ตอนที่ 2481 ประกาศจับจากตระกูลลั่ว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

เรื่องที่เกิดขึ้นนอกประตูเมือง หลินสวินไม่รู้สักนิด

ต่อให้รู้ ก็เกรงว่าจะมีแต่ลอบร้องดีใจกับตัวเองว่าโชคดีที่ออกมาทันเวลา หาไม่…

จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ!

“นกกระจอกเขียว รีบบอกข้าว่าจะออกจากด่านนภาอมตะที่สามนี่ได้อย่างไร ถ้าสามารถใช้เงินจัดการได้ล้วนไม่ใช่ปัญหา” หลินสวินรีบซักถาม

ตั้งแต่นกกระจอกเขียวได้รับสมบัติที่มีคุณสมบัติวัตถุอมตะกองพะเนิน ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวินก็ยิ่งใส่ใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้คำชี้แนะทันทีโดยหยุดคิด

ผลลัพธ์คือ ในวันนั้นหลินสวินควักยี่สิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งออกมา และได้ป้ายยืนยันผ่านการทดสอบทันที จากนั้นก็ออกไปในวันนั้นเลย!

มีเงินสามารถสั่งผีโม่หินได้ คำคนโบราณไม่หลอกลวงจริงๆ

ต่อให้อยู่ในแดนใหญ่พันศึกนี้ก็ยังใช้การได้เหมือนกัน แค่ขึ้นอยู่กับว่าสามารถจ่ายราคาที่ระดับจักรพรรดิทั่วไปไม่สามารถรับได้ไหวหรือไม่เท่านั้นแล้ว

ยามเมื่อตู๋กูโยวหรันได้รู้ข่าวนี้ ก็ทั้งโกรธทั้งขันอย่างอดไม่ได้

“เจ้าหมอนี่เห็นข้าเป็นเทพแห่งโรคระบาดจริงๆ หรือ”

ตู๋กูโยวหรันชักคันยุบยิบในใจขึ้นมาบ้าง

ยามอยู่โลกยอดนิรันดร์ เพราะนางรับเรื่องแต่งงานสารพัดรูปแบบที่ผู้อาวุโสตระกูลจัดแจงให้ไม่ได้ ดังนั้นจึงอ้างเหตุผลว่าจะเดินทางท่องโลกมาบังหน้า วิ่งมาผ่อนคลายจิตใจที่แดนใหญ่พันศึกแห่งนี้

แต่คิดไม่ถึงสักนิดว่าแม้จะมาถึงแดนใหญ่พันศึก ก็ยังมีฝูงภมรตอมบุปผามากมายคอยไล่ตามมาอีก

อย่างเผิงเทียนเสียง จู้หลิน หรงเซียงหลี รวมถึงบุคคลโดดเด่นทั้งกลุ่มที่เวลานี้ไล่ตามอยู่ข้างกายตนตลอดทาง ใครบ้างไม่เป็นเช่นนี้

นี่ทำให้นางหงุดหงิดแล้วหงุดหงิดอีก

ทว่าตู๋กูโยวหรันคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่ามีเพียงหลิงเสวียนจื่อนั่นที่มองตนเป็นสัตว์ร้ายภัยพิบัติ ไม่อยากอยู่กับตนแม้แต่เพียงหนึ่งเค่อ ราวกับว่าตนจะแล่เนื้อเขามากินสดๆ อย่างไรอย่างนั้น

ทำให้ตู๋กูโยวหรันที่ถูกหมู่ดาราห้อมล้อม ถูกผู้อาวุโสตระกูลรักใคร่ตามใจตั้งแต่เล็กจนโต ได้สัมผัสรสชาติเช่นนี้เป็นครั้งแรก

นางฉลาดหลักแหลม ย่อมรู้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ คลายสายเบ็ดตกปลาใหญ่พวกนี้เป็นธรรมดา

ก่อนหน้านี้ก็มีคนไล่ตามเกี้ยวนางเช่นนี้ไม่ขาด ทว่ากลอุบายเช่นนี้ทำให้นางแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างสิ้นเชิง

