวจากแง่หนึ่ง สำหรับหลินสวิน ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดก็กับก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

“จบแล้ว…”

หลินสวินบรรลุระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ด ยืนนิ่งอยู่กลางฟ้าดาราเพียงลำพัง

อสนีเคราะห์พริบไหวหายไป จักรวาลนี้มีดวงดาวมากมายระเบิดเป็นเสี่ยงๆ จนถึงตอนนี้จึงกลับคืนสู่ความสงบ ประกายดาราสาดลงมา ส่องแสงสว่างไสว

น้ำตกสีเงินที่ปกคลุมเต็มท้องฟ้าไหลร่วง ดวงดาวมากมายไร้สิ้นสุดสาดประกาย รวมตัวมาทางเขา ชำระล้างร่างกายและเติมเต็มพลังที่เสียไป

สุดท้ายทุกอย่างล้วนสลายไปจดหมด มีเพียงหลินสวินยืนอยู่ภายใต้ฟ้าดาราเพียงลำพัง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในนั้น แสงมรรคมากมายไหลลู่ สะท้อนประกายศักดิ์สิทธิ์หมื่นสาย ทำให้เขาดูคลุมเครือไม่สมจริง

มองจากไกลๆ ฟ้าดาราเงียบสงบ จักรวาลกว้างใหญ่ เขาที่ยืนอย่างสันโดษเหมือนแบกรับความเงียบงันของหมื่นกาลเอาไว้ เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเบลอ คลุมเครือไม่ชัดเจน

แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนนายเหนือหัวคนหนึ่ง กลืนกินจักรวาลเวิ้งว้าง เป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!

ข้ามด่านเคราะห์ครั้งนี้ใช้เวลานานมาก อันตรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จิตวิญญาณ ร่างกาย เลือดเนื้อ เอ็นกระดูก… ถูกผ่าเป็นเสี่ยงๆ ไม่รู้กี่ครั้ง ทุกครั้งที่หลอมรวมขึ้นใหม่ ล้วนไม่ต่างอะไรกับนิพพานที่ประหนึ่งเป็นการผ่านความเป็นความตาย!

พร้อมกันนั้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็เป็นเช่นเดียวกัน

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ เริ่มสร้างความมั่นคงให้มรรควิถีใหม่ทั้งหมด

ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ เปิดจักรวาลฟ้าดาราแห่งหนึ่ง สุริยันจันทราดาราโคจรอยู่ภายใน สาดแสงส่องประกาย แสงมงคลมหามรรคมากมายไหลร่วง สาดส่องซึ่งกันและกันกับโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ บนล่างผสมผสาน กลายเป็นการผสานอันสมบูรณ์แบบที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง

มาถึงขั้นนี้ มรรควิถีทั้งชีวิตของผู้ฝึกปราณมีแสงศักดิ์สิทธิ์เต็มเปี่ยม รูปจำลองสมบูรณ์แบบ ความว่างเปล่าดุจจริงจริงดุจว่างเปล่า จิตวิญญาณอัศจรรย์ เลิศล้ำประณีต คืนเท็จสู่จริง!

ความจริงแล้วก็เท่ากับเริ่มเสาะแสวงความเร้นลับมหามรรคของจริงและเท็จ มีและไม่มี แท้และว่างเปล่า

พร้อมกันนั้นหลินสวินสัมผัสได้ว่าเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเกิดการแปรสภาพใหม่เช่นกัน เพลิงหงส์ระเบียบเหมือนถูกตีแหลกละเอียด แปลงเป็นเสี้ยวพลังหลอมเข้าไปในเตาหลอม

และรอบๆ เตาหลอมปรากฏจักรวาลหมื่นกาล หมื่นลักษณ์ทั่วหล้า มีลายมรรคลึกลับผลุบๆ โผล่ๆ เผยกลิ่นอายไพศาลที่เหมือนกำราบอดีต ปัจจุบัน และอนาคตรางๆ

ในเตากระบี่ กระบี่มรรคเรียบง่าย เก็บงำไร้ประกาย ความรู้ที่มอบให้ผู้คน กลับคล้ายว่าขอเพียงปรากฏออกมาก็สามารถเปิดแยกฟ้าดิน ทะลวงผ่านเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!

