เมื่อแรกสุด หลินสวินคาดว่าเคราะห์สวรรค์จะรุนแรงมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลยเถิดได้ขนาดนี้ แข็งแกร่งอย่างกายจักรพรรดิของเขายังปรากฏรอยแตกเป็นสายๆ กระดูกเส้นเอ็นกำลังส่งเสียง
นี่เป็นทัณฑ์สวรรค์อันน่ากลัว หลอมชำระเลือดเนื้อทุกส่วนในร่างกาย จะทุบกระดูกให้แหลกกระจุย ทำลายร่างกายจนราบคาบ
วู้ม…
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกหลินสวินเรียกออกมาทันที ลอยอยู่กลางมหาสมุทรพายุอสนี ผ่านการชำระล้างไปกับเขา
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
กระดูกหลินสวินถูกฟันสะบั้นหลายครั้ง ทั้งร่างแทบมลาย หลอมซ้ำและประกอบใหม่ เปล่งแสงไม่หยุด
เขาทนอยู่กับความเจ็บปวด ต่อสู้กับด่านเคราะห์ ไม่กล้าผ่อนปรนแม้สักชั่วขณะเดียว
ตูม!
แสงอสนีถาโถมกลบฟ้าดารา พร้อมๆ กับกาลเวลาที่เคลื่อนไป พลังเคราะห์อสนีทัณฑ์สวรรค์ที่แกร่งกล้ากว่าด่านเคราะห์ทั้งปวงในอดีตกลมมิดทั้งฟ้าดาราแห่งนี้
ดวงดาวมากมายถูกฝังอยู่ในนั้น ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นมหาเคราะห์ชั้นเลิศซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในอดีตปัจจุบัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าสะพรึง ภาพนี้สามารถทำให้มกุฎมหาจักรพรรดิคนใดก็ตามครั่นคร้าม ระดับจักรพรรดิย่อมกลายเป็นธุลีปลิดปลิว
ไม่นานนัก
ร่างกายของหลินสวินถูกทุบกระจุยโดยสิ้นเชิงแล้ว เรียกได้ว่าเป็นทัณฑ์เคราะห์ที่เลวร้ายที่สุดที่เขาเคยประสบ
ทว่าไม่นานเสียงมรรคเป็นระลอกก็ดังออกมาจากร่างเขา แสงเทพสีเขียวพุ่งออกมาเป็นสาย ร่างกายที่ถูกทำลาย กระดูกที่หักเป็นท่อนๆ รวมตัวกันใหม่ เชื่อมต่อและหลอมเป็นร่างเดียวอีกครั้ง
หลินสวินทนรับความเจ็บปวดชนิดบดร่างป่นกระดูก สำแดงคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค ชำระล้างและหลอมกลั่นท่ามกลางอสนีเคราะห์
และในขณะเดียวกันเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็ส่งเสียงดังสนั่น!
เตานี้เหนือธรรมดานัก เดิมก็เป็นศาสตราจักรพรรดิที่เข้ากับมรรควิถีของหลินสวิน หลอมรวมขึ้นโดยมีเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนเป็นวัตถุดิบหลัก ภายในมีพลังเพลิงหงส์ระเบียบอยู่
ยามนี้แหวกว่ายอยู่กลางเคราะห์สวรรค์ เท่ากับกำลังผ่านการหลอมถึงขีดสุด ยิ่งเปลี่ยนเป็นเรียบง่ายและลึกลับขึ้นไปอีก
โครม!