มีเพียงหลินสวินที่มองนางเป็นตัวหายนะอย่างแท้จริงและไม่ปิดบังสักนิด นี่ทำให้นางทั้งฉุนทั้งขัน

บนโลกใบนี้ยังมีคนเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร

เขาไม่รู้เชียวหรือว่าตนแค่เอ่ยง่ายๆ ประโยคเดียว ก็สามารถทำให้เขาไม่ต้องพบเจออันตรายใดๆ ก็สามารถไปถึงโลกยอดนิรันดร์ได้ตรงๆ

“ซ้ำยังจ่ายยี่สิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง ใช้จ่ายมือเติบเช่นนี้เพื่อจะหลบเลี่ยงข้า เจ้าหมอนี่… ช่าง… มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!”

ตู๋กูโยวหรันลอบพึมพำกับตัวเอง

“คุณหนูโยวหรัน ในเมื่อผู้มีพระคุณคนนั้นของเจ้าจากไปแล้วก็ไม่ต้องคิดมากเพราะเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว ดูท่าเขาต้องมีเรื่องด่วนถึงได้จากไปเป็นแน่”

ชายหนุ่มที่บังคับรถศึกเข้ามาก่อนหน้านี้ยิ้มพลางเอ่ยปาก

เขาสวมชุดเกราะสีทอง ท่วงท่าองอาจทรงพลัง สง่าผ่าเผยไร้เทียมทาน เขาเองก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่ง ซ้ำที่มายังไม่ธรรมดา

จากฐานะของเขา ต่อให้เป็นเจ้าเมืองนี้ก็ยังต้องเคารพสามส่วน

แต่เวลานี้ตู๋กูโยวหรันกลับกล่าวอย่างหมดความอดทน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขามีเรื่องด่วน เรื่องของข้า พวกเจ้าไม่ต้องมาเป็นห่วง!”

ทุกคนมองหน้าสบตากัน ต่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตู๋กูโยวหรันถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

“เผิงเทียนเสียง เจ้าตามข้ามา ไปตามเจ้าหมอนั่น ในเมื่อเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า จะให้ข้าติดหนี้น้ำใจคนไม่ตอบแทนได้อย่างไร ข้าละอยากเห็นนักว่าเขาจะไปหลบที่ไหนได้!”

ตู๋กูโยวหรันตัดสินใจ

เผิงเทียนเสียงพยักหน้าหงึกๆ จิตใจไหวกระเพื่อม

ต่อให้ท่าทีที่ตู๋กูโยวหรันปฏิบัติต่อเขาจะยังไม่ถึงขั้นดีมากดังเดิม ทว่า… ก็เด่นกว่าคนอื่นอยู่ดีนั่นแหละ!

หาไม่ เหตุใดนางไม่เรียกคนอื่นให้ร่วมเดินทาง เรียกแต่ตนคนเดียวเล่า

เมื่อมองส่งตู๋กูโยวหรันและเผิงเทียนเสียงจากไป บุคคลกร้าวแกร่งซึ่งที่มาล้วนแล้วไม่ธรรมดาสุดขีดเหล่านั้นต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้

“จินตู๋อี? เจ้าหมอนี่เป็นใคร เหตุใดถึงทำให้โยวหรันใส่ใจเช่นนี้”

มีคนกังขา

“อันตรายแล้ว โยวหรันคงไม่ได้ถูกใจคนผู้นี้แล้วกระมัง”

มีคนสีหน้าอึมครึม

“เฮอะ แค่พวกที่มาจากโลกพันจักรวาลคนหนึ่ง มีหรือจะต้องตาโยวหรันได้ จากความเห็นข้า โยวหรันแค่ไม่อยากติดหนี้น้ำใจใครก็เท่านั้น”

มีคนเยาะหยัน

“จินตู๋อี… ไม่ว่าสาเหตุอะไร ในเมื่อทำให้โยวหรันใส่ใจเช่นนี้ คนผู้นี้ย่อมต้องกำจัดทิ้ง!”

