ฟึ่บ!
สายตาทุกคู่ต่างหันไปมองทางหลินสวินที่อยู่บนบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้นเป็นจุดเดียว
“หลังสังหารเจ้าเดรัจฉานนี่ บางทียังอาจได้ศุภโชคของเขตผนึกนี้ด้วย ไม่เสียแรงที่พวกเราลำบากตามหามาหลายวัน” เสียงของเหิงสิงโจวดังกังวาน เผยแววทอดถอนใจ
หลายวันมานี้พวกเขาตะบึงไปทั่วโบราณสถานมหามรรค มุ่งหวังเพียงสังหารหลินสวินเท่านั้น ระหว่างทางไม่รู้ว่าพลาดศุภโชคไปมากเท่าไหร่
คนอื่นๆ ต่างก็อารมณ์ไหวกระเพื่อมด้วยเช่นกัน
หลังตรากตรำค้นหา ในที่สุดก็ล้อมกรอบเป้าหมายไว้ที่นี่ได้แล้ว ความรู้สึกนี้ราวกับเมฆเปิดเห็นจันทร์กระจ่าง!
“พวกเจ้าสองคน รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าเดรัจฉานนี่เป็นศัตรูกับพวกเรา แต่ยังเกลือกกลั้วอยู่กับเขา คิดจะรนหาที่ตายกันหรือ”
เหวินเทาเลวี่ยกวาดสายตาผ่านหลินสวิน มองไปยังเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิว สีหน้าไม่เป็นมิตร ในน้ำเสียงไม่ปกปิดไอสังหารคุกรุ่นสักนิด
คนอื่นๆ ก็ขมวดคิ้ว เผยแววเย็นชาและเหยียดแคลน
เยวี่ยตู๋ชิวสีหน้าเปลี่ยนไปมา เซี่ยงเสี่ยวหยวนกลับเอ่ยเรียบๆ ว่า “เจ้าเฒ่า แค่ใช้อำนาจรังแกกันไม่ใช่รึไง ข้าก็ทำเป็น”
ว่าพลางนางแบฝ่ามือออก ยันต์สีทองสายหนึ่งพุ่งทะยานขึ้น เคลื่อนไหวหมุนคว้าง ปรากฏแผนภาพประทับสมบัติสีทองขึ้นกลางอากาศ รอบๆ ประทับสมบัติสะท้อนฟ้าดาราไร้สิ้นสุด อานุภาพไร้ขอบเขต!
“ประทับมรรคมหาฟ้าดารา!”
พวกเหวินเทาเลวี่ยล้วนนัยน์ตาหดรัดในชั่วขณะ
“เจ้าเป็นคนตระกูลหลิ่วเซียงแห่งน่านฟ้าที่เจ็ดหรือ” ลั่วเสินถูขมวดคิ้ว
ตระกูลหลิ่วเซียง!
ชั่วขณะเดียวคนอื่นๆ ต่างก็มีปฏิกิริยา ล้วนเผยสีหน้าตกใจออกมา
นั่นเป็นถึงเผ่าจักรพรรดิอมตะโบราณตระกูลหนึ่งที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ รากฐานพลังแน่นหนาเก่าแก่สุดขีด และอาวุธพิทักษ์ตระกูลของพวกเราก็คือประทับมหาฟ้าดารา!
เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ข้ายังไม่ถึงขั้นทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ”
หลินสวินก็เพิ่งรู้เวลานี้เช่นกัน ว่าที่แท้มารดาของเซี่ยงเสี่ยวหยวนถึงกับมาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหลิ่วเซียง
ทุกคนล้วนตระหนักได้ว่าเริ่มรับมือยากขึ้นแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงมา
ครั้งก่อนตอนอยู่เมืองยอดยุทธ์ก็มีไป๋เจี้ยนเฉินสอดมือ ทำให้พวกเขาคว้าน้ำเหลวในจังหวะสุดท้ายของการล้อมสังหารหลินสวิน
และตอนนี้ก็มีทายาทตระกูลหลิ่วเซียงโผล่มาอีกคน ทำให้พวกเขาอัดอั้นตันใจไประลอกหนึ่ง
“พวกเราไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินตระกูลหลิ่วเซียง แต่หากแม่นางแทรกมือในเรื่องนี้ ก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”
ลั่วเสินถูสายตาเย็นเยียบ เงาร่างของนางผอมแห้ง ผมขาวราวน้ำค้างแข็ง สภาพแก่ชรา แต่กลับมีอานุภาพบีบคั้นผู้คน
“แล้วถ้าข้าจะแทรกล่ะ” เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าวเรียบๆ
ลั่วเสินถูขมวดคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าจะเอ่ย “เช่นนั้นมีแต่ต้องจับเป็นเจ้า รอสังหารเศษสวะนั่นแล้วค่อยปล่อยเจ้าไป”
คนอื่นๆ สายตาวาบวาว
ไม่ว่าตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง หรือตระกูลลั่ว หากพูดถึงรากฐานพลัง ล้วนไม่อาจเทียบกับตระกูลหลิ่วเซียงที่ตั้งรกรากอยู่ในน่านฟ้าที่เจ็ด
แต่เวลานี้เป็นแค่การเผชิญหน้ากับคนที่สงสัยว่าอาจเป็นคนในตระกูลหลิ่วเซียงเท่านั้น ขอเพียงไม่ทำอันตรายถึงชีวิตของนาง ย่อมไม่มีทางเรียกปัญหาใหญ่โตได้แน่นอน
ชั่วขณะหนึ่งในใจเซี่ยงเสี่ยวหยวนเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง เดิมนางคิดว่าหลังเปิดเผยฐานะจะสามารถทำให้อีกฝ่ายสั่นคลอน อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัวว่าจะทำอันตรายมาถึงนางได้
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเพื่อจะฆ่าหลินสวินให้ตาย อีกฝ่ายก็ไม่สนสิ่งใดสักนิด!
เซี่ยงเสี่ยวหยวนตั้งท่าจะพูดอะไร กลับถูกหลินสวินห้ามไว้ กล่าวว่า “แค่คนใกล้ตายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น จะพูดพล่ามกับพวกเขาไปทำไม”
คนใกล้ตายหรือ
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวสบตากันปราดหนึ่ง ในใจล้วนอดยิ้มขื่นไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่เมืองยอดยุทธ์นะ ไม่มีไป๋เจี้ยนเฉินโผล่มาแทรก พี่หลินหนอพี่หลิน เหตุใดเจ้าถึงจิตใจห้าวหาญปานนี้
“เจ้าเดรัจฉาน จะตายอยู่รอมร่อยังปากดีอยู่อีก คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วชัดๆ!”
ไกลออกไปเมื่อได้ยินคำพูดของหลินสวิน สีหน้าผู้ฝึกปราณเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูลล้วนเคร่งขรึม โกรธจนแทบจะหัวเราะ
กลับเห็นลั่วเสินถูก้าวออกมา นัยน์ตาดุจสายฟ้า จ้องหลินสวินเขม็งพลางกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ทางเดินโบราณฟ้าดารามีผู้แข็งแกร่งเช่นเจ้า ยังไม่ทันเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ มรรควิถีในตัวก็สามารถต้านบรรพจารย์มรรคได้แล้ว เป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุคที่หาตัวจับยากในรอบพันปีจริงๆ หากเจ้าก้มหัวเสียตอนนี้ ข้าสัญญาว่าไม่เพียงจะปล่อยเจ้ารอดชีวิต แต่ยังจะทำให้เจ้ากลายเป็นบุคคลแกนหลักในตระกูลลั่วด้วย ในภายภาคหน้าด้วยรากฐานพลังของเจ้า ย่อมต้องมีวันที่ปกครองใต้หล้าในสักวัน”
ทั้งที่นั้นล้วนแตกตื่น
เหวินเทาเลวี่ยและเหิงสิงโจวสีหน้าไม่น่าดู คำพูดนี้ของลั่วเสินถู เห็นชัดว่าตั้งใจจะชักชวนหลินสวินเข้าพวก นี่ทำให้พวกเขาต่อต้านอย่างที่สุด
แต่ลั่วเสินถูก็กล่าวขึ้นโดยไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก “ทั้งสองท่าน สัญญาก่อนหน้านี้ของพวกเราไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งหากทั้งสองท่านเห็นด้วยกับเงื่อนไขที่ข้าเสนอเมื่อครู่ ตระกูลลั่วของข้ายินดีจ่ายค่าชดเชยให้เพิ่มอีกสิบเท่า!”