นอกจากนี้ในระเบียบนิพพานที่แปลงเป็นลวดลายดอกบัว ปรากฏลายมรรคนรกเก้าสายอย่างคลุมเครือ แสงประกายวับแวม เพลิงระเบียบดับสูญสิบกว่าสายถูกกำราบแน่นอยู่ในส่วนลึกสุดของเตาหลอม

ทั้งเตาหลอมให้ความรู้สึกราวกับร่วมชีวิตกันแก่หลินสวิน เสมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตนแล้ว

หนึ่งวันให้หลัง

หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ ลุกขึ้นยืน

นกกระจอกเขียวไม่รู้พุ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ่ยว่า “เกรงว่าต่อให้ตีจนตายเจ้าเฒ่าเหิงเทียนซั่วนั่นก็คงคิดไม่ถึง ว่าเขตที่เก้าที่เดิมทีสามารถทำให้เจ้าอยู่ในสภาพทางตันไม่อาจหวนคืน กลับเป็นสถานที่ที่ทำให้เจ้าทะลวงขั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในมรรควิถีแห่งตน”

เหิงเทียนซั่ว!

ประกายเย็นเยียบแวบผ่านในดวงตาหลินสวิน เอ่ยว่า “ดีร้ายเคียงคู่ เป็นตายไม่เที่ยง รอครั้งนี้กลับไปแล้วจะส่งเจ้าเฒ่านี่ไปลงนรก”

พูดจบเขาก็หยิบป้ายยืนยันประจำตัวออกมา

ละอองแสงสาดกระเซ็น แต่กลับไม่ได้ปรากฏประตูที่เชื่อมสู่โลกภายนอก

นกกระจอกเขียวร้องทันที “เจ้าเหิงเทียนซั่วตัวดี เห็นชัดว่าเขาเล่นอุบายในป้ายประจำตัวของเจ้าแล้ว ต่อให้เจ้ารอดชีวิตในเขตที่เก้าก็ไม่สามารถจากไปได้!”

ไอสังหารพวยพุ่งในใจหลินสวิน แต่สีหน้ากลับนิ่งสงบ เก็บป้ายประจำตัวลงแล้วเงยมองรอบๆ

ครู่หนึ่งความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเขา

ชิ้ง!

ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า ประหนึ่งแสงซึ่งไม่มีสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้ กรีดแหวกจักรวาลอันเงียบงันพังทลายนี้เป็นรอยแยกขนาดใหญ่สายหนึ่ง

นกกระจอกเขียวปากอ้าตาค้าง “แบบนี้ก็ได้หรือ”

“ไป”

หลินสวินพุ่งออกไปก่อนแล้ว

……

ในจักรวาลฟ้าดารานอกแดนลับฝึกหลอม

คลื่นอากาศระลอกแล้วระลอกเล่าไหวกระเพื่อม ในห้วงอากาศว่างเปล่าที่เชื่อมสู่แดนลับฝึกหลอมเริ่มปรากฏประตูบานแล้วบานเล่า

คนชั้นเลิศอย่างพวกเฟิงจวินหลิน เยวี่ยตู๋ชิว เซี่ยงเสี่ยวหยวนเดินออกมาก่อน

เหิงจั้นหัวหน้าผู้คุ้มกันจวนเจ้าเมือง รวมถึงทหารคุ้มกันทั้งกลุ่มล้วนยืนอยู่ไกลๆ อย่างเฉยชา เฝ้ามองทางออก

ในหนึ่งเดือนนี้พวกเขารออยู่ที่นี่โดยตลอด

เมื่อห้วงอากาศพริบไหว เงาร่างของระดับจักรพรรดิมากมายหวนกลับมาอย่างต่อเนื่อง

มีคนสีหน้าอึมครึม มีคนเหมือนยกภูเขาออกจากอก มีคนใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง และมีคนยังอาลัยอาวรณ์…

สีหน้าล้วนไม่เหมือนกัน

คนที่เก็บสะสมแหล่งดารามามากพอใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนที่เก็บไม่ได้หมดอาลัยตายอยาก แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาที่รอดออกมา คนส่วนมากร่วงหล่นในแดนลับฝึกหลอมไปนานแล้ว

เวลาผ่านไปทีละนิด มีผู้ฝึกปราณทยอยเดินออกไป แต่จำนวนน้อยมาก

จนกระทั่งสุดท้ายมีเพียงร้อยกว่าคนที่รอดออกมาได้

และต้องรู้ว่าระดับจักรพรรดิที่เข้าร่วมการเคี่ยวกรำครั้งนี้ มีถึงหกร้อยกว่าคน!