ทะเลอสนีน่าหวาดหวั่นเทตัวลงมาอีกระลอกหนึ่ง สายฟ้าเจิดจรัส ส่องสว่างไปทั้งจักรวาล ราวกับเขตแดนดาราระเบิดครั้งใหญ่ แสงบาดตาหาใดเทียบนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าดาวฤกษ์อนันต์ระเบิดเป็นหมื่นเท่า
เพียงพริบตาเดียวก็ระเบิดจนหลินสวินเลือดสาดกระจาย กระดูกหักไปทุกกระเบียด เส้นเอ็นฉีกขาดพังทลาย น้ำเลือดสาดกระเซ็น น่าอนาถจนทนดูไม่ได้
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็มีรอยร้าวเหมือนทนการถล่มโจมตีไม่ได้ แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
หลินสวินใช้พลังเจตจำนงและปณิธานหลอมกายเนื้อที่แหลกสลายให้เป็นร่างเดียว สร้างซ้ำและชำระล้างร่างกายไม่ว่างเว้น
ขณะเดียวกันเตากระบี่ก็เปล่งแสง พ่นละอองแสงสีม่วงแววาวโปร่งแสงออกมา ฟื้นฟูและหล่อหลอมตัวเตาที่แตกระแหงราวกับใยแมงมุมไม่หยุด
นี่เป็นความทุกข์ทนอันเจ็บปวดครั้งหนึ่ง ความยิ่งใหญ่ของอสนีเคราะห์ ความแกร่งกล้าของทัณฑ์สวรรค์ เกินความคาดหมายของหลินสวิน เผลอนิดเดียวก็จะดับสิ้นทั้งกายจิต
เปรี้ยง!
มหาเคราะห์ปรากฏอีกสาย แสงสายฟ้าบาดตาเต็มฟ้า ไพศาลไร้ขอบเขต
ในที่สุดเรื่องที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแหลกกระจุยเป็นชิ้นๆ ปลิวว่อนอยู่กลางห้วงอากาศ ล้อมอยู่รอบๆ โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง อับแสงลงไป
‘เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้’
หลินสวินจิตใจบีบคั้นขึ้นทันใด เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสร้างได้ยากยิ่ง หลังจากผ่านมหาเคราะห์อันพิสดารสุดหยั่งจึงหลอมออกมาได้ หลายปีมานี้ยังมีเพลิงหงส์ระเบียบหล่อเลี้ยงและหลอมกลั่น ไม่ได้เป็นศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ในบริบททั่วๆ ไป
แต่ตอนนี้กลับแตกกระจุยแล้ว!
แสงอสนีนับหมื่นชั้น ประกายเทพมากมายฟาดลงบนชิ้นส่วนเหล่านี้จนส่งเสียงดังกังวาน เกิดเสียงปะทะดังลั่น ละอองแสงปลิวว่อน
และตอนนี้ร่างกายหลินสวินก็ถูกผ่ากระจุยครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดสดๆ สาดกระจายรอบทิศ รดลงบนเศษชิ้นส่วนของเตากระบี่
ภาพอันน่าเหลือเชื่ออุบัติขึ้น
เลือดสดๆ หลั่งไหลลงมา เศษเสี้ยวเตาทั้งหมดต่างส่องแสง สาดปราณกระบี่ทะลุเมฆา ทะลวงเวิ้งฟ้า จู่โจมอสนีเคราะห์ให้กระจัดกระจายครั่นครืน ทำเอาฟ้าดาราทั้งแถบสั่นคลอน
“นี่มัน…”
หลินสวินตกตะลึง ละอองแสงแวววาวสีม่วงเป็นริ้วๆ โอบล้อมอยู่ท่ามกลางชิ้นส่วนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเหล่านั้น นั่นคือพลังเพลิงหงส์ระเบียบ
ขณะเดียวกันกลีบดอกบัวกลีบแล้วกลีบเล่าโรยร่วงบนชิ้นส่วนเหล่านั้น มีกลิ่นอายนิพพานอันลึกลับสุดหยั่ง และนี่ก็คือพลังระเบียบนิพพาน!