สิบเท่า!
ลั่วหลิงนัยน์ตาหดรัด การร่วมมือกับตระกูลเหวินและตระกูลเหิงครั้งนี้ ตระกูลลั่วก็จ่ายค่าตอบแทนเพื่อการนี้ไปไม่น้อย สามารถทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิคนใดไม่อาจปฏิเสธได้
หากต้องจ่ายเพิ่มในราคานี้อีกสิบเท่า…
นั่นเท่ากับทำให้ตระกูลลั่วของพวกเขาเสียเลือดปริมาณมากชัดๆ!
ส่วนพวกเหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจวล้วนสีหน้าเปลี่ยนไปมา ข้อเสนอที่ลั่วเสินถูยื่นให้ทำให้พวกเขาใจเต้นจริงๆ
อีกทั้งพวกเขายังไม่ห่วงว่าลั่วเสินถูจะคืนคำ
ในน่านฟ้าที่หก ลั่วเสินถูเป็นคนร้ายกาจยิ่งคนหนี่งในระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ปราณในตัวขาดเพียงนิดเดียวก็จะแตะขอบธรณีมรรคาอมตะ ครอบครองวิชาอสนีทั้งปวง การต่อสู้เข่นฆ่า ล้วนโดดเด่นเฉิดฉายในหมู่คนระดับเดียวกัน!
ด้วยสถานะของนาง การเอ่ยเช่นนี้ออกมาเปรียบเสมือนกฎทองคำบัญญัติหยก
แต่ในใจพวกเขาก็อดเคลือบแคลงไม่ได้ เหตุใดลั่วเสินถูถึงยืนกรานไม่สังหารหลินสวินนี่ให้ตาย หรือว่าในนี้จะมีเรื่องอื่นแอบแฝง
“หลินสวิน เจ้าก็เห็นแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสเดียวของเจ้า”
ลั่วหลิงเอ่ยพูด
นางเองก็เข้าใจแล้ว หากหลินสวินยอมรามือทำตามแต่โดยดี นั่นย่อมดีที่สุด ขอเพียงพาตัวเขากลับตระกูลลั่วได้ ก็เท่ากับนำพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินกลับคืนมา!
“คิดว่าข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังวางอุบายอะไรกันอยู่จริงๆ หรือ”
หลินสวินยิ้มเยาะ แววตาลุ่มลึก “ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ ตระกูลลั่ว ข้าย่อมต้องไปเยือนด้วยตัวเองสักเที่ยวอยู่แล้ว ส่วนพวกเจ้า… คิดจริงๆ หรือว่าวันนี้จะกำชัย กำราบข้าได้อยู่หมัด”
ลั่วเสินถูขมวดคิ้ว นัยน์ตาวาบประกายอสนี
“หลินสวิน ข้าข่มกลั่นยอมถอยให้หลายครั้งแล้ว เจ้าก็ยังหัวรั้นไม่เข้าเรื่อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็มีแต่ต้องกำจัดเจ้าเท่านั้นแล้ว!”
ชั่วขณะนี้ลั่วเสินถูก็เดือดดาลแล้วเช่นกัน ในตัวหลินสวินมีสายเลือดตระกูลลั่วไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินติดตัว นี่ก็คือสาเหตุที่นางไม่ยอมลงมือถึงตาย
แต่ตอนนี้นางหมดความอดทนแล้ว ตั้งใจว่าตอนโจมตีหลินสวินจะใช้วิชาลับเก็บศพของเขา เพื่อยื้อให้สายเลือดของเขาคงอยู่สืบไป
“ควรเป็นเช่นนี้แต่แรก!”
เหวินเทาเลวี่ยและเหิงสิงโจวสีหน้าอำมหิต
“พวกเจ้าสองคนชมดูการต่อสู้อยู่ข้างๆ ก็พอ”
หลินสวินเอ่ยกำชับเสียงเบาแล้วก้าวไปข้างหน้า เลือดลมดุจคลื่นโหมคลั่ง
“ทะยาน!”
