ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
หลินสวินบอกลาหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรว
จากของที่เหวินเซ่าเหิงทิ้งไว้ก่อนตาย หลินสวินเจอวิธีแก้คำสาปผนึกหมื่นยอด ช่วยหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวแก้พันธนาการที่ผูกมัดในจิตวิญญาณ ทำให้ทั้งสองคืนสู่อิสระอย่างสิ้นเชิง
กับเรื่องนี้ทั้งสองซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ถึงขั้นจะเดินทางพร้อมกับหลินสวินโดยไม่ห่วงอะไร ท่าทางหมายจะติดตามช่วยเหลือ บุกน้ำลุยไฟโดยไม่กลัวความยากลำบาก
แต่หลินสวินปฏิเสธ
เขาไม่อยากให้ทั้งสองต้องเดือดร้อนเพราะตนอีก
อีกอย่างเขาเองก็ไม่กล้ารับรอง ว่าในหนทางต่อจากนี้จะสามารถคุ้มครองทั้งสองไม่ให้ประสบพิบัติเคราะห์ได้
สุดท้ายหลินสวินจึงเดินทางเพียงลำพัง
จวนเจ้าเมืองเงียบเชียบ ทุกที่ล้วนเละเทะ พร้อมๆ กับการร่วงหล่นของเหิงเทียนซั่ว ทหารที่เฝ้าอยู่ภายในหนีกระเจิงไปนานแล้ว
ตรงกลางจวนเจ้าเมืองมีลานมรรคเก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
จากการชี้แนะของนกกระจอกเขียว หลินสวินจึงมาถึงที่นี่
ในลานมรรคเก่าแก่แห่งนี้มีช่องทางเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่ง เพียงแค่วางแหล่งดาราสิบชิ้นเข้าไปภายใน ก็สามารถออกจากเมืองตั้งต้นไปสู่โลกโบราณที่มีนามว่า ‘หาดหมื่นดารา’ ได้ด้วยช่องทางเคลื่อนย้ายนี้
และการทะลวงผ่านหาดหมื่นดารา ทั้งก้าวผ่านสนามรบแตกต่างกันสิบกว่าแห่ง ก็จะสามารถไปถึงด่านนภาอมตะต่อไปได้
สำหรับหลินสวิน เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือการจากไปเดี๋ยวนี้
ถึงอย่างไรการตายของเหิงเทียนซั่วก็ต้องทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะทำให้ขุมอำนาจของตระกูลเหิงเคลื่อนไหว
ขณะเดียวกันการตายของเหวินเซ่าเหิงก็จะกระจายออกไป
นี่ก็หมายความว่ายิ่งอยู่ในเมืองตั้งต้นนานก็ยิ่งอันตราย!
“พี่หลิง”
เพียงแต่หลินสวินเพิ่งก้าวขึ้นลานมรรคเก่าแก่นั่น เสียงกังวานใสก็ขึ้น ก็เห็นเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวเดินมาด้วยกัน
“ทั้งสองยังคิดจะชวนข้าร่วมเดินทางด้วยหรือ” หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้
“ใช่แล้ว”
เซี่ยงเสี่ยวหยวนพยักหน้า สายตาที่มองหลินสวินเต็มไปด้วยประกาย
“ข้าเพิ่งฆ่าเหิงเทียนซั่วและเหวินเซ่าเหิง เท่ากับล่วงเกินตระกูลเหวินและตระกูลเหิงอย่างถึงที่สุด พวกเจ้าไม่กลัวเดือดร้อนไปด้วยหรือ” หลินสวินพูดอย่างสนใจ
“หากห่วงหน้าห่วงหลัง ขี้ขลาดตาขาว คงไม่สามารถรอดจากแดนใหญ่พันศึกเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ได้” เซี่ยงเสี่ยวหยวนนัยน์ตาสว่างสดใส พูดพร้อมยิ้มบางๆ
เยวี่ยตู๋ชิวเองก็พยักหน้า
หลินสวินคิดๆ แล้วก็ตอบรับ “ได้ หากพวกเรามีโอกาสพบกันที่ด่านนภาอมตะที่เก้า จะไม่ปฏิเสธคำเชิญชวนด้วยความจริงใจของทั้งสองท่าน”
พูดจบเขาสะบัดแขนเสื้อ แหล่งดาราสิบก้อนทะยานออกมา พุ่งเข้าไปในตำแหน่งที่แตกต่างกันของลานมรรคเก่าแก่
วู้ม…
ห้วงอากาศคลุมเครือไหวระลอก ห่อหุ้มเงาร่างของหลินสวินก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“พวกเราก็ไปกันเถอะ” เยวี่ยตู๋ชิวพูด
ก่อนที่หลินสวินจะจากไป ในเมืองขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่รวบรวมแหล่งดาราได้ถึงสิบชิ้นล้วนเดินทางล่วงหน้าไปนานแล้ว
ส่วนเหล่าผู้แข็งแกร่งที่รวบรวมแหล่งดาราได้ไม่เพียงพอ ทำได้เพียงอยู่ในเมืองก่อน รอโอกาสแดนลับฝึกหลอมเปิดอีกครั้ง
เซี่ยงเสี่ยวหยวนพยักหน้าๆ ก่อนออกเดินทางพร้อมกับเยวี่ยตู๋ชิว
เส้นทางมหามรรค จักรพรรดิแก่งแย่ง ผู้แข็งแกร่งคงอยู่ชั่วนิรันดร์!