ในที่สุดหลินสวินก็ตระหนักได้ ว่าแม้ตัวเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจะถูกทำลาย แต่พลังต้นกำเนิดของมันไม่ได้มลายหายไป กลับได้รับการหล่อเลี้ยงจากเพลิงหงส์ระเบียบและพลังระเบียบนิพพานท่ามกลางการเคี่ยวกรำของอสนีเคราะห์
ดังนั้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้จึงสำแดงการเกิดใหม่ท่ามกลางการดับสลาย นิพพานถึงขีดสุดจึงเกิดใหม่ เป็นภาพแทนของการเปลี่ยนแปลง!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
เลือดสดๆ เปื้อนบนเศษเตาที่สั่นสะเทือน เศษเตาแต่ละชิ้นต่างมีปราณกระบี่ทะลุฟ้า กรีดแหวกทะเลอสนี ส่งเสียงครั่นครืนต้านด่านเคราะห์โดยไม่ยอมไม่ถอย
และท่ามกลางเคราะห์ภัยครั้งนี้ กายเนื้อของหลินสวินก็แตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำเลือดรินรดเศษเตาจนโชกชุม ประหนึ่งมอบพลังชีวิตให้มันมีจิตวิญญาณมากขึ้น ส่งเสียงเบาๆ ไม่หยุดยั้งเหมือนกำลังร้องตะโกน
นี่เป็นด่านเคราะห์อันทุกข์ทรมาน หลินสวินทนกับการฟาดฟันทำลายจนร่างกายแหลกสลาย เลือดเนื้อ กระดูก และทุกเศษเสี้ยวรวมเข้าด้วยกัน
แต่ต่อให้เขาได้รับความเจ็บปวดที่คนทั่วไปทนรับได้ยาก เจตจำนงจิตวิญญาณกลับไม่ถูกทำลายลงไปเลย
นี่ทำให้เขามีโอกาสสร้างตัวตนขึ้นใหม่ แปรสภาพตัวเองได้จริงๆ
ชั่วขณะหนึ่งหลินสวินเหมือนเป็นร่างเดียวกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ร่วมกันหลอมชำระและยกระดับท่ามกลางอันตรายถึงขีดสุดไม่หยุดยั้ง เกิดเสียงประสานอัศจรรย์คล้ายไม่อาจแยกออกจากกันได้อีก
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นลำแสงสายฟ้าที่มีสีสันแพรวพราวไหลเวียนสายหนึ่งก็ผ่าลงมา สรรพสิ่งดับสูญ ดวงดาวไม่น้อยระเบิดออก พื้นที่ที่ถูกเคราะห์สวรรค์ปกคลุมแห่งนี้พังพินาศครั้งใหญ่
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีในที่สุด
เพราะเคราะห์นี้เกิดขึ้นเพื่อพุ่งเป้าไปที่เจตจำนงจิตวิญญาณ ทำให้จิตวิญญาณของเขายังรวดร้าวดั่งหมื่นกระบี่ฟาดฟัน มีเค้าลางจะพังทลาย
นี่เป็นมหาพิบัติเคราะห์อย่างหนึ่ง กายเนื้อถูกทำลายสร้างใหม่ได้ แต่ทันทีที่พลังจิตพังพินาศ ทุกอย่างก็จะกลายเป็นความว่างเปล่า
“ฆ่า!”
หลินสวินคำราม เต็มไปด้วยความแน่วแน่
มหาเคราะห์ขั้นที่เจ็ดนี้ ข้ามได้ยากเช่นนี้ น่ากลัวเช่นนี้ น่ากลัวกว่าตอนข้ามด่านเคราะห์ขั้นหกไม่ใช่แค่สิบเท่า
หลินสวินไม่ยอมแพ้แค่เพียงเท่านี้ เขาตั้งสติท่องคัมภีร์ โคจรยอดมรรคา โคจรคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค ดุจหุบเหวดั่งเตาหลอม ตั้งมั่นในมรรคตน เจตจำนงดั่งเหล็กกล้า รูปจำลองจิตวิญญาณยิ่งเปล่งประกายขึ้นมา…
ครืน…
ทะเลอสนีหนึ่งสาย สองสาย… จนนับไม่ถ้วนเทตัวลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ครั้งแตกต่างกันไป
จนท้ายที่สุดเจตจำนงจิตวิญญาณยังถูกถล่มแตกกระเจิงหลายครั้ง และรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า
จนถึงตอนนี้หลินสวินไม่มีความคิดใดสักนิด ลืมสิ้นทุกสิ่ง ใจจดจ่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จมสู่สภาวะข้ามด่านเคราะห์โดยสมบูรณ์ยิ่ง
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ร้อยกี่พันเคราะห์ หลินสวินถึงกับไม่อาจรู้สึกถึงความเจ็บปวด การรับรู้ทั้งปวงว่างเปล่า
เขาในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างอัศจรรย์
เลือดเนื้อ กระดูก เจตจำนงจิตวิญญาณ รวมถึงเศษเสี้ยวเตาแหลกกระจุยเหล่านั้นถึงกับหลอมรวมอยู่ด้วยกัน เคลื่อนคล้อยอยู่กลางทะเลอสนี ได้รับการหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวอย่างน่าตกตะลึง
ตัวเขาก็คือเตาหลอม มีเพลิงหงส์ระเบียบและระเบียบนิพพานล้อมรอบ เปล่งละอองแสงงดงาม ดูลึกลับหาใดเทียบ ถึงกับขวางการโจมตีของเคราะห์สวรรค์ไว้ไม่หยุด!