ลั่วเสินถูยื่นมือคว้าออกไป
เสาอสนีสีม่วงเชื่อมฟ้าทะลวงดินต้นหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากตัวนาง ในเสาอสนีสะท้อนไม้เท้าไม้ไผ่สีม่วงแวววาวยาวเจ็ดฉื่อเจ็ดชุ่นอันหนึ่ง โปร่งแสงวาวระยับ รายล้อมด้วยอสนีสีม่วงเป็นสายๆ ประกายสายฟ้าแผ่ทั่วสี่ทิศ ยังมีดาราลอยวนเป็นดวงๆ แผ่กลิ่นอายผลาญฟ้าทำลายดินออกมา
ไม้เท้าต้อนดารา!
สมบัติที่มีคุณสมบัติของวัตถุอมตะชิ้นหนึ่ง เพียงเคาะเบาๆ ก็มีอานุภาพกรีดแยกธารดารา ไล่ต้อนหมู่ดาว น่าพรั่นพรึงไร้สิ้นสุด
เมื่อกำไม้เท้าต้อนดารา อานุภาพของลั่วเสินถูพลันเปลี่ยนไปทันควัน ทำเอาห้วงอากาศทั้งหมดล้วนสั่นสะเทือน เหนือฟ้าดินเมฆดำหนาแน่น สายฟ้ากระหน่ำฟาดดุจดั่งโลกาวินาศมาเยือน
บนบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น นัยน์ตาดำหลินสวินลุ่มลึก เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพุ่งออกไปทันที ลอยอยู่ศีรษะ แสงมรรคมหาศาลไหลหลั่ง
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวล้วนหัวใจบีบเกร็ง
“ไป!”
ลั่วเสินถูชูไม้เท้าต้อนดาราขึ้นเคาะห้วงอากาศเบาๆ
ตูม!
สายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งปรากฏขึ้น แปลงเป็นมังกรอสนีสีม่วงยาวหลายพันจั้งตัวหนึ่ง ระเบิดเสียงดังเปรี้ยงๆ กลางห้วงอากาศ ไอชั่วร้ายดุจทำลายล้างบ้าคลั่งหอบม้วนไปทั่วห้วงนภา
การโจมตีนี้สะท้อนอานุภาพบรรพจารย์จักรพรรดิออกมาทั้งหมด พลังสายฟ้านั่นดุจดั่งทัณฑ์สวรรค์จากฟากฟ้า กระหน่ำฟาดดุเดือด หมายจะกำจัดหลินสวินให้สิ้น
หลินสวินกระโจนขึ้นไป ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสกัดไว้ เตาหลอมเปล่งแสงเจิดจ้า มีอานุภาพหนาหนักประหนึ่งสยบอดีตปัจจุบันอนาคตอยู่รางๆ
เสียงก้องกระหึ่มดังขึ้นระลอกหนึ่ง อสนีสีม่วงคุกรุ่นฟาดกระแทกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง บังเกิดพลังโจมตีทำลายล้างที่น่าพรั่นพรึง แต่เพียงพริบตากลับถูกสลายไปทั้งหมด
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสมบูรณ์ไร้มลทิน
หลินสวินไม่ได้บาดเจ็บเสียหายเช่นกัน อาภรณ์สีขาวพระจันทร์โบกสะพัดดังพรึ่บ ผมดำปลิวไสว เงาร่างสูงโปร่งดุจดั่งเทพมาร อานุภาพน่าพรั่นพรึงประหนึ่งกลืนกินสิบทิศแผ่ออกมา
“ยายแก่ ครั้งก่อนตอนอยู่เมืองยอดยุทธ์ไม่ได้สังหารเจ้า แต่คราวนี้จะไม่ปล่อยเจ้าหนีไปได้อีกแล้ว” หลินสวินถอนใจเฮือกยาว เป็นฝ่ายรุกโจมตีก่อน
ตูม!
เท้าเขาก้าวย่างตามวงดารา อานุภาพทั่วร่างปั่นป่วน กรีดแหวกห้วงอากาศ ดุจดังหุบเหวเคลื่อนไหว พุ่งเข้าใส่ลั่วเสินถู
ทุกคนล้วนประหลาดใจ
หลินสวินแข็งกร้าวเกินไปแล้ว ราวกับไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ของตัวเองสักนิด เคลื่อนไหวไร้เกรงกลัว ปราศจากความกังวล ทำให้ทุกคนล้วนไม่อยากเชื่อ
สวบ!