เมื่อระดับมหาจักรพรรดิอย่างพวกหลินสวินจากไป ในเมืองตั้งต้นจึงเงียบเหงาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกี่ยวกับหลินสวินยังคงเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในทุกที่
บางทีในกาลเวลาไร้สิ้นสุดหลังจากนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ยังจะล่ำลือต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เหล่าผู้ฝึกปราณที่เดินเข้าด่านนภาอมตะด่านที่หนึ่ง ก็ถูกกำหนดให้ได้ยินชื่อที่ราวกับตำนานอย่างหลิงเสวียนจื่อ
หาดหมื่นดารา
นี่เป็นโลกโบราณหักพังแห่งหนึ่ง เหมือนชายหาดผืนหนึ่ง ทว่าสิ่งที่กระจายอยู่ล้วนเป็นอุกกาบาตขนาดใหญ่
ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น หลินสวินมาถึงที่นี่
หลินสวินเลือกอุกกาบาตยักษ์ดวงหนึ่งแล้วนั่งขัดสมาธิ เริ่มนับทรัพย์หลังศึก
การต่อสู้คราวนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่แดนลับฝึกหลอม เริ่มจากสังหารทหารคุ้มกันอย่างพวกเหิงจั้นก่อน จากนั้นเข้าสู่เมืองตั้งต้น โจมตีทหารคุ้มกันจวนเจ้าเมืองเกือบร้อยคนแล้วกำจัดเจ็ดนักโทษทั้งหมด
จนกระทั่งบุกไปถึงจวนเจ้าเมือง และสังหารเหิงเทียนซั่วกับเหวินเซ่าเหิงตามลำดับ
แม้ผ่านประสบการณ์นองเลือด ทว่าผลเก็บเกี่ยวเรียกได้ว่ามหาศาล
เพียงแค่มุกยมโลกที่รวบรวมได้ก็มีห้าสิบกว่าเม็ดแล้ว!
นอกจากนี้จำนวนของผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งก็เรียกได้ว่าเฟื่องฟู รวมแล้วมียี่สิบแปดล้านก้อน ในนั้นเป็นทรัพย์หลังศึกของเหิงเทียนซั่วมากที่สุด
เจ้าเฒ่านี่ในฐานะเจ้าเมืองคนหนึ่ง ช่วงที่ปกครองเมืองตั้งต้นตักตวงทรัพย์สมบัติมาไม่รู้เท่าไหร่ เพียงแค่ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งก็มีสิบเอ็ดล้านเม็ดแล้ว!
และเมื่อตัดมุกยมโลกและผลึกต้นกำเนิดจักรวาลไว้ สมบัติอื่นๆ อย่างศาสตราจักรพรรดิ เจตวัตถุ วัตถุดิบวิญญาณ ลูกกลอนโอสถ ตำราฝึกปราณ ภาพลึกลับวิชายุทธ์ สามารถกองเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ได้แล้ว
ควรรู้ว่าของเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ระดับจักรพรรดิรวบรวมมา ไม่ใช่ของทั่วไป แม้หลินสวินเองยังยากจะประเมินมูลค่าอย่างละเอียดของสมบัติเหล่านี้
แต่ไม่ว่าอย่างไร หลินสวินในตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพย์สินในช่วงสั้นๆ แล้ว!
นับทรัพย์หลังศึกเสร็จ หลินสวินเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาหลอมมุกยมโลกที่รวบรวมมาได้
ในลายมรรคนรกเก้าสายนั้น รวมเป็นมหามรรคที่สมบูรณ์แบบอีกสามสาย ล้วนเป็นนัยเร้นลับมหามรรคของแดนนรกในยุคก่อน
แบ่งเป็นมรรคพิพากษา มรรคกักทุกข์ และมรรคผลาญมาร
ในนั้นมรรคพิพากษาน่ากลัวที่สุด ทันทีที่สำแดงก็ประหนึ่งตัดสินความเป็นความตาย เป็นมรรคแห่งการเข่นฆ่าของแดนนรก
มรรคกักทุกข์ เป็นพลังที่กำราบภัยพิบัติ สามารถสลายและปิดผนึกพลังแห่งมหามรรควิญญาณของผู้ฝึกปราณได้
ส่วนมรรคผลาญมารกลับแปลกประหลาดและลึกลับที่สุด เมื่อเคี่ยวกรำถึงขีดสุด สามารถรวมเป็นเพลิงผลาญวิญญาณ ทำลายความชั่วร้ายและบาปทั้งปวง!