“หลิงเสวียนจื่อนั่นคงไม่ใช่ร่วงหล่นแล้วจริงๆ หรอกนะ” มีคนอดส่งเสียงไม่ได้

จะกลับเมืองตั้งต้นแล้ว ทว่าจนตอนนี้ยังไม่เห็นหลิงเสวียนจื่อปรากฏตัว นี่ทำให้หลายคนอึ้งงันไป

“ถึงเวลาแล้ว กลับเมือง!” เหิงจั้นออกคำสั่ง

“ช้าก่อน รออีกหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ได้เร่งขนาดนั้นนี่” เยวี่ยตู๋ชิวเอ่ยพลางขมวดคิ้วแน่น

“หลายปีมานี้ข้าพาคนไม่รู้เท่าไหร่มาเข้าร่วมการเคี่ยวกรำ ทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ ก็เป็นการกำหนดแล้วว่าไม่มีใครสามารถรอดออกมาได้อีก รอต่อไปก็เสียเวลา” เหิงจั้นสีหน้าเย็นชา

“ถ้ามีคนยังมีชีวิตอยู่ล่ะ” เยวี่ยตู๋ชิวพูด

เหิงจั้นใบหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยว่า “การเคี่ยวกรำสิ้นสุดลงแล้ว หน้าที่ของข้าคือพาพวกเจ้าจากไป ไม่ใช่เสียเวลาอยู่ที่นี่ ”

เยวี่ยตู๋ชิวอดถอนหายใจไม่ได้ ตอนแรกเขายังมีความหวังเสี้ยวหนึ่ง แต่ใครจะคิดว่า สุดท้ายปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้น

“ดูเหมือนว่า หลิงเสวียนจื่อร่วงหล่นแล้วจริงๆ เช่นนี้ย่อมดีที่สุด” มีคนสีหน้าเย็นเยียบ ส่งเสียงหัวเราะออกมา

ฟังถึงตรงนี้ จู่ๆ เหิงจั้นก็พูดว่า “คำพูดนี้ถือว่าเป็นจริง ข้าว่า ชาตินี้หลิงเสวียนจื่ออย่าคิดจะรอดชีวิตปรากฏตัวอีก!”

มีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุดว่า ที่ที่หลินสวินเข้าไปคือเขตที่เก้า ถูกกำหนดให้ไม่สามารถรอดออกมาได้เช่นกัน

โครม!

จู่ๆ เสียงฟ้าดินถล่มทลายได้ดังขึ้น อากาศห่างออกไปไกลระเบิดออก เงาร่างหนึ่งราวกับเทพ ฉีกอากาศเป็นแนวยาว เคลื่อนย้ายมา สะเทือนท้องฟ้า

“อะไรนะ เขาออกมาแล้ว!”

ทุกคนล้วนตกใจยกใหญ่

คนผู้นั้นถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ปกคลุม เงาร่างสูงสง่า กลิ่นอายรอบตัวดุเดือดรุนแรงราวกับหุบเหวใหญ่ ส่งเสียงคำราม ก้าวทะลุอากาศ บุกเข้ามาโดยตรง พลานุภาพไร้เทียมทาน

ซึ่งก็คือหลินสวินนั่นเอง

เพียงแต่ ตอนนี้กลิ่นอายของเขาน่ากลัวหาที่เปรียบไม่ได้ เหมือนเทพที่ควบคุมทั่วหล้าแต่เพียงผู้เดียวมาเยือน สะเทือนใจคน

โดยเฉพาะเหิงจั้น เห็นภาพนี้เกือบคิดว่าตาลาย เมื่อครู่นี้เขายังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจอยู่เลยว่าหลินสวินไม่สามารถรอดออกมาได้ แต่ตอนนี้กลับเห็นอีกฝ่ายออกมาแล้ว ทำให้เขาร้องเสียงหลง

“นี่เป็นไปได้อย่างไร” เขายากจะเชื่อ

——