ภาพอันพิสดารน่าเหลือเชื่อเช่นนั้น หากให้มกุฎมหาจักรพรรดิคนอื่นเห็นเข้า จะต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่อาจเข้าใจได้
แต่ในตอนนี้กลับเกิดขึ้นจริง ลึกลับได้ปานนี้
เสียงมหามรรคดังสนั่น หลินสวินคล้ายรู้สึกได้ อดนึกถึงคำร่ำลือหนึ่งขึ้นมา
ศาสตราจักรพรรดิ แบ่งออกเป็นสามขั้นเก้าชั้น
สามขั้น แบ่งออกเป็นขั้นลึกลับ ขั้นวิญญาณและขั้นศักดิ์สิทธิ์
ในทั้งสามขั้น ศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับพบเห็นได้บ่อยที่สุด ลายสมบัติมรรคจักรพรรดิที่เกิดขึ้นแบ่งออกเป็นสามชั้น สูง กลาง และต่ำ
ส่วนศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณ หมายถึงศาสตราจักรพรรดิที่สามารถให้กำเนิดวิญญาณอาวุธได้ สมบัติระดับนี้เรียกได้ว่าชั้นหนึ่งแล้ว มักอยู่ในการครอบครองของขุมอำนาจใหญ่โบราณ
และศาสตราจักรพรรดิขั้นศักดิ์สิทธิ์นั้นหายากเป็นที่สุด ทั้งยังถูกเรียกว่ายอดศาสตรามรรคจักรพรรดิ มีอานุภาพน่ากลัว สามารถทำลายโลกใหญ่แห่งหนึ่ง จักรวาลแห่งหนึ่งได้
เพียงแต่ยอดศาสตรามรรคจักรพรรดิเป็นสิ่งที่บังเอิญพบได้แต่ไม่อาจร้องขอ แทบจะหายากจนเหมือนกับตำนาน
และในคำร่ำลือ ยอดศาสตรามรรคจักรพรรดิก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมกุฎมหาจักรพรรดิ สามารถดำรงต่อไปชั่วนิรันดร์
มกุฎมหาจักรพรรดิอาจมีเวลาร่วงหล่น แต่ในยอดศาสตรามรรคจักรพรรดิ กลับมีเจตจำนงและเลือดหัวใจของพวกเขาอยู่ สามารถสาดส่องชั่วกัลป์ ธำรงอยู่ชั่วกาล
และตอนนี้ หลินสวินสังหรณ์ใจอย่างแรงกล้าว่าถ้าเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งผ่านการหลอมชำระครั้งนี้ไปได้ เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะมีศักยภาพแฝงในการแปรสภาพเป็นยอดศาสตรามรรคจักรพรรดิ!
ครืน!
เกิดการสั่นสะเทือนแรงกล้า เคราะห์สวรรค์ยังคงดำเนินต่อไป ไอแรกกำเนิดเดือดพล่านม้วนตลบทะเลดารา ไอขุ่นมัวแรกกำเนิดมหาศาลกลายเป็นพายุอสนีไร้ขอบเขต ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
ก็ในตอนนี้เอง สภาวะที่หลินสวินหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกทำลายลง ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
คราวนี้เตากระบี่แทบจะกลายเป็นผุยผง เลือดเนื้อกับพลังจิตของหลินสวินยังแทบถูกบดขยี้!