เมื่อรวมกับมรรคกักวิญญาณ มรรคสิบตำหนักพญายม และมรรคขุมนรกที่หลินสวินควบรวมออกมาก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ในลายมรรคนรกเก้าสาย หลินสวินควบรวมออกมาได้หกสายแล้ว
เหลือเพียงสามสายที่ยังไม่ได้ควบรวบออกมา
อิงตามการประเมินของหลินสวิน ยังต้องรวบรวมมุกยมโลกประมาณสี่สิบเม็ด ถึงจะสามารถควบรวมลายมรรคนรกสามสายนี้ได้
และเมื่อถึงตอนนั้น มรรคนรกเก้าสายนี้ก็เป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ทั้งหมด!
ครู่ใหญ่หลินสวินลุกขึ้นจากอุกกาบาตใหญ่ดวงนั้น
“ระหว่างทางหลังจากนี้ก็ต้องระวังแล้ว…”
นกกระจอกเขียวเคยบอกว่า การฆ่าเจ้าเมืองอย่างเหิงเทียนซั่ว เท่ากับทำลายกฎที่แดนใหญ่พันศึกตั้งขึ้นร่วมกัน
นี่ก็หมายความว่าบนหนทางหลังจากนี้ เขาจะถูกขุมอำนาจทั้งหมดที่ปกครองด่านนภาอมตะมองเป็นนักโทษที่ต้องการประกาศจับ!
ผลลัพธ์นี้รุนแรงมากอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะใดสามารถยอมให้คนร้ายที่แหกกฎอย่างหลินสวินอยู่รอดได้
แต่หลินสวินไม่ได้เป็นห่วงอะไร
แม้ถูกประกาศจับ อย่างมากเขาเปลี่ยนฐานะเสียก็จบ
อีกอย่างหลินสวินไม่เชื่อหรอกว่าขุมอำนาจที่กระจายอยู่ในแต่ละด่านนภาอมตะ จะร่วมมือกันเล่นงานตนจริงๆ
สรุปแล้วหลินสวินมีความมั่นใจในการมุ่งหน้าต่อไป และไม่มีทางกลัวจนไม่กล้าเดินหน้าเพราะเรื่องนี้
เขาไม่ได้เสียเวลาอีก ภายใต้การชี้แนะของนกกระจอกเขียว เขาเร่งเดินทางต่อ ก้าวเดินอยู่ในสนามรบที่ต่างกัน ผ่านการเคี่ยวกรำและเข่นฆ่า
ขจัดอุปสรรคและขวากหนามตลอดทาง
มุ่งหน้าทั้งวันทั้งคืน
ระหว่างทางหลินสวินสร้างความมั่นคงในระดับปราณของตน ทำให้รากฐานมหามรรคหลังจากขึ้นระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดแข็งแกร่งหนาแน่นอย่างสิ้นเชิง
และการเข่นฆ่าและเคี่ยวกรำตลอดทางนี้ ก็ทำให้หลินสวินเข้าใจมรรควิถีแห่งตนอย่างชัดเจนกระจ่างแจ้งที่สุด
หากปลดปล่อยถึงขีดสุด เสริมด้วยอานุภาพของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ในการปะทะซึ่งหน้าสามารถกำราบบรรพจารย์มรรคอย่างเหิงเทียนซั่วได้
แต่ถ้าไม่ใช้พลังของเพลิงระเบียบดับสูญ อยากจะฆ่าอีกฝ่ายกลับยากมากที่จะทำได้
ก็เท่ากับเอาชนะนั้นง่าย แต่ฆ่าให้ตายนั้นยาก
นี่นับว่าเป็นการทำลายพลังอันเป็นเหมือนปราการสวรรค์ที่บรรพจารย์มรรคครอบครองหรือไม่
หลินสวินใคร่ครวญอยู่นาน คิดว่านี่คงนับว่าเป็นการสั่นคลอนเท่านั้น ยังไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง
ใช่แล้ว ในสายตาของคนนอก สามารถกำราบบรรพจารย์มรรคอย่างเหิงเทียนซั่ว ก็เหมือนการทำเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าหายาก
ทว่าสำหรับตัวหลินสวินเอง ยังไม่อาจพูดได้ว่าสามารถกำราบอีกฝ่ายอย่างแท้จริง
ในเมื่อไม่ใช่การกำราบอย่างเด็ดขาด ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าทำลายปราการสวรรค์นี้…
แน่นอนว่านี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของหลินสวิน
เขายังไม่รู้ว่าคนที่สามารถโจมตีเหิงเทียนซั่วจนพ่ายแพ้ได้อย่างเขา ต่อให้อยู่ในโลกยอดนิรันดร์ยังเรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถสะเทือนหมื่นกาล
หลินสวินก้าวผ่านพื้นที่หลากหลาย ฝ่าสนามรบที่อันตรายยากจะคาดเดาแห่งแล้วแห่งเล่า ก้าวเดินเพียงลำพัง ต่อสู้ไม่หยุด
ด้วยมรรควิถีในตอนนี้ของเขา อันตรายทั่วไปยากมากที่จะคุกคามเขาได้
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ อันตรายและเคราะห์สังหารระหว่างทางก็มากจนนับไม่ถ้วน
มีถ้ำมารที่ลอยอยู่ในฟ้าดารา เหมือนรังที่แน่นขนัด ตกลงไปก็เหมือนตกสู่แดนนรกที่แตกสลายนับไม่ถ้วน จะถูกไอมารที่น่ากลัวรุกราน
มีเขากระดูกขาวแสนจั้งที่ปักหลักในทะเลเลือด ปลดปล่อยไอสังหารเร้นลับ ไม่ทันไรก็สามารถสังหารระดับจักรพรรดิได้อย่างไร้สุ้มเสียง
ภายหลังหลินสวินถึงรู้ว่า นั่นมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นฟันสัตว์ของสัตว์เทพบางชนิดในยุคก่อน
มีป่าพายุคลั่ง ยามกิ่งก้านโบกสะบัด ราวกับปราณกระบี่มหาศาลร่ายระบำบ้าคลั่ง พร่างพราวสวยงาม สามารถทำให้บรรพจารย์ขั้นเก้าหวาดหวั่น
มี…
สถานที่อันตรายและน่ากลัวบางส่วน ทำเอาหลินสวินจำต้องหนีห่าง ไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ
ทว่าแม้ผ่านอันตราย ระหว่างทางก็ทำให้หลินสวินได้เปิดโลก สิ่งที่เห็น สิ่งที่สัมผัส สิ่งที่หยั่งรู้ ล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถีแห่งตน
ในที่สุดสามเดือนหลังจากนั้น
หลินสวินบุกเข้าสนามรบหักพังที่ทรุดทลายเป็นชั้นๆ แห่งหนึ่ง เข้าสู้ฟ้าดินที่กว้างใหญ่ไพศาล
เมืองที่เก่าแก่แห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในโลกนี้ อาบประกายศักดิ์สิทธิ์ แผ่กลิ่นอายกว้างใหญ่ไพศาล
มองจากไกลๆ เมืองนี้เหมือนเป็นอาณาเขตที่เสือร้ายดึกดำบรรพ์ยึดครอง!
ด่านนภาอมตะด่านที่สอง… เมืองพยัคฆ์ครอง
ในด่านนภาอมตะสี่สิบเก้าแห่งของแดนใหญ่พันศึก เมืองพยัคฆ์ครองเป็นสถานที่ที่ธรรมดาที่สุด ไม่ใช่ด่านใหญ่ และไม่สามารถเทียบกับด่านนภาอมตะด่านที่หนึ่งอย่างเมืองตั้งต้นได้
ทว่ามองจากไกล อาณาเขตของเมืองนี้ไม่ใช่สิ่งที่เมืองทั่วไปจะเทียบได้ เก่าแก่และยิ่งใหญ่ แผ่กลิ่นอายแห่งกาลเวลาเนิ่นนาน
ฟึ่บ!
จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ขยาย พลันสังเกตเห็นว่าหน้าประตูเมืองที่สูงพันจั้งมีทหารคุ้มกันที่กลิ่นอายอันตรายเฝ้าอยู่ ทุกคนล้วนมีพลังปราณระดับจักรพรรดิ
และบนประตูเมือง มียันต์สีดำที่แผ่ไอสังหารทรงพลังติดอยู่ แม้อยู่ห่างไกลมาก ก็ยังคงปลดปล่อยแสงประกายสีเลือดที่ทำให้คนหวาดหวั่น
บนยันต์สีดำทุกอันล้วนใช้พู่กันสีเลือดเขียนอักษรที่แตกต่างกัน
เมื่อมองอย่างละเอียด นั่นถึงกับเป็นประกาศรางวัลนำจับทั้งหมด!
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย ในเมืองตั้งต้นเขาไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน
…………………