ลั่วเสินถูสีหน้ามืดทะมึน โบกสะบัดไม้เท้าต้อนดาราแล้วพุ่งออกไป
เพียงชั่วอึดใจทั้งสองฝ่ายก็ต่อสู้กันไปร้อยกว่าครั้ง ทำเอาฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วน ห้วงอากาศถล่มครืน ภาพโกลาหลปรากฏชัด
ไม่นานพร้อมๆ กับเสียงก้องกระหึ่มสายหนึ่ง กระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งก็ฟันออกไป ผ่าฟันจนเงาร่างของลั่วเสินถูสั่นโคลง เกือบถูกซัดกระเด็น
นางหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สัมผัสได้ชัดเจนว่าเมื่อเทียบกับตอนอยู่ในเมืองยอดยุทธ์แล้ว หลินสวินที่อยู่ตรงหน้า แม้ปราณจะยังไม่ทะลวงขั้น แต่เห็นได้ชัดว่าพลังต่อสู้ของเขาแกร่งกล้าขึ้นโข!
เป็นไปได้สูงว่าหลินสวินได้รับศุภโชคบางอย่างในเขตผนึกแห่งนี้ ถึงทำให้พลังต่อสู้ของเขารุดหน้าผิดหูผิดตาอย่างไม่ต้องสงสัย!
สวบ!
และในเวลานี้เงาร่างสายหนึ่งเหินมาจากห้วงอากาศมืดมิด เป็นเหิงสิงโจวนั่นเอง
ร่างกายเขาสูงใหญ่กำยำ บึกบึนดุจเทพคนเถื่อน มือถือกลองหนังสัตว์ บนนั้นปกคลุมด้วยลายมรรคแน่นขนัด เมื่อเขาตีมัน เสียงกลองน่าประหวั่นดุจเขาถล่มคลื่นซัดโหมพลันกลายเป็นกระแสปั่นป่วนสีทองพุ่งกระเซ็น โถมทะลักไปทางหลินสวิน
เสียงกลองนั่นสะเทือนจนฟ้าดินถล่มทลาย สะเทือนจนเทพผีร่ำไห้ สะเทือนจนสุริยันจันทราอับแสง!
ทันทีที่ลงมือก็สำแดงไพ่ตายที่แกร่งกร้าวออกมา!
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ในห้วงอากาศแสงมรรคสายหนึ่งพุ่งออกมา เหวินเทาเลวี่ยก็ลงมือเช่นกัน มือข้างหนึ่งกำทวนศึกสำริด อีกข้างควบคุมโคมแปลงมาร ปลดปล่อยอานุภาพเย้ยฟ้าออกมา
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่เมืองยอดยุทธ์ พวกเขาก็เคยร่วมมือกันล้อมโจมตีหลินสวินมาแล้ว ย่อมรู้ดีว่าพลังของหลินสวินพลิกฟ้าปานใด จึงไม่มีทางต่อสู้ด้วยวิธีการธรรมดา!
ตูม!
ในสนามรบกระแสมหามรรคพร่างพราวบาดตาม้วนตลบห้วงอากาศ สายฟ้า เสียงกลอง เงาทวน เพลิงเทพ… ภายในระยะพันจั้งโดยมีหลินสวินเป็นศูนย์กลาง ล้วนถูกพลังระดับบรรพจารย์ที่แข็งแกร่งเหล่านี้เบียดแทรก
ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพผลาญฟ้าทำลายโลก ทั้งยังมีพลังอภินิหารแปลกประหลาดมากมาย ภายใต้การสำแดงออกมาพร้อมกัน เกรงว่าแม้แต่บรรพจารย์จักรพรรดิในระดับพลังเดียวกันยังต้องหลบเลี่ยงประกายคมของมัน!
ชั่วพริบตาหลินสวินก็ตกอยู่ในวงล้อมแน่นหนา
หน้าตำหนักยอดยุทธ์ เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวต่างหวั่นใจ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
……………………