มีคนแววตาวาบไอสังหาร

นี่ก็คืออานุภาพของตู๋กูโยวหรัน คนทั่วไปไหนเลยจะทนรับความเคียดแค้นที่มาจากเหล่าคนที่คอยเทียวไล้เทียวขื่อข้างกายนางเหล่านั้นได้

ยังดีที่หลินสวินออกไปแต่เนิ่นๆ หาไม่ เกรงว่าจะก่อให้เกิดคลื่นลมลูกใหญ่ขึ้นมาอีกเป็นแน่

เวลาดุจกระสวยบิน ผันผ่านอย่างรวดเร็ว

หลินสวินมุ่งหน้าเพียงลำพัง ผ่านสนามรบที่อันตรายรอบด้าน ทะยานข้ามฟ้าดาราเงียบเชียบที่แปลกพิสดารและอัปมงคล

สู้ศึกตลอดทาง

นองเลือดตลอดทาง

ไม่มีตัวปัญหาที่เกาะหนึบอย่างตู๋กูโยวหรันแล้ว ก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายไร้สาระหลั่งไหลมาเยือน

จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกชอบการเดินทางคนเดียว เดินเหินเพียงลำพังเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว

ชิงชัยในเส้นทางจักรพรรดิ สัญจรเพียงลำพังในมหามรรค

หนทางแห่งการฝึกปราณ เดิมก็เป็นขั้นตอนของการเสาะหาการเปลี่ยนแปลงแห่งตนอยู่แล้ว เต็มไปด้วยคลื่นลม และย่อมไม่มีทางคลื่นลมสงบสบายไปตลอดอย่างแน่นอน

และการที่สามารถบุกฝ่าออกมาจากอันตราย อยู่รอดท่ามกลางความเป็นตาย เคี่ยวกรำตนเองจากการเข่นฆ่า จึงจะสามารถทำให้ฝ่าทะลวงได้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างแท้จริง

อันที่จริงตลอดทางมานี้หลินสวินก็ประสบอันตรายสุดหยั่งอยู่บ่อยๆ ถึงขั้นพบเจอภัยคุกคามถึงชีวิตหลายครั้ง

ทว่าหลังจากเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีในแต่ละครั้ง มรรควิถีของเขาล้วนเกิดความมั่นคง นี่เป็นการตกตะกอนที่ล้ำค่ายากจะได้รับอย่างหนึ่ง

ผู้ไร้ประสบการณ์ผ่านอันตรายเป็นตาย ย่อมไม่อาจเอ่ยถึงมหามรรค!

หลังครึ่งปีที่ออกจากเมืองลมมงคล เท่ากับช่วงเวลาหนึ่งปีสามเดือนที่หลินสวินเข้าสู่แดนใหญ่พันศึก

หลินสวินบุกตะลุยเข้าสู่ด่านนภาอมตะที่สี่

เขาใช้เวลาหนึ่งวันเอาสมบัติที่รวบรวมได้ตอนที่เตร็ดเตร่ตลอดทางนี้ ขอเพียงไม่ได้ใช้งานล้วนเอาออกมาขายทิ้ง

และจากนั้นก็ซื้อมุกยมโลกมาได้อีกห้าเม็ด

เขาไม่ได้ชักช้า หลังจากทำการทดสอบของจวนเจ้าเมืองเสร็จ หลินสวินก็ออกเดินทางต่ออีกครั้ง

ในปีที่หนึ่งกับเจ็ดเดือนนับจากเข้าสู่แดนใหญ่พันศึก

หลินสวินเข้าสู่ด่านนภาอมตะที่ห้า

และก็เป็นการเข้าเมืองครั้งนี้ที่ทำให้หลินสวินได้รับข่าวที่คาดไม่ถึงข่าวหนึ่ง ฐานะของเขาถูกเปิดโปงแล้ว!