นี่เป็นชั่วขณะที่ย่ำแย่ที่สุด ด่านเคราะห์เช่นนี้เป็นตัวแทนของความพินาศ ฟ้าเบื้องบนเหมือนหมายจะทำลายทุกสิ่งสรรพ ไม่ยอมให้คนเย้ยฟ้าอย่างหลินสวินกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดำรงอยู่ต่อไป
กระนั้นท่ามกลางความพังพินาศอันน่ากลัวไร้สิ้นสุดนี้ ก็มีพลังใหม่ที่ถือกำเนิดอย่างหนึ่ง กรีดทำลายไอขุ่นมัวอันเวิ้งว้าง สาดส่องลงมาจากส่วนลึกของท้องนภา
หลินสวินไม่หวาดหวั่น ไม่กระวนกระวาย สำแดงสภาวะ ‘ว่างเปล่า’
ความคิดอะไร ความรู้สึกอะไร ความเห็นอะไร… หายไปหมดสิ้น ข้ามผ่านด่านเคราะห์มากมายขนาดนี้ อยู่ระหว่างความเป็นความตาย เขาไม่ดีใจหรือเสียใจ มีเพียงเจตจำนงตามสัญชาตญาณที่โคจรมรรควิถี สำแดงมรรคและวิชา
ไม่กลัวเป็นตาย
ไม่หวั่นความทรมาน
มีเพียงมรรควิถีข้า ดำรงอยู่ไม่รู้ดับ!
เจตจำนงของหลินสวินยิ่งบริสุทธิ์และหนักแน่น เตากระบี่กลายเป็นฝุ่นผง พลังจิตและกายเนื้อแหลกเละ แต่กลับแฝงความหวังแห่งชีวิต กำลังจะเกิดการถือกำเนิดใหม่
มหาเคราะห์ครั้งนี้ดำเนินอยู่นานผิดปกติ ต่างจากในอดีต ท้ายที่สุดท่ามกลางทะเลอสนีเวิ้งว้างนั้นก็มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดน่าเหลือเชื่ออุบัติขึ้น
อสนีเคราะห์สายแล้วสายเล่ารวมตัวกัน แปรสภาพเป็นโลกขุ่นมัวประหนึ่งแดนแรกกำเนิด
ขุ่นใสแยกออกจากกัน ฟ้าดินแรกกำเนิด สรรพสิ่งอุบัติ ฟ้าเสถียรดินขนาน สุริยันจันทราดารา หมื่นลักษณ์จักรวาล… ล้วนปรากฏขึ้นทั้งสิ้น
ที่ตามมาติดๆ มารเทพ สิ่งมีชีวิต นกปีศาจ แมลงต่างๆ ก็ถือกำเนิดขึ้น ส่งเสียงร้องอยู่ในฟ้าดินแรกกำเนิด!
สายฟ้าแต่ละสายนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริงๆ คุนเผิงสยายปีก โผบินขึ้นสูงเก้าหมื่นลี้ มารเทพคำราม กรำศึกอยู่ในห้วงอากาศ โจมตีสุริยันจันทราดารา…
ในชั่วขณะที่อันตรายถึงขีดสุดนี้ หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้สึกสักนิด นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น เลือดเนื้อ ร่างกาย จิตวิญญาณแหลกกระจุยและรวมตัวใหม่ไม่ว่างเว้น กลืนกินสายอสนีกลางฟ้าดิน
ไม่ขบไม่คิด
ไม่หวั่นไม่กลัว
ในที่ไกลลิบนกกระจอกเขียวนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น
รอบกายมันมีโซ่เทพสีชาดงดงามสะดุดตาสายหนึ่งโอบล้อม ช่วยมันสลายพลังอสนีเคราะห์ที่ถาโถมไม่หยุดอยู่ในฟ้าดารานั้น
——