แม้แต่ในประกาศจับที่แขวนอยู่บนกำแพงเมืองนั่น ยังเขียนกำกับไว้ว่าหลินสวินสองคำ!

นี่ทำให้ในใจหลินสวินสะท้านไหว หลังจากตรวจสอบโดยละเอียดจึงรู้ว่า ที่แท้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งจากตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งที่ปล่อยข่าวนี้ออกไป

‘ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่ง…’

หลินสวินหัวคิ้วขมวดมุ่น

สถานการณ์เหนือคาดนี้ทำเอาเขาเองยังตั้งรับไม่ทันอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนก็พอจะเข้าใจได้เลาๆ ว่าตระกูลลั่วระบุชัดออกมาได้อย่างไร

ในโลกยอดนิรันดร์ ขุมอำนาจที่เข้าใจทางเดินโบราณฟ้าดาราที่สุด เกรงว่าย่อมต้องเป็นตระกูลลั่วอย่างไม่ต้องสงสัย

และตนก็เป็นคนเดียวที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิในช่วงเกือบแสนปีมานี้ ซ้ำยังถูกตระกูลลั่วมองเป็นเสี้ยนหนามตำใจ เป็นตะปูในอกอีกด้วย

ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ เมื่อรู้ว่าฐานะ ‘หลิงเสวียนจื่อ’ นั่นของตนมาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราเช่นกัน ย่อมต้องเดาเบาะแสบางอย่างออกแน่นอน!

เหตุใดตระกูลลั่วถึงรู้ข่าวรวดเร็วเช่นนี้

นี่เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับประกาศจับที่ติดอยู่ในแต่ละเมืองของด่านนภาอมตะทั้งสี่สิบเก้าแห่งอย่างแยกไม่ออก

ถึงอย่างไร ‘หลิงเสวียนจื่อ’ ก็อยู่ลำดับที่เก้า ซ้ำยังมาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ตระกูลลั่วมีหรือจะไม่สงสัย

‘ดูจากตรงนี้ ตระกูลลั่วคงรู้เรื่องที่ข้ากำลังข้ามแดนใหญ่พันศึกมุ่งหน้าไปโลกยอดนิรันดร์แล้ว… ไม่สิ บางทีพวกเขาอาจเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้วก็ได้…’

นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของตน ว่าเป็นไปได้สูงว่าอาจเต็มไปด้วยอันตรายอีกแล้ว

ทว่าเขากลับไม่หวั่นเกรง

จากมรรควิถีในปัจจุบันของเขา กอปรกับไพ่ตายในมือ ย่อมไม่กลัวการฟาดฟันกับขุมอำนาจตระกูลลั่วในแดนใหญ่พันศึกแห่งนี้สักครั้ง

หนำซ้ำหลังจากหลินสวินขบคิดถี่ถ้วนแล้ว กลับรู้สึกว่านี่หาใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยก็ทำให้ตนสามารถหยั่งเชิงพลังและรากกฐานบางส่วนของตระกูลลั่วได้ตรงๆ

‘ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะโผล่มาเมื่อไหร่…’

หลินสวินมองเห็นแล้ว บนประกาศจับนั่น ลำดับของตนทะยานขึ้นช่วงใหญ่ฉับพลัน ไปอยู่ในตำแหน่งที่สาม

สาเหตุก็เพราะตระกูลลั่วเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย ออกประกาศจับเขาเช่นกัน ซ้ำยังตั้งรางวัลยี่สิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง

เมื่อรวมกับรางวัลนำจับของตระกูลเหวินและตระกูลเหิงก่อนหน้านี้ ก็เป็นจำนวนถึงยี่สิบหกล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งแล้ว

น้อยกว่ารางวัลนำจับของ ‘คนสะพายดาบ’ ที่จัดอยู่ลำดับสองเพียงหนึ่งล้านเท่านั้น

และน้อยกว่ารางวัลนำจับของ ‘ชางฝูเซิง’ ที่อยู่อันดับหนึ่งสี่ล้าน

หนำซ้ำตระกูลลั่วยังระบุไว้ในประกาศจับเป็นพิเศษ ว่าหากใครสามารถจับเป็นหลินสวินแล้วส่งถึงมือตระกูลลั่วได้ รางวัลนำจับจะเพิ่มขึ้นสิบเท่าทันที!

ยามมองเห็น นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงอย่างอดไม่ได้

และอันที่จริงประกาศจับฉบับนี้ก็สร้างความฮือฮาไปทั่วแดนใหญ่พันศึกแล้ว ถูกผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่มองเห็น ล้วนพากันคาดเดาอย่างอดไม่ได้ ว่าหลินสวินที่เคยใช้ชื่อปลอมว่าหลิงเสวียนจื่อผู้นี้ ก่อเรื่องใหญ่โตอะไรไว้กันแน่ ถึงได้หาเรื่องจนตระกูลลั่วเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่ขนาดนี้

เรื่องนี้ฮือฮาอย่างมาก ผลลัพธ์ก็ประจักษ์ชัดยิ่ง มีบุคคลแห่งยุคที่ที่มาไม่ธรรมดามากมายล้วนเกิดความสนใจต่อเรื่องนี้อย่างอดไม่ได้

ทรัพย์สินเงินทองล่อใจคนมาตั้งแต่อดีต ต่อให้เป็นบรรพจารย์มรรค หากเสนอเงื่อนไขที่ล่อใจมากพอ ก็ย่อมไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน

สามารถคาดเดาได้ว่า หลังจากเรื่องนี้เมื่อฐานะของหลินสวินถูกเปิดโปง จะต้องถูกพวกกร้าวแกร่งร้ายกาจจำนวนหนึ่งมองเป็น ‘เหยื่อ’ อย่างแน่นอน!

น่าเสียดาย หลินสวินในปัจจุบันต่างจากอดีตไปนานแล้ว จากมรรควิถีในตอนนี้ของเขา หากอยากปิดบังตัวตน ต่อให้เป็นบรรพจารย์มรรคก็ยังไม่อาจมองทะลุ

แต่ขณะเดียวกันหลินสวินก็พบว่า ในประกาศจับตระกูลลั่วระบุลักษณะพิเศษทั้งหมดของตนไว้อย่างชัดเจน กระทั่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งยังถูกวาดขึ้นมาอย่างสมจริง!

หรือกล่าวได้ว่า ขอเพียงเขาใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ฐานะก็จะถูกเปิดเผยแน่นอน

‘เพื่อจะจัดการข้า ช่างลงทุนทุ่มเทจริงๆ…’

ในหอสุราแห่งหนึ่ง หลินสวินก้มหน้าก้มตาดื่มสุรา สีหน้าราบเรียบ ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำ

ว่ากันถึงที่สุด เขาในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ

มรรควิถีมาถึงระดับอย่างเขา คนที่สามารถทำให้เขากริ่งเกรง บางทีอาจมีเพียงระดับอมตะที่อยู่เหนือกว่าระดับบรรพจารย์เท่านั้น

ไม่กี่วันต่อมาหลินสวินออกจากด่านนภาอมตะที่ห้า มุ่งหน้าออกเดินทางอีกครั้ง

ต่อให้ฐานะเขาถูกเปิดโปง อย่างน้อยก็ยังไม่ได้ส่งผลเป็นรูปธรรมใดๆ ต่อการเดินทางของเขาเป็นการชั่วคราว

และหลังจากหลินสวินออกไปได้ไม่นาน

นอกด่านนภาอมตะที่ห้า หนึ่งชายหนึ่งหญิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

เป็นตู๋กูโยวหรันและเผิงเทียนเสียงนั่นเอง

ยามมองเห็นประกาศจับที่ติดอยู่บนประตูเมือง ตู๋กูโยวหรันอดอึ้งไปไม่ได้ นัยน์ตาสุกใสวาบแววประหลาดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง มุมปากขยับโค้งขึ้นน้อยๆ

เจ้าคนจอมหลอกลวง!

——